ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 695
จื่ออันลอบยิ้มออกมา หลิวเย่ว์ผู้นี้ยังไม่ลงมือ หรือว่าจะรอให้พวกเขาทำเรื่องดี ๆ กันให้เสร็จเสียก่อน? ที่จริงแล้ว การทำลายเรื่องดีของผู้อื่นนั้นก็เท่ากับว่าเป็นการฆ่าบิดามารดาของผู้อื่น
จากนั้นปากของรัชทายาทก็ส่งเสียงครวญครางออกมา ราวกับว่าทุกอย่างได้หยุดลง
เสียงของหลิวเย่ว์ค่อย ๆ ดังขึ้น “จัดการเรื่องราวจนเรียบร้อยแล้วหรือ?”
รัชทายาทและพระสนมอี๋ตื่นตกใจจนลุกกระโดดขึ้นมา พระสนมอี๋กอดผ้าห่มลุกขึ้นนั่ง เอ่ยออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าเป็นใครกัน?”
คนด้านนอกประตูนั้นเมื่อได้ยินเสียง ก็เปิดเข้ามาทันที สี่ตาส่งเสียงคำรามกระโจนออกไป
นางกำนัลทั้งสองคนวิ่งหนีไป ทหารองค์รักษ์ขององค์รัชทายาทต้านทานได้อยู่ชั่วคราว ทว่าสี่ตานั้นดุร้ายอย่างมาก เมื่อพัวพันกันอยู่นั้น ทั้งสองคนก็ถูกกัดเข้า จนไม่กล้าที่จะผลีผลามกันเข้าไป
หลิวเย่ว์วางกริชลงบนโต๊ะ ก่อนจะนำลูกประคำออกมาหมุนวนอยู่ในมือ เอ่ยออกมาอย่างสุภาพ “องค์รัชทายาทสินะ?”
รัชทายาทรีบใส่เสื้อผ้าอย่างร้อนรน กรุ่นโกรธเป็นอย่างมาก “เจ้าเข้ามาได้อย่างไร? ไสหัวออกไป!”
“ออกไปนั้นต้องออกไปอยู่แล้ว รัชทายาทขอได้โปรดระงับความโกรธด้วย ศาสนสถานเป็นสถานที่สะอาด ห้ามส่งเสียงดัง!” นางค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ในมือหมุนวนลูกประคำ เอ่ยออกมากับพระสนมอี๋ “หญิงผิดประเวณีท่านนี้ ท่านออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะกราบทูลกับรัชทายาท”
พระสนมอี๋ที่สวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง ในตาเกิดแววสังหารขึ้น ทว่าเมื่ออยู่ในศาสนสถาน นางจึงไม่มีคนให้ใช้เพียงพอ อีกทั้งคนผู้นี้ยังเข้ามาได้อย่างไร้ซึ่งซุ้มเสียง เพียงแต่พวกเขานั้นกำลังหมกมุ่นอยู่ในกิจกรรมกันมากจนเกินไป จึงไม่ทันได้สังเกตถึง
หลังจากที่พระสนมอี๋ออกไปแล้ว จื่ออันก็ลอบมองต่อไป เดิมทีนางคิดว่าหลิวเย่ว์จะถามหากล่าวโทษเสียก่อน ก่อนจะลงมือ
ทว่าหลิวเย่ว์ไม่ได้ทำตามนั้น พระสนมอี๋เพิ่งจะเดินออกไป นางก็นำกริชออกมา แล้วกระโจนเข้าไป
จากนั้นจื่ออันก็ได้ยินคำพูดที่สกปรกมากที่สุดในที่ชีวิตนี้ ที่เรียกว่าสารเลว คนชั่ว มารดาเจ้าสิ ไปหาบรรพบุรุษของเจ้าสิ คำพูดจำพวกนี้เมื่อเปรียบเทียบกับหลิวเย่ว์แล้ว ก็เป็นเพียงแค่คำทักทายปกติเท่านั้น
คำพูดของนางไม่ได้มีคำพูดที่เกี่ยวกับอวัยวะใด หากมีก็เพียงแค่สองคำเท่านั้น แต่กลับทำให้คนคิดถึงเรื่องราวที่สกปรกบางอย่างขึ้นมา ความหมายโดยรวมก็คือ นกของเจ้าตัวน้อยนิด แต่ทำไมถึงได้แสร้งทำเป็นนกอินทรีย์ คำเหล่านี้ฟังแล้วก็ดูเหมือนคำชื่นชม
ทว่ามีบางอย่างที่จื่ออันฟังแล้วภายหลังถึงได้รู้สึกไม่สบายใจนัก เพราะว่านางใช้วิธีการแปลกประหลาดเอ่ยทักทายบรรพบุรุษของตระกูลมู่หรง
หากว่าแปลให้สละสลวยแล้วก็คือ หลุมฝังศพของตระกูลเจ้าถูกอุจจาระฝังกลบ ถึงได้ให้กำเนิดสุนัขแบบเจ้าออกมา หลุมฝังศพของตระกูลมู่หรงของเจ้าช่างเหนื่อยล้าเสียจริง ในฐานะที่เป็นภรรยาของมู่หรงเจี๋ย ทำให้นางรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างมาก อย่างไรแล้วคำสกปรกเช่นนี้นางรู้จักดี
ทว่าเมื่อคิดถึงการกระทำขององค์รัชทายาทแล้ว หากว่ามาช้าไปเพียงแค่ก้าวเดียว อี๋เอ๋อร์จะเป็นอย่างไร นางโมโหเป็นอย่างมาก ลอบเอ่ยออกมา สบถออกมา โลงศพในหลุมฝังศพของบรรพบุรุษตระกูลมู่หรงนั้นข้าช่วยยึดเอาไว้แล้ว
รัชทายาทถูกทุบตีเสียจนไม่มีแรงตอบโต้กลับ หลิวเย่ว์ลงมืออย่างโหดร้ายโดยที่หน้าตาใสซื่อ ไม่ได้ทุบตีจนตาย แต่กลับเหมือนราวตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง
หลังจากที่พระสนมอี๋ออกไปแล้ว.ก็ร้องเรียกคนของวัดเข้ามา ทว่าคนที่ออกบวชเหล่านี้โดยมากแล้วก็ไม่ได้ฝึกการต่อสู้.เพียงแต่ท่องตำราเท่านั้น ทุบตีไม่ได้ ดุด่าไม่ได้ ทำได้เพียงแค่จ้องมองอยู่ด้านนอก
จื่ออันเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นของพระสนมอี๋ ก็รู้ว่าไม่อาจที่จะหลบซ่อนได้อีก มิฉะนั้นแล้วสองแม่ลูกอี๋เอ๋อร์จะเกิดเรื่องยุ่งยากเข้า
นางกระโดดลงมาจากหลังคา ตกลงยังเบื้องหน้าของพระสนมอี๋
พระสนมอี๋มองเห็นนาง กัดฟันเอ่ยออกมา “เป็นเจ้า?”
“เป็นข้า!” จื่ออันยิ้มออกมา “พระสนมอี๋สนใจที่จะมาสักการะพระพุทธเจ้าที่นี่มากถึงเพียงนี้เชียว?”
“เซี่ยจื่ออัน ข้าไปล่วงเกินเจ้าที่ส่วนไหนกัน?” พระสนมอี๋เอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
จื่ออันส่ายศีรษะ “ไม่มี พระสนมอี๋วางใจได้ ข้าปิดปากได้แน่นสนิทอย่างมาก สิ่งที่ไม่ควรเอ่ยออกมา.ข้าจะไม่เอ่ยออกไปแม้แต่คำเดียว”