ตอนที่ 3 กระบี่ตระกูลหลี่ (2)
“ดูมานานขนาดนี้แล้ว หลี่ฮ่าว นายคิดจะสืบเรื่องอะไรกันแน่? ที่นี่มีคนทำงานเก่าแก่ตั้งมากมายนายไม่ถามมัวแต่งมหาเอง นายเป็นมือใหม่คนหนึ่งจะสืบหาอะไรได้ ไม่อย่างนั้นลองเอามาให้ฉันดูสิ บางทีฉันอาจจะให้คำแนะนำนายได้ วางใจเถอะ ฉันไม่บอกใครหรอก”
เฉินน่ายิ้มร่าเอ่ย “เป็นไงล่ะ เอาให้ฉันลองอ่านดูหน่อยไหม?”
ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ!
เมื่อก่อนหลี่ฮ่าวไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตนกำลังตามสืบเรื่องนี้อยู่ และกังวลว่าจะไปทำให้เงาโลหิตเกิดระแคะระคายขึ้นมา แต่ตอนนี้เขาสืบไม่เจออะไรเลย คดีก็รายงานให้หวังเจี๋ยรับทราบไปแล้ว เวลานี้เอาให้เฉินน่าดูก็ใช่ว่าจะไม่ได้
แต่พอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หลี่ฮ่าวก็เปิดปากกล่าว “อย่างนั้นพี่ลองอ่านดู แต่ไม่ต้องไปลำบากคนอื่นหรอกครับ”
เขาไม่อยากให้คนรู้เยอะว่าตนกำลังให้ความสนใจเรื่องนี้อยู่
เฉินน่าเองก็เป็นเด็กใหม่ประสาทสัมผัสเลยไม่ค่อยว่องไวหลักแหลมเท่าไหร่นัก ทันทีที่คนอื่นเห็นข้อมูลคนพวกนี้อาจนึกถึงคดีที่เกิดขึ้นในอดีตขึ้นได้และรู้ว่าหลี่ฮ่าวกำลังตามสืบคดีนี้อยู่
เหตุที่ให้เฉินน่าดูเพราะหลี่ฮ่าวสืบมาตั้งนานแล้วแต่กลับไม่ได้อะไรเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขามีความเกี่ยวพันกับคดีนี้อย่างลึกซึ้งเกินไปเพราะคนที่อยู่ในเหตุการณ์มักมองไม่เห็นความจริงหรือเพราะไม่มีจุดที่เชื่อมโยงอะไรเลยจริงๆ กันแน่นะ
เฉินน่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ บางทีอาจมองเห็นอะไรบ้างก็ได้?
เอาเถอะ ความจริงหลี่ฮ่าวเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เพียงแต่ไม่ได้ข้อมูลอะไรมานานมากแล้วเลยทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“วางใจเถอะ!”
เฉินน่าฉีกยิ้มด้วยความดีใจ สุดท้ายก็มีโอกาสได้ดูความลับของหลี่ฮ่าวแล้ว
เพราะกลัวหลี่ฮ่าวนึกเสียใจ หล่อนจึงรีบคว้าเอกสารในมือของเขาไปแล้วพลิกเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานหล่อนก็ต้องปวดหัวเมื่อเห็นเอกสารเหล่านี้ จึงกล่าวกับอีกฝ่ายว่า “หลี่ฮ่าว ตกลงนายคิดจะหาอะไรจากเอกสารพวกนี้เหรอ? ฉันลองดูแล้วมันเยอะเกินไป เรื่องเล็กๆ น้อยๆ นายก็จดบันทึกลงไปหมดจนจะเป็นสมุดไดอารี่แห่งความทรงจำได้อยู่แล้ว นายอยากได้ผลลัพธ์อะไรกันแน่?”
หลี่ฮ่าวขบคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าว “จุดที่เหมือนกัน! จุดที่เหมือนกันของพวกเขาหกคน!”
เฉินน่าพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
หล่อนพลิกอ่านเอกสารอย่างละเอียดครู่หนึ่ง คนทั้งหก อายุแตกต่างกัน อาชีพและสถานะก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง แถมยังอยู่คนละวงการอีกต่างหาก
อีกอย่างผู้ตายคนแรกตายไปได้สิบปีแล้ว!
ส่วนคนสุดท้ายตายไปได้หนึ่งปี
แล้วจะเอาจุดที่เหมือนกันของหกคนนี้มาจากที่ไหนกัน?
รวมระยะเวลาตลอดหนึ่งปีมานี้หลี่ฮ่าวเอาแต่อ่านคดีนี้ นับว่า…เขาว่างมากจริงๆ
แต่พอได้ดูข้อมูลของคนสุดท้ายแวบหนึ่ง จางหยวน นักศึกษามหาวิทยาลัยกู่ย่วน เฉินน่าก็พอจะรู้อะไรบ้างแล้ว สาเหตุหลักที่หลี่ฮ่าวหมกมุ่นกับคดีนี้เป็นเพราะคนผู้นี้สินะ?
จางย่วน ตายเมื่อวันที่ 22 เดือนกรกฎาคม ปี 1729…เหมือนว่าจะห่างจากเวลาที่หลี่ฮ่าวลาออกได้ไม่นาน หรือจะเรียกว่าลาออกในช่วงเวลานั้นพอดีมากกว่า?
เฉินน่าอ่านอย่างละเอียดอยู่พักใหญ่ถึงคิดเชื่อมโยงไปถึงเรื่องลาออกของหลี่ฮ่าวราวกับพอจะรู้อะไรบางอย่าง
นักศึกษามหาวิทยาลัยกู่ย่วนคนหนึ่งทิ้งอนาคตโดยการลาออก ไม่เคยมีใครเข้าใจเขาสักคน แต่พอได้เห็นเอกสารในตอนนี้แล้ว เฉินน่าก็รู้สึกเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก
ครั้นคิดถึงตรงนี้เฉินน่าที่เดิมคิดจะอ่านเอกสารเล่นๆ จึงจริงจังขึ้นมาไม่น้อย
หลี่ฮ่าวสงสัยว่าจางหย่วนถูกเขาฆ่าตายอย่างนั้นเหรอ?
หรือว่าทั้งหกคนนี้ล้วนถูกฆ่าโดยฝีมือฆาตกรคนเดียวกัน?
เป็นคดีที่มีความเกี่ยวข้องกัน?
……
เฉินน่ากำลังตั้งใจอ่านรายละเอียดคดี หลี่ฮ่าวรออยู่พักใหญ่พอเห็นว่าไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักและไม่ได้สนใจอะไรมากมาย แต่กำลังครุ่นคิดว่าต่อไปตนเองควรจะเดินไปทิศทางไหนดี
ตอนนี้ส่งมอบคดีให้กองตรวจการณ์ไปแล้ว กองตรวจการณ์น่าจะไปตามสืบต่อ แต่หลี่ฮ่าวก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย
นอกเสียจากผู้พิทักษ์รัตติกาลจะเข้ามาร่วมด้วยในเร็วๆ นี้!
‘สิ่งสำคัญก็คือถ้าเป้าหมายต่อไปเป็นตัวเราเองล่ะก็ บางทีอาจได้เจอเงาโลหิตในเร็วๆ นี้ เมื่อไม่กี่วันก่อนเหมือนจะเห็นเงาสีแดงอยู่ลางๆ หรือจะเป็นเงาโลหิตหรือเปล่านะ? มันกำลังตามหาตัวเราเองอยู่หรือเปล่า? หรือว่าเจอเราแล้ว เพียงแต่เพราะสถานะของเราเลยไม่กล้าลงมือตอนนี้กันแน่?’
อย่างไรเสียกองตรวจการณ์ก็เป็นหน่วยงานของฝ่ายปฏิบัติการ นักศึกษาถูกไฟคลอกตายอาจจะไม่เป็นกระแสอะไรใหญ่โตมากมาย ต่อให้เป็นนักศึกษาของกู่ย่วนก็คงเหมือนๆ กัน
แต่หากผู้ตรวจการณ์คนหนึ่งตาย ในฐานะที่เป็นคนของหน่วยงาน พวกเขาย่อมต้องตามสืบอย่างละเอียดแน่นอนเพราะเป็นเรื่องใหญ่กว่านักศึกษาคนหนึ่งตายอยู่แล้ว
‘จากข้อมูลที่อ่านทุกครั้งที่เงาโลหิตปรากฏตัวน่าจะมีเวลาจำกัดและปรากฏตัวได้ไม่นานมากนัก หรืออาจจะเรียกได้ว่าพอถึงเวลาที่กำหนดถึงจะปรากฏตัวขึ้นมา’
‘ความจริงผู้ตายเหล่านี้มีจุดที่เหมือนกัน เพียงแต่…ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด!’
หนึ่งปีมานี้หลี่ฮ่าวเองก็ตามสืบไม่ได้อะไรเลย
อย่างน้อยเขาสืบเจอสิ่งหนึ่ง รวมถึงการตายของจางหย่วน วันที่พวกเขาทั้งหกคนตายเหมือนว่าอากาศจะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
วันที่ฝนฟ้าคะนอง บอลสายฟ้า ฟ้าครึ้มฝนพรำ…
สภาพอากาศเช่นนี้ไม่ค่อยมีใครใส่ใจนัก ความจริงหลี่ฮ่าวเองจนปัญญาจะหาเบาะแสที่มากกว่านี้แล้วถึงได้มาสนใจเรื่องนี้แทน
วันที่จางหย่วนตายหลี่ฮ่าวจำได้อย่างชัดเจนว่าคืนนั้นฝนตกพรำๆ ซึ่งไม่ถือว่าตกหนักอะไร
‘จะปรากฏตัวในวันที่ฝนตกหรือกล่าวได้ว่าจะโผล่มาก่อคดีในวันที่อากาศไม่ดีเท่านั้น’
หลี่ฮ่าวเขียนบางอย่างลงบนกระดาษไม่หยุด ไม่นานก็ฉีกกระดาษเหล่านั้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หลังจากฉีกจนละเอียดแล้วก็วางปากกาลงก่อนจะตกอยู่ในภวังค์
เขากำลังขบคิดบางอย่างอยู่ ฉับพลันเฉินน่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เอ่ยร้องอย่างตกใจ “ฉันหาเจอแล้ว!”
หลี่ฮ่าวชะงักไปแล้วรีบเงยหน้าขึ้นมา เจอแล้วอย่างนั้นเหรอ?
สังเกตเจออะไรเข้าอย่างนั้นเหรอ?
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
เขาไม่ได้คาดหวัง เฉินน่าอ่านเอกสารเพียงครู่เดียวก็เจอบางอย่างเข้าแล้ว หลี่ฮ่าวรู้สึกว่ายัยนี่กำลังโกหกตนอยู่มากกว่า
หลี่ฮ่าวมุ่นคิ้วแต่ไม่นานก็คลายลงแล้วผุดรอยยิ้มกลับมาอีกครั้ง “พี่น่าเจออะไรแล้วเหรอครับ?”
เฉินน่าเห็นหลี่ฮ่าวขมวดคิ้วอยู่แวบหนึ่งเลยรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เวลานี้ถึงนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นคดีที่หลี่ฮ่าวให้ความสนใจมากไม่ใช่เวลามาล้อเล่น หล่อนเอ่ยด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนใจว่า “คือว่า…ความจริงฉันยังอ่านไม่หมดหรอกเพราะข้อมูลมีเยอะเกินไป”
ภายในใจหลี่ฮ่าวสงบลงเพราะเขาเดาออก
ไม่ได้ผิดหวังอะไรเพราะเดิมทีเขาไม่ได้คาดหวังอยู่แล้ว
แต่วินาทีหลังจากนั้นเฉินน่าก็เปิดปากเอ่ยว่า “ฉันยังดูไม่จบแต่…เหมือนว่าจะมีจุดที่เกี่ยวพันกันอยู่ เพียงแต่ฉันไม่กล้ายืนยัน”
……………………………………………………….