ตอนที่ 34 ฝึกฝนปราณพลัง บุกจู่โจมท่ามกลางความมืด (4)
หลี่ฮ่าวอึดอัดใจเหลือเกิน
ทว่าเขาเองก็ไม่ได้บอกว่าตนเรียนจนทำเป็นแล้ว เพราะมันไม่จำเป็นเลย
ของดีต้องเก็บไว้ก่อน
แม้แต่หัวหน้ายังดูถูกเขาเลย เช่นนั้นศัตรูคงดูแคลนเขายิ่งกว่า ถ่อมตัวสักหน่อยถึงจะดีถึงจะกระทำการใหญ่ได้ หากทำตัวโดดเด่นเกินไปจะกระทำการใหญ่สำเร็จหรือ
ครั้นหลิวหลงพูดเรื่องนี้จบก็เอ่ยถามต่ออีกว่า “คืนนี้คุณไม่ต้องกลับไปแล้ว พรุ่งนี้เช้าตรู่คุณไปเขตแถบชานเมืองกับผม พวกเราอยู่ในที่โล่ง ส่วนพวกเขาอยู่ในที่ลับ ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อพวกเราทำได้แค่เป็นฝ่ายล่องูลงหลุมเท่านั้น”
“หวังหมิงนัดผมไปปีนเขาเทียนหวังครับ!”
“ผมรู้”
หลิวหลงพยักหน้า “ไม่ต้องไปภูเขาเทียนหวัง แต่สถานที่ที่พวกเราเลือกก็อยู่ด้านล่างของภูเขาเทียนหวังเหมือนกัน ภูเขาเทียนหวังไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะให้เราลงมือ แน่นอนว่าหากคุณคิดว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลเอาอยู่ คุณจะตามพวกเขาไปก็ได้”
เขามองหลี่ฮ่าวเชิงว่าคุณเชื่อใจผู้พิทักษ์หรือเชื่อใจทีมล่าปีศาจมากกว่ากัน
บางทีทางฝั่งผู้พิทักษ์รัตติกาลก็อาจลงมือ
แต่ก็ใช่ว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลจะรับมือได้ อีกอย่างต่อให้คนของผู้พิทักษ์รัตติกาลเก่งกว่าก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีกับหลี่ฮ่าวเสมอไป เพราะหากปะทะกันด้วยพลังเหนือธรรมชาติขึ้นมา พวกเขาคงไม่สนใจความเป็นความตายของคุณแล้ว
แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังสนใจหลี่ฮ่าวอยู่บ้างและไม่อยากให้เขาตายด้วย
หลี่ฮ่าวยิ้มใสซื่อ “เอาตามที่ลูกพี่ว่าเลยครับ เพียงแต่ผมรู้สึกว่าหากทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันจะดียิ่งกว่าไหมครับ”
หากรวมพลังกันจะไม่ดีกว่าหน่อยเหรอ
วิธีการจู่โจมแบบหยั่งเชิงนับว่าเป็นกลยุทธ์ชั่วร้าย เพราะพอตายไปคนหนึ่งก็โผล่มาใหม่อีกคนหนึ่ง จากนั้นแต่ละคนก็ถูกซัดตายจนหมด…แบบนี้ไม่เป็นผลดีเอาเสียเลย!
หลิวหลงหัวเราะขึ้นทีหนึ่งแล้วส่ายศีรษะเอ่ย “งั้นคุณก็คิดผิดแล้ว เพราะการร่วมมือกันก็ใช่ว่าจะแข็งแกร่งกว่า ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติบางคนพลังทำลายล้างสูงจนไม่สนใจชีวิตของคนอื่น ความจริงผู้มีพลังเหนือธรรมชาติส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้หมด โดยเฉพาะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ถนัดการจู่โจม เอาตัวรอดคนเดียว อีกอย่างนอกจากตัวเอง คนอื่นก็คือศัตรู! พวกเราปฏิบัติการด้วยกันอาจจะส่งผลกระทบต่ออีกฝ่าย และอีกฝ่ายก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเราเหมือนกัน ดังนั้นใช่ว่าร่วมมือกันจะดีกว่าเสมอไป”
“งั้นศัตรูของเราละครับ”
หากอีกฝ่ายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ล่ะ
แล้วแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อกันไหมนะ
“มีความเป็นไปได้ในเรื่องนี้เหมือนกัน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะแบ่งกองกำลังแยกย้าย แบบนี้เลยส่งผลกระทบไม่มากนัก วางใจเถอะ ถ้าพรุ่งนี้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น ผมจะให้หลิวเยี่ยนคุ้มกันคุณ!”
หล่อนคือผู้กล้าที่แข็งแกร่งที่สุดในทีมนอกเหนือจากเขาแล้ว
หลี่ฮาวขบคิดพลันพยักหน้ารับโดยไม่เอ่ยปฏิเสธอะไร
ต่อให้เขาจะเชื่อมั่นในตัวเอง แต่กลับไม่รู้สึกว่าเขาจะรับมือกับเงาโลหิตโดยลำพังได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ไม่มีความมั่นใจนั้นด้วย แม้ว่าเมื่อวานเขาจะอัดสิบสังหารคนหนึ่งจนตายซึ่งถือว่าเก่งกว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแสงดาราอยู่บ้าง แต่หลี่ฮ่าวก็ยังรู้สึกว่าตนยังเป็นไก่อ่อนตัวหนึ่งอยู่ดี
เขาก็แค่ปะทะมาแค่ครั้งเดียว หากเทียบกับอาจารย์แล้วคงเทียบไม่ติด
อาจารย์ต่างหากที่เก่ง บินออกไปปล่อยกระบวนท่าเดียวก็ซัดสองจันทราทมิฬจนหน้าหงาย แล้วจะนับประสาอะไรกับเขาได้เล่า
มีหลิวเยี่ยนอยู่ หากสถานการณ์เป็นใจให้เขาบ้างคงแค่ซัดเพิ่มไปสักทีก็ดีมากแล้ว
พวกเขาสองคนหารือกันพักหนึ่ง ไม่นานหลิวหลงก็พาเจ้าเสือดำออกไป จากที่เขาบอก เขาจะพาเจ้าเสือดำไปสร้างความคุ้นเคยกันก่อน เพื่อเลี่ยงไม่ให้พอถึงสถานการณ์นั้นจริงเจ้าเสือดำจะไม่ให้ความร่วมมือด้วย
……
เดิมทีหลิวหลงพาเจ้าเสือดำไปแล้ว ซึ่งถือว่าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่จากนั้น…
หลังจากผ่านไปครึ่งวันหลิวหลงก็ตามหาตัวหลี่ฮ่าวพร้อมแววตาแปลกๆ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงจู่ๆ ก็ซัดหมัดใส่หลี่ฮ่าวแล้ววิ่งหนีหายไปโดยไร้ต้นสายปลายเหตุ
หลี่ฮ่าวไม่เข้าใจอยู่นาน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แล้วซัดหมัดใส่เขาทำไมกันนะ
……
ณ หน่วยปฏิบัติการ
ห้องทำงานหัวหน้า
หลิวหลงเผยแววตาแปลกใจจับจ้องเจ้าเสือดำไม่วางตา ทว่าผ่านไปนานก็ถอนหายใจออกมาในฉับพลัน “คนยังสู้หมาไม่ได้เลย! บ้าเอ๊ย! หมาอย่างแกยังใช้วิธีการหายใจเป็นด้วย แถมยังเป็นตำรา ‘เก้าหลอมแรงปราณ’ อีกต่างหาก! แกกับเขาจะฉลาดเกินไปแล้วมั้ง ถึงอย่างไรฉันยังต้องเรียนตั้งหลายวันถึงจะเป็น แต่เมื่อวานแค่แกดูหลี่ฮ่าวฝึกฝนแวบเดียวก็ทำได้แล้วเหรอ”
ใช่แล้ว เขาค้นพบเรื่องบางอย่างเข้า
เหตุเพราะการหายใจตามความเคยชินของเจ้าเสือดำ ต่อให้เจ้าเสือดำจะหายใจเบามากจนคนทั่วไปจับสังเกตไม่ได้ อีกอย่างนี่เป็นวิธีการหายใจประจำตระกูลหลิวด้วย
ก่อนหน้านี้หลิวหลงไม่เคยสัมผัสได้เลย แต่พอเขาได้ดูแลเจ้าเสือดำ เขาถึงค้นพบว่าจังหวะการหายใจของเจ้าสุนัขเหมือนเขาทุกอย่าง…เขาจึงมึนงงแทบตาแตก!
หนึ่งคนกับหนึ่งสุนัข หลิวหลงหายใจอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าเสือดำก็หายใจตามครู่หนึ่ง ทันใดนั้นหลิวหลงก็ชะงักก่อนที่เจ้าเสือดำเองก็ชะงักตามเช่นกัน…
ทำเอาหลิวหลงโมโหแทบแย่
สุนัขตัวนี้ร้ายกาจไม่เบา มิน่าหลี่ฮ่าวถึงบอกว่าสามารถมองเห็นตัวตนของชั้นวิญญาณได้
“ปรากฏพลังเหนือธรรมชาติขึ้นแล้ว แม้แต่หมายังไม่ธรรมดาเลย!”
หลิวหลงส่ายศีรษะแต่กลับไม่ได้แสดงท่าทีตกใจมากนัก เขาถอนหายใจเสียงเบาแล้วเอ่ย “ตำนานถูกรื้อฟื้น พลังเหนือธรรมชาติปรากฏ เล่ากันว่าในเมืองไป๋เยวี่ยมีสัตว์กลายเป็นภูต! อีกทั้งอยู่ในเขตของส่วนกลางด้วย กระทั่งมีข่าวลือแว่วมาว่ามีสัตว์ที่มีพลังพิเศษเขมือบสุริยะพรายขั้นสุดยอดเข้าไป! คิดไม่ถึงว่าเมืองเล็กๆ จะมีสุนัขเก่งกาจแบบนี้ด้วย”
พอคิดถึงตรงนี้ก็ยิ้มเย้ยใส่ตัวเองที “หมายังกลายเป็นภูตได้เลย แต่เรากลับเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไม่ได้ ช่างเป็นการเย้ยหยันจริงๆ! เอาเถอะๆ…ในเมื่อแกเรียนวิชาการหายใจของตระกูลฉันไปแล้ว ฉันเองก็ว่างอยู่พอดี งั้นจะลองสอนตำราเก้าหลอมแรงปราณดู หากวันหน้าแกเป็นภูตขึ้นมาจริงๆ ก็จัดกรงเล็บปราณพลังเก้าชั้นไปสักยก! ให้ไอ้สารเลวนั่นสิ้นซากไปซะ!”
ขณะที่พูด เขาเองยังหลุดยิ้มออกมาเลย
สุนัขจะเรียนรู้วิชายุทธ์ได้ไหมนะ
ไม่สนแล้ว ลองดูก่อนแล้วกัน
เขาเก่งกว่าหลี่ฮ่าวมาก ในเมื่อเขาเรียนเก้าหลอมแรงปราณมาหลายสิบปี ดังนั้นหลี่ฮ่าวย่อมไม่มีทางสู้ได้แน่นอน หลังจากศึกษาเจ้าเสือดำมาพักใหญ่ ภายใต้แววตากระตือรือร้นของเจ้าเสือดำ เขาก็เริ่มสอนกรงเล็บปราณพลังเก้าชั้น!
อีกทั้งศักยภาพในการเรียนรู้ของเจ้าเสือดำเอง…ก็ทำเอาหลิวหลงตะลึงงันตาค้าง
บ้าเอ๊ย เขายังเรียนรู้ได้ช้ากว่าเจ้าเสือดำอีก
ความจริงเป็นเพราะเมื่อคืนเจ้าเสือดำฝึกมาตลอดทั้งคืนแล้ว อีกทั้งยังดูดซับพลังแสงดาราไปในปริมาณมาก พอได้เจอผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสมย่อมเรียนรู้ได้เร็วเป็นธรรมดา
มันตวัดกรงเล็บกลางอากาศอย่างรวดเร็วราวกับเห็นเป็นภาพลวงตา!
กรงเล็บสุนัขสองพลังซ้อน!
เมื่อเจ้าเสือดำปล่อยกรงเล็บสุนัขสองพลังซ้อนออกไป หลิวหลงก็แทบโพล่งออกไปว่าแกมาเป็นลูกศิษย์ฉันเถอะ ถือว่าเป็นศิษย์คนเดียวและคนสุดท้ายเลยแล้วกัน เพราะแข็งแกร่งกว่าคนเสียอีก
หยวนซั่วรับหลี่ฮ่าวเป็นลูกศิษย์ เขาเองก็รู้สึกว่าหลี่ฮ่าวมีพรสวรรค์ไม่น้อย
แต่ตอนนี้พอเห็นเจ้าสุนัขตัวนี้แล้ว หลี่ฮ่าวจะฉลาดเท่าเจ้าเสือดำได้อย่างไรกัน
เวลาเพียงแวบเดียวก็ปล่อยกรงเล็บสุนัขสองพลังซ้อนออกมาแล้ว!
ทั้งๆ ที่วันนี้มีเรื่องสำคัญใกล้เข้ามาหาทุกที ทว่าหลิวหลงกลับไม่ได้จัดการเรื่องมีสาระใดเลย เขาเอาแต่เก็บตัวสอนสุนัขหนึ่งวันเต็มๆ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าคนอื่นๆ ในทีมล่าปีศาจคงเป็นบ้าตายแน่นอน
พวกเขาเข้าใจว่าหลิวหลงกำลังคิดหาหนทางรับมือกับคู่ต่อสู้อยู่ในห้องทำงาน และคิดหาวิธีรับมือกับอันตรายที่อาจจะมาเยือนในวันพรุ่งนี้
ทว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาสอนการต่อสู้ให้กับสุนัขตัวหนึ่ง
พอฝึกมาถึงตอนสุดท้าย กระทั่งเจ้าเสือดำฝืนปล่อยกรงเล็บสุนัขสามพลังซ้อนได้
หากหลี่ฮ่าวรู้คงตะลึงจนอ้าปากค้างแน่นอน!
เวลาค่อยๆ ผ่านไปพร้อมกับการฝึกฝนต่อสู้ของเจ้าเสือดำ จนสุดท้ายวันที่ 17 เดือนกรกฎาคมก็ค่อยๆ สิ้นสุดลง
ท้องฟ้ามืดมิด เมฆครึ้มลอยแน่นขนัด
เมืองหยินมีลมเย็นพัดโชยเป็นระลอก
ท่ามกลางความมืดก็ปรากฏเงาโลหิตขึ้น พวกเขากำลังรอเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ใกล้ถึงเวลาสุกงอมเต็มที
หลอมรวมเส้นลมปราณทั้งแปด ใกล้แล้ว!
……………………………………………………………………..