STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา – ตอนที่ 53 ตระกูลเฉียว (1)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 53 ตระกูลเฉียว (1)

หลี่ฮ่าวแวะไปอีกหลายที่ตลอดทั้งช่วงบ่าย

และเขาแทบจะทำอะไรแบบกำปั้นทุบดินทุกที่

ทักทายแวะแจ้งข่าวคราวก่อนจะทำการจดทะเบียนง่ายๆ ต่อให้คิดว่าจำเป็นต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด แต่ก็แค่เดินสำรวจดูอย่างขอไปที

หวังหมิงแทบจะโมโหตายอยู่รอมร่อ!

ทำแค่นี้เองหรือ

ยังมีหน้ามาบอกว่าจะสร้างผลงานกับฉัน!

แถมคิดจะสำรวจหาฐานประจำการของสามองค์กรใหญ่อีกต่างหาก

ตอนนี้เขาชักสงสัยแล้วจริงๆ ว่าจุดประสงค์ของหลี่ฮ่าวก็เพื่อแสดงอำนาจของตนเองเท่านั้น

ใช่แล้ว เจ้าหมอนี่ทำงานไม่เท่าไรแต่กลับรับของเขามาประมาณหนึ่ง ไม่นับว่าเป็นของดีมากโข แค่เป็นของฝากขึ้นชื่อที่บริษัทและสำนักศิลปะการต่อสู้ต่างๆ มอบให้ เจ้าหมอนี่ก็ใช่ย่อย ใครให้อะไรก็ไม่มีปฏิเสธสักอย่าง!

รับไว้ทุกอย่าง!

บนรถ

สถานีต่อไปก็คือสถานีสุดท้ายของวันนี้ กิจการเหมืองแร่เฉียวกรุ๊ป

หวังหมิงสีหน้าเย็นยะเยือก

เขาไม่ชอบรูปแบบการทำงานของหลี่ฮ่าวจึงไม่ค่อยอยากคุยกับหลี่ฮ่าวเท่าไรตอนระหว่างการเดินทาง

ส่วนหลี่ฮ่าวกลับเป็นฝ่ายชวนคุยเอง “เหล่าหวัง อย่าโมโหไปเลย ชาที่บ้านเมื่อกี้ให้มาดีมากเลยนะ เดี๋ยวจะแบ่งให้นายครึ่งหนึ่งแล้วกัน”

“ไม่เอา!”

หวังหมิงตอบกลับอย่างเย็นชา

เขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับจันทราทมิฬเต็มดวง การมาทำงานกับหลี่ฮ่าวครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อใบชาอะไรนั่น เขาอยากสร้างผลงานแต่ไม่ใช่อ้างชื่อผู้พิทักษ์รัตติกาลมาทำเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเช่นนี้อย่างหลี่ฮ่าว!

ถ้านายต้องการพลังลี้ลับหลักสิบถึงหลักร้อยลูกบาศก์ ฉันยังพอเข้าใจนายได้

แต่ให้ตายเถอะ นายกลับเห็นแก่ใบชา ผลไม้แค่นี้ ไม่น่าอายบ้างหรือไง

หลี่ฮ่าวหัวเราะทีหนึ่ง “คุณไม่เข้าใจ ถ้ารับของไว้ทุกคนถึงจะคิดว่าไม่มีอะไร แต่ถ้าไม่รับไว้ พวกเขาก็ต้องรู้สึกแย่ เมืองหยินเป็นแค่เมืองเล็กๆ ไปไหนก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่าสร้างสถานการณ์ให้กระอักกระอ่วนใจโดยไม่จำเป็นเลย ระดับล่างก็ทำงานกันแบบนี้”

“พูดเหลวไหล!”

หวังหมิงรู้สึกเดือดหน่อยๆ “คุณต้องจำเอาไว้ ตอนนี้คุณไม่ใช่ผู้ตรวจการณ์ระดับสาม แต่คุณเป็นผู้บังคับการตรวจตรา! คุณเป็นรองหัวหน้าสาขาย่อยของหน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลประจำเมืองหยิน! เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมืองหยิน ทั้งเมืองหยินมีคนที่ตำแหน่งสูงกว่าคุณไม่เกินห้าคน! คุณกลับทำตัวเหมือนคนตัวเล็กตัวน้อย คุณไม่รู้สึกอายแต่ผมอายแทนคุณ!”

หวังหมิงตำหนิไปทีหนึ่ง “อยู่ที่กู่ย่วนก็ช่าง ทางนั้นเป็นสถานที่ที่อาจารย์คุณสอน เป็นรั้วการศึกษา เป็นแหล่งรวมความรู้! คุณให้ความเกรงใจหน่อยไม่เป็นไร แต่สำนักเล็กๆ กับบริษัททั้งหลายเหล่านั้นมีความสำคัญอะไรกัน ในสายตาของผู้พิทักษ์รัตติกาลพวกเขาไม่มีความสำคัญอะไรทั้งนั้น!”

หลี่ฮ่าวยิ้ม “จะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้ ต่อให้กลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็จะดูถูกคนธรรมดาไม่ได้”

“ไปให้พ้นเลย ไม่อยากคุยกับคุณแล้ว!”

หวังหมิงขับรถเงียบๆ อย่างไม่สบอารมณ์นัก

หลี่ฮ่าวหัวเราะอีกครั้ง กดเสียงกล่าว “อย่าเข้าใจผิดสิ เหตุที่ผมทำไปก็เพื่อคลายความระแวงที่พวกเขามีต่อพวกเราลง พวกเราจะได้เบาะแสที่มากขึ้น”

“เหอะๆ”

หวังหมิงยิ้มเย็นชา “คุณค้นพบอะไรบ้างล่ะ ไหนลองบอกผมสิ!”

หลี่ฮ่าวถอนหายใจพลางหยิบสมุดจดบันทึกของตนออกมา “ช่วงบ่ายเราไปที่กู่ย่วน หกสำนักต่อสู้ แล้วก็บริษัทใหญ่อย่างหยินเหอกรุ๊ป รวมทั้งหมดเป็นแปดแห่ง มีผู้ลงทะเบียนทะลวงร้อยหนึ่งคน สิบสังหารยี่สิบสี่คน ปรมาจารย์แสงดาราสองคนถูกไหม”

ช่วงบ่าย ในสมุดลงทะเบียนมีผู้ที่มีความสามารถพิเศษลงทะเบียนอยู่ยี่สิบเจ็ดคน

ทางกู่ย่วนมีสิบสังหารแปดคน

ส่วนสถานที่อื่นๆ มีทั้งหมดสิบเก้าคน ปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยกับปรมาจารย์แสงดาราสองคนนั่นล้วนมาจากที่เดียวกันก็คือหยินเหอกรุ๊ป

หยินเหอกรุ๊ปเองก็เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่กิจการไม่ด้อยไปกว่าตระกูลเฉียวเลย

บริษัทนี้ไม่ใช่กิจการเหมืองแร่แต่เป็นการผลิตรถยนต์ ซึ่งสาขาที่ตั้งอยู่ในเมืองหยินนี้ไม่ใช่บริษัทแม่แต่เป็นเพียงสาขาย่อยเท่านั้น ต่อให้เป็นเช่นนี้อีกฝ่ายก็ได้ลงทะเบียนปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยหนึ่งคน เห็นได้ชัดว่าบริษัทใหญ่เหล่านี้มีความสามารถมากแค่ไหน

ปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อย ความสามารถก็แข็งแกร่งมากไม่แพ้กัน

หวังหมิงพยักหน้าน้อยๆ แต่ยังไม่พอใจนัก “นี่แค่ส่วนที่ลงทะเบียนนะ คุณมั่นใจหรือว่าพวกเขาลงทะเบียนหมดแล้ว อย่างอื่นไม่ว่า เอาแค่หยินเหอกรุ๊ปนั่น อีกฝ่ายเป็นถึงบริษัทที่อยู่ระดับแถวหน้าของทั้งมณฑลหยินเยวี่ยเชียว ต่อให้เป็นแค่สาขาย่อยผมไม่เชื่อหรอกนะว่าจะไม่มีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับจันทราทมิฬแม้แต่คนเดียว แต่มีแค่ปรมาจารย์แสงดาราสองคน คุณเชื่อเหรอ”

เอาเป็นว่ายังไงเขาก็ไม่เชื่อ!

เมื่อเทียบกันแล้วจันทราทมิฬไม่ด้อยก็จริง ครั้งนี้เมืองหยินมีผู้พิทักษ์รัตติกาลระดับจันทราทมิฬมาถึงสามคน

บริษัทใหญ่อย่างหยินเหอกรุ๊ปไม่ขาดแคลนเงินและเส้นสาย ยุคนี้เงินจำนวนน้อยนิดคงทำอะไรไม่ได้ แต่พอเงินมากก็ย่อมมีอำนาจพอตัว

บริษัทของหยินเหอกรุ๊ปถึงขั้นมีการร่วมงานกับกองประจำการใหญ่ของผู้พิทักษ์รัตติกาล ทว่าสาขาย่อยที่เมืองหยินของพวกเขากลับมีแค่ปรมาจารย์แสงดาราสองคน!

เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด!

แต่เจ้าหลี่ฮ่าวกลับไม่ทำการตรวจสอบให้ละเอียด หวังหมิงเสนอว่าลองตรวจดูให้ทั่วแล้ว กระทั่งเสนอให้ใช้เครื่องตรวจจับพลังเหนือธรรมชาติด้วยซ้ำ ทว่าสุดท้ายหลี่ฮ่าวกลับไม่สนใจจนทำเอาหวังหมิงโมโหจนตับแทบระเบิด

นี่กำลังตีมึนใส่เขาอยู่ไม่ใช่เหรอ

แม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยกับแผนการของหลิวหลงเท่าไรนัก คิดว่าการตรวจสอบความสามารถของทุกที่ให้ชัดแจ้งใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี แต่ในเมื่อทำแล้ว…ก็ไม่ควรทำอย่างขอไปที

‘ช่างเป็นคนที่เที่ยงธรรมซะจริงนะ!’

หลี่ฮ่าวขำในใจแต่ไม่แสดงออกทางใบหน้า กล่าวเสียงเบาว่า “วางใจเถอะ คุณไม่เข้าใจ เราแค่ถูกส่งตัวมาสำรวจทางเพื่อดึงดูดความสนใจเท่านั้น! ความจริงเรายังมีแผนอย่างอื่นอยู่ เรารับหน้าที่ดึงดูดความสนใจของพวกเขาก็พอ ที่เหลือจะมีคนอื่นคอยทำการสืบอย่างละเอียดอีกที”

“จริงเหรอ”

หวังหมิงสงสัย “คุณโกหกผมเหรอ”

หลอกใครอยู่กันน่ะ!

เจ้าหมอนี่ก็นะ แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ สักนิด อย่าคิดจะหลอกเราให้ยากเชียว

อีกอย่างต่อให้เป็นทั้งทีมหรือหลิวหลงก็อย่าหวังว่าจะสืบลึกเข้าไปถึงภายในโครงสร้างของบริษัทใหญ่โตเหล่านี้ได้ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ความจริงบริษัทเหล่านี้แทบจะทำการติดตั้งเครื่องตรวจจับพลังเหนือธรรมชาติไว้หมด

แม้ปรมาจารย์นักรบจะตรวจจับได้ยาก แต่พลังของปรมาจารย์นักรบมีจำกัดต่างจากผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่บินบนฟ้าดำดินได้ ขอเพียงหน่วยรักษาความปลอดภัยพัฒนาระดับความสามารถสักนิด ปรมาจารย์นักรบก็แทบจะทำอะไรไม่ได้แล้ว

“จริงสิ!”

หลี่ฮ่าวหยักหน้าอย่างจริงจัง “แน่นอนว่านี่คือความลับ ประเด็นคือคุณบ่นอยู่ตลอด ผมเลยต้องหลุดปากบอกความลับให้คุณรู้ ความจริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณและไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่คุณต้องรับผิดชอบด้วย”

“แต่ตอนนี้ผมต้องบอกไว้ก่อนว่าคุณเป็นคนที่สามที่รู้เรื่องนี้ ถ้าคุณหลุดปาก…หวังหมิง คุณก็คือคนทรยศ!”

หวังหมิงใจหล่นวูบ ถามอย่างไม่มั่นใจว่า “หมายความว่ายังไง”

“ผู้พิทักษ์รัตติกาลของเรา ความจริงยังมีคนที่สิบอยู่ด้วย!”

หวังหมิงชะงัก คนที่สิบหรือ

“ภายนอกเรามีแค่เก้าคน ความจริงในที่ลับยังมีผู้ที่มีความสามารถซ่อนตัวอยู่ สถานะเป็นใครนั้นผมยังบอกไม่ได้ คุณแค่รู้ไว้ว่ามีคนนี้อยู่ก็พอ”

หวังหมิงไม่มั่นใจนัก เขาไม่ใช่คนโดนหลอกง่ายขนาดนั้นจึงได้แต่ขมวดคิ้วถาม “จริงเหรอ ผมเป็นรองหัวหน้านะ ทำไมผมไม่รู้สักนิดเลยล่ะ”

“อันนี้คุณตัดสินเอาเองแล้วกัน!”

หลี่ฮ่าวตอบเสียงเรียบ “สิ่งที่ผมพูดไปในวันนี้ บอกไว้เลยว่าถ้าอยู่ข้างนอกผมจะไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด! ต่อให้คุณบอกคนอื่นว่าผมเป็นคนบอก ผมก็ไม่มีทางยอมรับ ไม่อย่างนั้น…ผมก็คือคนผิด! สถานะของคนที่สิบค่อนข้างพิเศษเลยไม่สะดวกที่จะเปิดเผยตัว แต่เขามีความสามารถมากๆ เป็นตัวฉกาจด้านเก็บข้อมูลทีเดียว”

“จากการตรวจสอบของเขาพบว่าวันนี้มีกลุ่มอิทธิพลปิดซ่อนอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ อย่างภายในหยินเหอกรุ๊ปก็ไม่ได้มีแค่ปรมาจารย์จันทราทมิฬแค่หนึ่งคน แต่มีปรมาจารย์จันทราทมิฬถึงสามคน!”

หวังหมิงสีหน้าเปลี่ยนไป พูดเสียงต่ำ “จริงเหรอ พวกคุณติดต่อกันยังไง ทำไมผมไม่รู้สึกอะไรสักนิด หลี่ฮ่าว คุณกำลังหลอกผมอยู่เหรอ”

“เรื่องจริง!”

หลี่ฮ่าวพยักหน้าอย่างจริงจัง “ส่วนใช้วิธีการติดต่อกันยังไง…ผมบอกไม่ได้! เราย่อมมีวิธีของเราเอง ตอนนี้คุณยังไม่นับว่าเป็นคนของเรา คุณต้องรู้ไว้ว่าคุณเพิ่งมาได้ไม่กี่วัน ความจริงผมบอกคุณเท่านี้ก็ถือว่าละเมิดกฎมากแล้ว!”

……………………………………………………………………………………

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

Status: Ongoing
จี้หยกที่คิดว่าเป็นเพียงของดูต่างหน้า กลับนำมาซึ่งพลังเหนือธรรมชาติ…และความตาย!นิยายแฟนตาซี-กำลังภายในที่จะพาคุณไปไขปริศนาเบื้องหลังคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดลึกลับซึ่งนำไปสู่โลกของพลังเหนือธรรมชาติและการต่อสู้อันดุเดือด!ว่ากันว่า…ในโบราณกาล ณ ส่วนลึกของท้องฟ้ายามราตรีอันเต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราวมีประตูสีแดงซึ่งถูกย้อมด้วยรอยเลือดและรอยไหม้ตั้งอยู่มาช้านานประตูซึ่งเป็นทางผ่านของแสงสว่าง ความมืด และตำนานอันไร้ที่สิ้นสุด…เมื่อเห็นเพื่อนสนิทตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างกะทันหันจากไฟที่ลุกท่วมร่างอย่างไม่ทราบสาเหตุ‘หลี่ฮ่าว’ ซึ่งไม่เชื่อว่าการตายของเพื่อนเป็นอุบัติเหตุจึงลาออกจากมหาวิทยาลัยและเข้าทำงานในกองตรวจการณ์เพื่อสืบหาเบื้องหลังของเรื่องนี้และเพื่อล้างแค้นแทนเพื่อนสิ่งที่เขาไม่ได้บอกใครคือในคืนนั้นเขาได้เห็น ‘เงาโลหิต’ สิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติในที่เกิดเหตุต่อมาหลี่ฮ่าวก็ได้เบาะแสสำคัญที่พิสูจน์ว่าคดีนี้ไม่ปกติเขาค้นพบว่าเพื่อนของเขาไม่ใช่เหยื่อรายแรก แต่เคยมีคดีทำนองนี้เกิดขึ้นแล้วถึงหกคดี!ที่น่าพิศวงยิ่งกว่านั้นคือเหยื่อทุกรายล้วนเป็นคนจากแปดตระกูลที่อยู่ในบทเพลงพื้นบ้านที่ร้องสืบต่อกันมาช้านานและตระกูลสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ก็คือ ‘ตระกูลหลี่’ ผู้ครอบครองกระบี่ ซึ่งก็คือตระกูลของเขาดูเหมือนว่าเป้าหมายของฆาตกรจะอยู่ที่อาวุธที่แต่ละตระกูลครอบครองอยู่และ ‘กระบี่’ ที่ว่านั่นก็ดันห้อยอยู่ที่คอเขาเนี่ยสินั่นหมายความว่าเหยื่อรายต่อไปคือตัวเขาเอง!ด้วยเหตุนี้ หลี่ฮ่าวจึงต้องหาทางเอาตัวรอดพร้อมกับสืบเรื่องนี้ต่อไปว่าแต่เจ้าจี้หยกรูปกระบี่นี่ดูเหมือนว่ามัน…จะมีพลังบางอย่าง…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท