จอมนางข้ามพิภพ บทที่32 ข้าจะมีธุรกิจของตัวเองไม่ได้หรือไง
หยุนถิงซาบซึ้งใจมาก: “ซื่อจื่อดีมากจริงๆ”
จางเฉิงรีบรับเงินมา: “ขอบพระคุณจวินซื่อจื่อมาก ขอบพระคุณมาก”
“โฉนดและสัญญาทั้งหมดของฟาร์มเอามาให้หมด” จวินหย่วนโยวพูดอย่างเย็นชา
“ขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปเอามาเดี๋ยวนี้เลย” จางเฉิงรีบวิ่งไปที่บ้านหลังหนึ่ง ไม่นานก็เอากล่องกำมะหยี่ออกมา: “ของที่ซื่อจื่อต้องการอยู่ด้านในหมดแล้วขอรับ”
หลิงเฟิงรับมาแล้วเปิดออก ลองค้นดู: “ซื่อจื่อ ครบขอรับ”
“อืม”
“หากซื่อจื่อไม่มีปัญหาอันใดแล้ว ข้าน้อยขอตัวลาก่อนนะขอรับ” จางเฉิงเห็นจวินซื่อจื่อพยักหน้าแล้ว ก็รีบวิ่งออกไปทันที
เหล่าหลี่ตามมาดู ยังไม่รอเขาพูด หยุนถิงก็พูดขึ้นก่อนแล้วว่า: “เหล่าหลี่ พวกเจ้าทุกคนในนี้อยู่ต่อเลยนะ แบ่งงานเหมือนก่อนหน้านี้ ใครควรทำอะไร ต่อไปเจ้าเป็นหัวหน้าคุมงานนี้ นมวัวที่พวกเจ้ารีดมาทุกวันก็เก็บไว้ให้ดี ข้าจะสั่งให้คนในจวนซื่อจื่อมาเอาไป”
เหล่าหลี่กับทุกคนต่างก็คุกเข่าขอบคุณหยุนถิง: “ขอบพระคุณฮูหยิน ขอบพระคุณฮูหยินที่ให้พวกเราอยู่ต่อ”
“ทุกคนไม่ต้องเกรงใจไป รีบลุกขึ้นเถอะ ทุกคนได้เงินเดือนเท่าไหร่กันเหรอ?” หยุนถิงถาม
เหล่าหลี่ทำหน้าหดหู่: “เมื่อก่อนหัวหน้าจางตกลงว่าจะให้พวกเรา เดือนละครึ่งตำลึง พวกเราก็เลยมาทำงานที่นี่ แต่ตอนนี้ฟาร์มขายออกไม่ค่อยดี พวกเราไม่ได้เงินเดือนมาหลายเดือนแล้วล่ะ”
“ไม่เป็นไร ต่อไปฟาร์มนี้ข้าเป็นคนคุม ไม่มีทางเอาเปรียบทุกคนแน่นอน ข้าจะให้เงินทุกคนสิบตำลึงก่อน ถือเสียว่าเป็นของขวัญครั้งแรกที่เจอกัน ต่อไปทุกคนก็จะได้เดือนละสองตำลึง” หยุนถิงพูด
ทุกคนอึ้งกันหมด ตะลึงไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
เงินสองตำลึงเป็นค่าใช้จ่ายครึ่งปีของชาวบ้านธรรมดาเลยนะ สำหรับคนที่ไม่ได้เงินเดือนมาหลายวันแล้ว จะไม่ตื่นเต้นได้ยังไงที่จะได้เงินสองตำลึงต่อเดือน
“ฮูหยิน ท่านให้พวกเราอยู่ต่อ พวกเราก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว พวกเรารับเงินไว้มากขนาดนั้นไม่ได้หรอก ท่านให้เงินพวกเราครึ่งตำลึงก็พอแล้ว” เหล่าหลี่รีบพูด
“ทุกคนไม่ต้องเกรงใจหรอก ถ้าต่อไปยุ่งขึ้นมา ถึงเวลาทุกคนก็เหนื่อยเหมือนกัน ถือเสียว่าเป็นเงินค่าแรงแล้วกัน” หยุนถิงเอาเศษเงินออกมาจากกระเป๋าตัวเอง แล้วแจกจ่ายให้ทุกคน
ทุกคนดีใจกันมาก บ้างก็ร้องไห้ออกมา
จวินหย่วนโยวมองดูหยุนถิง เห็นใจราษฎร ไม่ถือตัว เข้าใจความลำบากของพวกเขา หยุนถิงที่ใจดีและใจกว้างขนาดนี้ เขาแปลกใจและรู้สึกชื่นชมมาก
แต่พอเห็นนางจ่ายเศษเงิน จวินหย่วนโยวก็ไม่พอใจ มองค้อนหลิงเฟิงด้วยสีหน้าเย็นชา: “ครั้งหน้าพกเศษเงินมาด้วยนะ”
“ขอรับ” หลิงเฟิงรับคำสั่ง การเอาเงินใหญ่ออกมา เป็นความผิดเขาเหรอ
หยุนถิงตั้งใจให้เหล่าหลี่สิบตำลึง: “กลับไปรักษาแม่ก่อน ถ้าหมอรักษาไม่ดี ก็ไปหาข้าที่จวนซื่อจื่อ ข้าพอรู้วิชาแพทย์บ้าง เจ้าไม่ต้องเกรงใจนะ”
เหล่าหลี่คุกเข่าลงอย่างซึ้งใจ: “ขอบพระคุณฮูหยินที่ช่วยชีวิต ข้าขอขอบคุณฮูหยินแทนท่านแม่ด้วย ขอบพระคุณมากขอรับ”
วินาทีนี้ เหล่าหลี่สาบานว่า ขอแค่ฮูหยินไม่ไล่เขา เขาก็จะทำงานให้ฮูหยินตลอดชีวิต
“อย่าคุกเข่าพร่ำเพรื่อสิ ข้าไม่ได้เคร่งขนาดนั้น ต่อไปเจ้ากับทุกคนมีอะไรก็บอกข้าได้เลยนะ ที่บ้านลำบากหรือมีคนในครอบครัวป่วยหนัก ถ้าข้าช่วยได้ ข้าจะช่วยเต็มที่เลย” หยุนถิงพยุงเขาขึ้นมา
ทุกคนซาบซึ้งใจมาก ต่างก็สาบานว่าจะรับใช้ฮูหยินตลอดไป
หยุนถิงให้เหล่าหลี่พาคนยกนมที่รีดเสร็จแล้วขึ้นรถม้า จากนั้นก็ถึงจากไปพร้อมกับพวกจวินหย่วนโยว
มีนมสิบถังได้ ภายในรถม้ามีนมเต็มไปหมด ขนาดที่นั่งก็แทบจะไม่มี หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวเลยต้องนั่งบนถัง
ถึงแม้จะไม่ค่อยสบายแต่ตลอดทางหยุนถิงก็ดีใจยิ้มทั้งวัน กำลังคิดว่าจะเอานมพวกนี้มาทำอะไร นางเพ้อฝันอยู่ในความคิดตัวเอง
จวินหย่วนโยวมองดูนางที่ยิ้มตลอดทาง นัยน์ตาใสขยับ เหมือนกำลังคิดเรื่องสนุกอะไรอยู่ หัวเราะเสียงดังมากขึ้น เขาก็อดไม่ได้ขมวดคิ้ว
โดยปกติแล้วผู้หญิงเวลาหัวเราะจะไม่ให้เห็นฟัน แต่นางกลับอ้าปากหัวเราะจนเห็นลิ้นไก่ มือไม้ไม่อยู่กับตัว เหมือนแมวที่แยกเขี้ยวยิงฟัน ถึงแม้จะดูไม่ดี แต่จวินหย่วนโยวเห็นนางเป็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกสบายใจมาก
“มีเรื่องอะไรเหรอ ทำไมหัวเราะล่ะ?” จวินหย่วนโยวถาม
“ซื่อจื่อ ข้ากำลังคิดว่าจะเอานมพวกนี้ไปทำของอร่อยกิน ซื่อจื่อมีเถ้าแก่โรงเตี๊ยมหรือโรงน้ำชาที่พอจะรู้จักบ้างไหม ข้าอยากลองทำก่อนแล้วเอาไปขายที่พวกเขา” หยุนถิงมองไป
“ไม่รู้จัก”
หยุนถิงรู้สึกผิดหวัง: “ไม่เป็นไร ถึงเวลาข้าจะไปคุยกับเถ้าแก่เอง ขอแค่ขายดี ขายที่ไหนก็ได้หมด”
“ที่ข้าบอกว่าไม่รู้จัก เพราะข้าเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยม” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นอีกครั้ง
“ท่านเหรอ?”
“ทำไม ข้าจะมีธุรกิจของตัวเองไม่ได้หรือไง?” จวินหย่วนโยวเบะปาก นางทำหน้าแบบนี้หมายความว่ายังไง เขาดูจนมากเลยหรือไง
“ข้าลืมไปได้ยังไงกันนะ ยังไงท่านก็เป็นซื่อจื่อ ใจกว้างขนาดนั้นจะต้องมีธุรกิจของตัวเองแน่ เดี๋ยวกลับไปทำเสร็จแล้ว ข้าไปขายที่โรงเตี๊ยมท่านนะ ต่อไปคงต้องอาศัยท่านแล้วล่ะ” หยุนถิงพูดประจบ
จวินหย่วนโยวก็เคลิ้มตาม: “ของจะต้องอร่อยเท่านั้น โรงเตี๊ยมของข้าไม่อนุญาตให้หลอกลูกค้า”
“วางใจได้ รับรองเจ้าจะต้องพอใจ ทำเสร็จแล้วเจ้ากินก่อนเลย รู้สึกว่าได้ก็ค่อยขาย”
“ได้”
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง รถม้าก็กลับมาถึงจวนซื่อจื่อ
หยุนถิงรีบสั่งให้คนยกไปที่ครัว ให้ทุกคนออกไปให้หมด เอาชาดำและน้ำผึ้งจากแม่ครัว เหลือไว้แค่คนคุมไฟคนเดียว ส่วนคนอื่นก็ยืนมองอยู่ข้างๆ
จวินหย่วนโยวนั่งบนรถม้านานจนเพลีย ร่างกายเริ่มไม่ไหว หยุนถิงให้เขากลับไปพักผ่อนก่อน
พ่อบ้านเฝ้าอยู่ข้างนอก มองดูหยุนถิงเอาชาดำทั้งหมดเทลงหม้อ แล้วใส่น้ำลงไป พ่อบ้านขมวดคิ้ว ฮูหยินทำบ้าอะไรกันแน่ ใครเขาต้มชาแบบนี้กัน
แต่พ่อบ้านก็ไม่ได้พูดออกไป ถือเสียว่าฮูหยินทดลองทำแล้วกัน ขอแค่นางมีความสุขก็พอแล้ว
หยุนถิงต้มชาดำ แล้วต้มนมให้ร้อน จากนั้นก็เทชาดำลงไป รอเย็นแล้วก็เทน้ำผึ้งลงไป
จากนั้นหยุนถิงก็ตักมาชิมดู แล้วเทน้ำผึ้งลงไปอีก ผสมอยู่สองสามครั้ง สุดท้ายก็ถึงพอใจ
“เสร็จแล้ว ทุกคนมาตักไปชิมดูสิ ชิมดูว่ารสชาติเป็นยังไง?” หยุนถิงตักออกมาสองถ้วย ถ้วยหนึ่งไว้ดื่มเอง อีกถ้วยก็ยกไปหาจวินหย่วนโยว
พ่อบ้านเห็นนางจะไป ก็รู้สึกสงสัยว่าวิธีการทำที่แปลกขนาดนี้ รสชาติจะออกมาเป็นยังไง ก็เลยไปตักดื่มหนึ่งคำ ทึ่ง! เขาไม่เคยดื่มรสชาตินี้มาก่อน แต่รสชาติดีมาก เขารีบดื่มคำโตๆ
ทุกคนเห็นพ่อบ้านดื่มแบบนี้ ต่างก็เข้ามาชิมรสชาติกัน ขนาดหลิงเฟิงก็ยังอดไม่ได้เข้ามาลองชิม
ทางนี้ หยุนถิงยกชานมไปหาจวินหย่วนโยว นางลืมเคาะประตู แล้วผลักประตูเข้าไปทันที ก็เห็นจวินหย่วนโยวกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่
ครึ่งบนเขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ในมือรั่วจิ่งถือชุดคลุมกำลังจะช่วยเขาเปลี่ยน ทั้งสองได้ยินเสียงก็หันไปมองทีหน้าประตู
หยุนถิงเบิกตาโพลง: “ซื่อจื่อหุ่นดีจังเลย ใส่เสื้อผ้าก็หุ่น ถอดเสื้อผ้าก็มีแต่กล้าม ไม่เลวเลยๆ”