จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 62 ตบหน้าอย่างรุนแรง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 62 ตบหน้าอย่างรุนแรง

หยุนหลีโมโหจนหน้าดำคร่ำเครียด จ้องเขม็งหยุนถิงด้วยความโกรธเดือดดาล: “เจ้าอย่าเอาซื่อจื่อมาข่มขู่ข้าเลย ถึงคนอื่นจะกลัวเขาแต่ข้าไม่กลัวหรอก ข้าจะด่าเจ้าว่าเป็นหญิงมั่วผู้ชาย เจ้ามันเป็นรองเท้าขาดๆ ที่ไม่มีใครเอา”

“เพียะๆ!” เสียงตบอย่างรุนแรงดังขึ้นมาอีกสองฉาด

ในหน้าของหยุนหลีบวมแดงปรากฏเป็นรอยมือทันที บวมจนกลายเป็นหน้าหมู ตบจนดวงตาทั้งสองของนางเห็นดาวลอยเต็มไปหมด จึงรู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก

“หยุนถิงนังบัดซบ ข้าจะสู้ตายกับเจ้า” หยุนหลีพุ่งเข้ามา

หยูนถิงก็มองไปยังนางอย่างเหยียดหยาม แล้วหลบออกข้างๆ อย่างง่ายดาย: “หลงเอ้อเจ้าหูหนวกหรือ มีคนด่าซื่อจื่อของเจ้าว่าเป็นคนป่วยกระเสาะกระแสะ คนอายุสั้นนะ?”

พอคำพูดจบลง หลงเอ้อก็ลงมาจากท้องฟ้า แล้วถีบหยุนหลีที่กำลังงุนงงอยู่จนลอยออกไป

นางลอยออกไปสิบกว่าเมตร แล้วร่วงลงบนพื้นอย่างแรง กระอักเลือดออกจากปาก เจ็บปวดจนขยับเขยื้อนไม่ไหว

หลงเอ้อสวมชุดสีดำ ชักกระบี่ยาวที่อยู่ในมือออกมาทันที แล้วเดินทีละก้าวๆ เข้าไปใกล้หยุนหลี: “กระทั่งฮ่องเต้และไทเฮาองค์ปัจจุบันก็ยังสุภาพอย่างมากต่อซื่อจื่อของข้า เจ้าเด็กผู้หญิงที่รนหาที่ตาย คาดไม่ถึงว่าจะกล้าด่าประจานซื่อจื่อ ข้าองครักษ์เงามังกรสังหารคนมานับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยสังหารผู้หญิง แต่วันนี้เจ้าช่างน่ารังเกียจจริงๆ ผู้ที่ทำให้ซื่อจื่อต้องอับอายจะต้องถูกหั่นเป็นชิ้นๆ”

เมื่อเห็นว่ากระบี่ยาวนั้นกำลังจะฟันลงไปที่หยุนหลี เวลานี้หยุนหลีก็ตกใจจนเกือบตาย สีหน้าซีดเผือด รีบขอให้ยกโทษให้: “ทั้งหมดเป็นเพราะหยุนถิง เป็นนางที่ทำให้ข้าต้องด่า ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว เจ้าได้โปรดปล่อยข้าไปเถิดนะ”

“เจ้าเห็นว่าข้าตาบอดหูหนวกหรือ เมื่อครู่นี้ข้าก็ได้ยินชัดเจนอยู่ว่า เป็นเจ้าที่ด่าประจานซื่อจื่อและฮูหยินของข้า แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่กล้ายอมรับแล้วล่ะ มันสายไปแล้ว” กระบี่ยาวของหลงเอ้ออยู่บนคอของนางแล้ว

“ฮือ ช่วยด้วย พี่หญิงรองช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากตาย ข้ายังใช้ชีวิตได้ไม่มากพอเลย” หยุนหลีตะโกนด้วยความตื่นตระหนก

โดยปกติแล้วนางเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่งดงามและถูกตามใจจนเสียนิสัย เวลานี้เห็นกระบี่ยาวที่เป็นประกายแวววับวางอยู่บนคอของตนเอง หยุนหลีก็ตกใจอย่างมากจริงๆ

“ท่านพี่ ท่านพี่ไว้ชีวิตด้วย น้องหญิงสี่นางอายุน้อยไม่รู้อะไรควรอะไรไม่ควร นางเป็นคนพูดจาเหลวไหล ข้าขออภัยเจ้าแทนนางด้วย เจ้าได้โปรดเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง แล้วไว้ชีวิตน้องหญิงสี่ในครั้งนี้ด้วยเถิด” หยุนหลิงกล่าวขอร้องอ้อนวอนทันที

“เวลานี้น้องหญิงรองรู้ซึ่งถึงความผูกพันอันลึกซึ้งของพี่น้องแล้วรึ แล้วทำไมเมื่อครู่นี้ตอนที่น้องหญิงสี่ด่าข้าเจ้าถึงไม่ห้ามล่ะ หรือว่าในสายตาของเจ้า น้องหญิงสี่มีแม่คนเดียวกันกับเจ้า ก็คือน้องสาวแท้ๆ ของเจ้า ข้าที่เป็นพี่ใหญ่คนนี้ก็คือคนนอกใช่หรือไม่” หยุนถิงย้อนถาม

นางรู้ว่าหยุนหลิงเป็นคนที่มีแผนการในใจ ปกติแล้วมักจะทำท่าทีเป็นบุตรสาวครอบครัวผู้มั่งมีที่อ่อนโยนมีความรู้ แต่ในความเป็นจริงแล้วโหดร้ายไร้ความปรานีเป็นที่สุด ทุกเรื่องมักจะไม่ออกหน้าไปเอง ชอบใส่ไฟ ใช้หยุนหลีเป็นหอก

หยุนหลิงนิ่งอึ้งไป หยุนถิงผู้นี้เฉลียวฉลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน เมื่อครู่นี้นางกำลังดูการแสดงอยู่จริงๆ พอดีว่าหยุนหลีจะสั่งสอนนางแทนตนเอง ถึงแม้ว่าจะสั่งสอนไม่ได้ ก็สามารถด่าให้นางอับอายขายหน้าได้ ใครจะคาดคิดว่าผลลัพธ์จะกลับตาลปัตรเช่นนี้

หยุนหลิงระงับความเคียดแค้นและไม่ยินยอมภายในใจเอาไว้ และบนใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกน้อยใจ: “ท่านพี่นี่คือการใส่ความข้าแล้ว พวกเราล้วนเป็นบุตรสาวของท่านพ่อ แน่นอนว่าไม่มีคำว่าเลือกที่รักมักที่ชัง เมื่อครู่นี้น้องหญิงสี่โมโหมากจึงพูดเร็วเกินไป ข้าจึงยังไม่ทันได้มีการตอบสนอง”

“เช่นนั้นตอนนี้เจ้ามีการตอบสนองแล้วหรือ? แต่น่าเสียดายมันสายไปแล้ว ที่นางทำให้อับอายขายหน้าไม่ใช่เพียงแค่ข้า แต่ยังเป็นซื่อจื่อด้วย หน้าตาของซื่อจื่อ ฮ่องเต้และไทเฮาในปัจจุบันยังไม่กล้าไม่เคารพ แล้วเจ้าที่เป็นบุตรสาวอนุภรรยาของจวนเฉิงเซี่ยงมีสิทธิ์อะไรหรือ” ในน้ำเสียงของหยุนถิงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย

สีหน้าของหยุนหลิงไม่น่าดู กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างมาก

นางเป็นบุตรสาวอนุภรรยา เพราะสถานะนี้นางถูกหยุนถิงชี้หน้าด่ามาตั้งแต่เด็ก ชัดเจนว่าความสามารถและวิชาความรู้ของนางนั้นยอดเยี่ยม แต่เพราะเป็นบุตรสาวอนุภรรยาฉะนั้นจึงไม่มีใครมองเห็นมาโดยตลอด

ทั่วทั้งเมืองหลวงรู้เพียงว่ามีหยุนถิงคนที่ไร้ประโยชน์ไม่ได้เรื่องอยู่ในจวนเฉิงเซี่ยงเพียงคนเดียว แต่ไม่เคยรับรู้ว่ามีนาง นี่จึงเป็นสาเหตุที่หยุนหลิงเกลียดหยุนถิง

ถึงอย่างไรหยุนถิงก็เป็นบุตรสาวของภรรยาหลวง อีกทั้งยังเป็นที่รักใคร่โปรดปรานของผู้เป็นพ่อ ฉะนั้นหยุนหลิงจึงไม่เคยต่อสู้กับนางแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่มักจะส่งเสริมให้หยุนหลีไปหาเรื่องทะเลาะ

หยุนหลิงมองไปยังคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ แล้วขยิบตาให้กับนาง ให้คนรับใช้คนนั้นไปหานางจ้าว

แน่นอนว่าหยุนถิงเห็นฉากนี้ แต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะนี่คือผลลัพธ์ที่นางต้องการ

“พี่หญิงรอง ช่วยข้าด้วย เจ้าไปตามท่านแม่มา ท่านแม่ไม่อาจไม่สนใจข้าอย่างแน่นอน ข้าไม่อยากตาย ข้าไม่อยากถูกหยุนถิงผู้อัปลักษณ์ผู้นี้ฆ่าตาย เจ้ามาช่วยข้าเร็วเข้า” หยุนหลีตะโกนเสียงดัง

หยุนหลิงก็ตกอยู่ในสภาวะลำบากใจ บังเอิญเหลือบไปเห็นท่านพ่อและซื่อจื่อที่อยู่ไม่ไกล หยุนหลิงจึงคุกเข่าลงกับพื้นโดยไม่ต้องคิด

“แต่ท่านพี่ น้องหญิงสี่ผิดพลาดไปแล้ว และก็เป็นน้องสาวของพวกเรา นางอายุยังน้อยโง่เขลาขาดความรู้ เจ้าได้โปรดยกโทษให้นางสักครั้งเถิด”

เมื่อเห็นการกระทำที่มีมารยาทเช่นนี้ของนางแล้ว หยุนถิงก็ยิ้มเยาะ น้องหญิงรองผู้นี้ช่างเสแสร้งเก่งเสียเหลือเกิน ตอนที่ท่านพ่อและซื่อจื่อมาถึง หยุนถิงก็สังเกตเห็นแล้ว เพียงแต่จงใจแสร้งทำเป็นไม่เห็น

“ในเมื่อน้องหญิงรองกับน้องหญิงสี่มีความผูกพันฉันพี่น้องเช่นนี้ เช่นนั้นหลงเอ้อก็พานางทั้งสองไปด้วย พวกนางสองพี่น้องจะได้อยู่เป็นเพื่อนกันในนรก จะได้ไม่เบื่อหน่าย” หยุนถิงจงใจกล่าว

หยุนหลิงตกใจจนตัวแข็งทื่อ เห็นหลงเอ้อเดินเข้ามา เวลานี้จึงรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ทำไมนางถึงโง่เขลาเช่นนี้นะ ที่ต้องคุกเข่าขอร้องอ้อนวอน เพราะเดิมทีอยากให้ท่านพ่อเห็นว่านางเอาใจใส่น้องสาวเพียงใด อยากจะสร้างความ,ประทับใจต่อหน้าท่านพ่อ แต่ผลลัพธ์คือถูกบอกให้ไปตายด้วยกันกับหยุนหลี

ทำไมเรื่องราวถึงผิดพลาดไปจากความคิดของตนเอง นางไม่อยากตาย

เวลานี้หยุนหลิงกลับไม่เป็นห่วงภาพลักษณ์ไม่ภาพลักษณ์อะไรแล้ว และตะโกนขอความเมตตาทันที: “ท่านพ่อช่วยข้าด้วย ท่านพ่อ ท่านได้โปรดช่วยชีวิตข้ากับน้องหญิงสี่ด้วยเถิด ท่านพ่อ!”

หยุนเฉิงเซี่ยงที่อยู่ในระเบียงทางเดินที่อยู่ไม่ไกลได้ยินคำพูดนี้ หากไม่เข้าไปก็คงจะไม่เหมาะสม: “ซื่อจื่อ ทำให้ท่านต้องถูกหัวเราะเยาะแล้ว ข้าขอเข้าไปจัดการเรื่องในครอบครัวสักหน่อย”

“ข้าก็จะต้องเข้าไปดูว่าฮูหยินถูกรังแกหรือไม่ ไปด้วยกันเถิด” จวินหย่วนโยวก้าวเท้าเดินเข้าไป

มุมปากของหยุนเฉิงเซี่ยงกระตุกเล็กน้อย ซื่อจื่อไม่ได้ตาบอด ก็เห็นอยู่ว่ายัยเด็กหยุนถิงผู้นั้นทรมานคนมาโดยตลอด แน่นอนว่าคำพูดนี้หยุนเฉิงเซี่ยงไม่กล้าพูดออกมา

เพียงเห็นว่าหยุนเฉิงเซี่ยงมา หยุนหลีก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาทันที: “ท่านพ่อช่วยข้าด้วย ท่านพี่นางจะฆ่าข้า ท่านพ่อ?”

“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้ เมื่อครู่นี้ที่เจ้าด่าประจานพี่สาวของเจ้ากับซื่อจื่อ ข้าได้ยินหมดแล้ว เจ้ามันเป็นเด็กไม่มีสมอง ความรู้ในเวลาปกติถูกสุนัขคาบไปแล้วหรือ คาดไม่ถึงว่าจะพูดคำที่ไม่น่าฟังเช่นนี้ออกมา แล้วยังมีหน้ามาขอความช่วยเหลือจากข้าอีกหรือ” หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าวต่อว่า

หยุนหลีตัวแข็งทื่อ คิดว่าท่านพ่อจะมาช่วยเหลือตนเอง แต่ไม่คาดคิดว่าจะมุ่งตรงมาด่าตนเอง

หยุนหลีร้องไห้โฮด้วยความรู้สึกน้อยใจ: “ท่านพ่อลำเอียง ตั้งแต่เด็กท่านเข้าข้างแต่ท่านพี่ บัดนี้นางกำลังจะฆ่าข้า ท่านก็ยังเข้าข้างนาง สรุปแล้วข้าใช่บุตรสาวแท้ๆ ของท่านหรือเปล่า?”

“เพียะ!” เสียงตบดังกังวาน หยุนหลีก็ทึ่มทื่อไป

“เจ้าหุบปากเลยนะ ทำไมข้าถึงได้เลี้ยงเจ้าที่ไม่รู้จักมารยาทแบบนี้ออกมา พูดจาหยาบคายเช่นนี้” หยุนเฉิงเซี่ยงโมโหเดือดดาล

“ท่านพี่ ได้โปรดออมมือด้วย” เสียงที่เป็นกังวลดังขึ้นมา นางจ้าวรีบเข้ามาอย่างลนลาน

“ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย ท่านพี่จะฆ่าข้า ท่านได้โปรดช่วยข้าด้วย ท่านแม่ ข้าไม่อยากตาย” หยุนหลีรีบขอความเมตตา

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท