จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 68 หรือว่าสายลับจะอยู่ในจวนซื่อจื่อ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 68 หรือว่าสายลับจะอยู่ในจวนซื่อจื่อ

บ้านตระกูลซู

เห็นได้ชัดว่าในสองวันนี้ใบหน้าของซูชิงโยวฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว มองตนเองในกระจกทองเหลือง ซูชิงโยวดีใจเป็นอย่างยิ่ง

ฝีบนใบหน้าของนางตกสะเก็ด คันเล็กน้อย และรู้สึกไม่ค่อยสบายนัก หลังจากที่ใช้ยาที่หยุนถิงมอบให้นางแล้ว บาดแผลก็รู้สึกสบายขึ้นมาก ก็เลยไม่คิดที่จะใช้มือไปเกามัน

“คุณหนู ใบหน้าดีขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ คาดว่าคงใช้เวลาไม่นานก็จะฟื้นฟูได้ดีดังเดิม” สาวรับใช้กล่าวอย่างดีใจ

“ใช่แล้ว ต้องขอบคุณยาของคุณหนูหยุนเป็นอย่างมาก” ซูชิงโยวซาบซึ้งในบุญคุณของหยุนถิง คิดว่านางเพียงแค่ช่วยตนเองเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าทักษะทางการแพทย์ของนางจะยอดเยี่ยมเช่นนี้

“คุณหนูหยุนมีความสามารถจริงๆ เจ้าค่ะ” สาวใช้อดไม่ได้ที่จะชื่นชม

“เรื่องใบหน้าของข้าดีขึ้นอย่าได้บอกกับใครเชียวนะ”

“เจ้าค่ะ”

ซูชิงโยวนำมาส์กหน้าแก้พิษที่หยุนถึงให้ตนเองมาทาทั่วทั้งใบหน้า มองใบหน้าที่ดำมืดนั้นในกระจกอย่างพึงพอใจ

ที่ด้านนอกประตู มีสาวใช้คนหนึ่งเข้ามารายงาน : “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ฮูหยินส่งรังนกมาให้ท่านเจ้าค่ะ”

มุมปากของซูชิงโยวยกยิ้มหัวเราะเยาะ : “ให้นางเข้ามาเถิด”

“เจ้าค่ะ” สาวใช้ที่หน้าประตูจึงปล่อยผ่านมา

นางหลิวพามามาเข้ามาด้วยตนเอง เมื่อเห็นซูชิงโยว ใบหน้าก็มีความกระตือรือร้นและเป็นห่วงทันที : “โยวเอ๋อร์ ใบหน้าของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้ดีขึ้น” ซูชิงโยวมีสีหน้าเศร้าโศก

นางหลิวได้ยินเช่นนั้น ก็มีความดีใจประกายในแววตา แต่ใบหน้ากลับเป็นห่วงเป็นใย : “เจ้าอย่าร้อนใจไปเลย เดี๋ยวก็ดีขึ้น ใจเย็นๆ ข้าให้คนตุ๋นรังนกมาให้เจ้าโดยเฉพาะเลยนะ เพื่อความงาม และดีต่อบาดแผลด้วย”

“ขอบคุณท่านแม่รองที่ห่วงใย” ซูชิงโยวกล่าวอย่างสุภาพ

“เช่นนั้นเจ้ากินมันตอนร้อนๆ เถอะ เย็นแล้วจะไม่อร่อย” นางหลิวรับมาจากในมือของมามา และยกให้ซูชิงโยว

“ข้าเพิ่งจะทานน้ำแกงหวานไป ตอนนี้ยังไม่หิว วางไว้ก่อนเถอะ” ซูชิงโยวตอบกลับ

สาวใช้ลู่เอ๋อร์รับมาทันที และวางไว้บนโต๊ะ

นางหลิวเหลือบมอง ด้วยสีหน้าเย็นชา แต่ก็ไม่กล้าเร่งเร้า หากตนเองพูดมากไป เกรงว่าซูชิงโยวจะสงสัย

“ก็ได้ เช่นนั้นอีกสักครู่เจ้าอย่าลืมดื่มนะ นี่เป็นรังนกที่ท่านพี่ซื้อมาด้วยตนเอง และสั่งกำชับให้ข้าตุ๋นมาให้เจ้าโดยเฉพาะ”

“ได้เลย รบกวนท่านแม่รองขอบคุณท่านพ่อแทนข้าด้วย”

“ครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจ ใช่สิ โยวเอ๋อร์ อีกสองสามวันก็จะเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินเฒ่าฟู่แล้ว ถึงเวลานั้นใบหน้าของเจ้าจะดีขึ้นหรือไม่?” นางหลิวเอ่ยถาม

ซูชิงโยวขมวดคิ้ว : “คุณหนูหยุนบอกแล้วว่า ใบหน้าของข้าอย่างน้อยที่สุดต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนจึงจะดีขึ้น คาดว่าจะไปไม่ได้หรอก”

“เช่นนั้นก็น่าเสียดายจริงๆ ทุกปีเจ้าไปงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินเฒ่าฟู่ตลอด ปีนี้เจ้าไปไม่ได้ บ้านของเราก็คงไม่สามารถไม่ไปได้ มิเช่นนั้นปีนี้ให้น้องสาวของเจ้าไปแทนดีหรือไม่?” นางหลิวเอ่ยถามอย่างปรึกษาหารือ

ในใจของซูชิงโยวเต็มไปด้วยความเย็นชา ที่แท้นี่ก็เป็นจุดประสงค์ของนาง

“ดูเหมือนว่าจะทำได้เพียงเช่นนี้ ข้าไม่สามารถออกไปด้วยใบหน้าเช่นนี้ได้ รบกวนน้องสาวไปแทนข้าด้วยเถิด” ซูชิงโยวกล่าวด้วยความรู้สึกเสียใจ

“ครอบครัวเดียวกันจะพูดว่ารบกวนได้อย่างไร ข้าจะกลับไปให้โหรวเอ๋อร์เตรียมตัวสักเล็กน้อย โยวเอ๋อร์เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าไม่รบกวนแล้ว” นางหลิวพูดจบ ก็เดินออกไป

เห็นว่าพวกเขาออกไปแล้ว สาวใช้ลู่เอ๋อร์จึงกล่าวอย่างไม่พอใจ : “คุณหนูเจ้าคะ เห็นได้ชัดว่าฮูหยินอยากให้คุณหนูรองไปเข้าร่วมงานเลี้ยงวันแทนท่าน ยังพูดอย่างยิ่งใหญ่แบบนี้ ราวกับว่ากำลังแบ่งเบาภาระให้แก่ท่านด้วย”

ซูชิงโยวหัวเราะเยาะ : “ว่ากันว่ายิ่งหวังมากเท่าไร ก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น ให้นางดีใจไปก่อนเถิด เจ้าเอาชามรังนกใบนั้นไปเททิ้งด้วย”

“เจ้าค่ะ”

ก่อนหน้านี้ซูชิงโยวไม่ได้คิดมาก นางหลิวปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี และซูซินโหรวก็คิดเพื่อนางตลอด แต่หลังจากที่หยุนถิงมาเตือนนางเมื่อหลายวันก่อน ซูชิงโยวนำเรื่องตั้งแต่เด็กจนโตมาคิดทบทวนดู และเมื่อคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็รู้สึกกลัวอย่างมาก แล้วก็พบว่าเมื่อก่อนตนเองนั้นโง่เขลาแค่ไหน

ต่อไปนี้ นางจะไม่ยอมให้ใครมารังแกได้อีกแล้ว และจะไม่ให้ต้องนางกลายเป็นคนโง่ด้วย

……………..

จวนซื่อจื่อ

หลังจากที่หยุนถิงและจวินหย่วนโยวกลับไป หยุนถิงก็ได้นำมันเผาเหล่านั้นไปแบ่งปันให้กับทุกๆ คน มันเทศออกจากหม้อใหม่ๆ จะอร่อยมาก แต่รสชาติจะแย่ลงมากเมื่อทานในวันถัดไป

คนรับใช้ทั้งหมดของจวนซื่อจื่อรวมตัวกัน กินมันเทศไป พูดคุยกันไป ดูสบายใจอย่างมาก

“ฮูหยิน โยเกิร์ตสามถังหลังครัวน่าจะได้ที่แล้วใช่ไหมขอรับ?” พ่อบ้านเอ่ยถามในขณะกินมันเทศ

หยุนถิงนึกขึ้นมาได้ : “ไอ๋หยา ข้าลืมไปเลย พวกเจ้ากินไปเถอะ ข้าจะรีบไปดูเดี๋ยวนี้”

ณ ครัว

หยุนถิงเปิดฝาออก มองดูโยเกิร์ตที่เหนียวข้นทั้งสามถังนั้น นางหยิบช้อนตักแล้วชิมหนึ่งคำ รสชาติเหมือนโยเกิร์ตสมัยใหม่จริงๆ ค่อนข้างเข้มข้น เหมือนโยเกิร์ตแบบดั้งเดิมก็ไม่ปาน

“รสชาติไม่เลวเลย พวกเจ้าลองชิมสิ”

พ่อบ้านและคนอื่นๆ รีบนำช้อนมาตักไปชิม ผลปรากฏว่ากินไปคำเดียวก็คายออกมาเสียแล้ว

“ทำไมถึงเปรี้ยวขนาดนี้ ฮูหยินมันไม่ได้เสียแล้วหรือ?” พ่อบ้านเอ่ยถาม

“คุณหนูเจ้าคะ ท่านแน่ใจหรือว่ามันทานได้จริงๆ?” เยว่เอ๋อร์ก็หน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นกัน

“ไม่ได้เสียหรอก โยเกิร์ตก็มีรสชาติเช่นนี้นั่นแหละ กินแล้วจะต้องมีรสเปรี้ยว พวกเจ้ากินเป็นครั้งแรกจึงไม่คุ้นชิน ข้าจะหั่นผลไม้หรือถั่วลงไปหน่อย ผสมเข้าด้วยกันจะทานอร่อยอย่างมาก เมื่อไปที่โรงแรมนี่เป็นของหวานที่จะต้องสั่งเลย” หยุนถิงพูดจบ ก็นำผลไม้ที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาหั่น

“ฮูหยิน โรงแรมคืออะไรหรือเจ้าคะ?” คนรับใช้คนหนึ่งเอ่ยถาม

“ก็คือหออาหาร ห้องรับประทานอาหาร สถานที่ทานข้าว” หยุนถิงอธิบาย

ทุกๆ คนมองดูหยุนถิงหั่นผลไม้จำนวนมาก และยังมีถั่วอีกด้วย นำของทุกอย่างใส่ลงไปในถ้วย สุดท้ายจึงตักโยเกิร์ตมาใส่เอาไว้ด้านบน

หยุนถิงเอาช้อนมาคนให้เข้ากัน จากนั้นก็กินมันคำใหญ่

“ฮูหยิน เช่นนี้จะดีหรือขอรับ?” พ่อบ้านกล่าวอย่างสงสัย

“ใช่แล้ว รสชาติจะอร่อยมากยิ่งขึ้น พวกเจ้าก็ลองทำได้นะ ตนเองอยากกินอะไรก็ใส่ลงไป คนให้เข้ากันจึงจะอร่อย โยเกิร์ตอันนี้จะเสริมความงามและบำรุงใบหน้า กระตุ้นการย่อยอาหารเพื่อไม่ให้ท้องผูก ข้าจะทำไปให้ซื่อจื่อหนึ่งถ้วย” หยุนถิงกล่าวจบ ก็ใส่ทุกอย่างที่ตนเองคิดว่าอร่อยลงไปในถ้วย

เห็นนางจากไป พ่อบ้านและคนรับใช้ทั้งหลายต่างเข้ามาห้อมล้อมทันที นำถ้วยมาเลียนแบบการกระทำของหยุนถิง ใส่สิ่งที่ตนเองชอบ และกินมัน

รสชาตินี้ ดีกว่ากินโยเกิร์ตเปล่าๆ มากนัก

จวินหย่วนโยวกลับไปที่จวนซื่อจื่อ และไปที่ป่าไผ่ที่หลังจวน

ขณะนี้ในห้อง มีชายชราผมขาวใบหน้าซีดเซียว มีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ไหลอยู่บนหน้าผาก ไหล่ซ้ายเปื้อนไปด้วยเลือด ไหลซึมออกมาจำนวนมาก

“ตรวจสอบแล้วหรือยัง ว่าใครเป็นคนลงมือกับหมอยมบาล?” จวินหย่วนโยวเหลือบมองด้วยสายตาเคร่งขรึม มองไปที่ไหล่ของหมอยมบาล ใบหน้าเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง

หมอยมบาลกลับมา มีเพียงคนในจวนซื่อจื่อเท่านั้นที่ทราบ คนอื่นๆ ไม่น่าจะได้รับข่าวสารใดๆ แต่หมอยมบาลถูกซุ่มโจมตีในระหว่างทางที่กลับมา หรือว่าสายลับจะอยู่ในจวนซื่อจื่อ?

“เรียนซื่อจื่อ อีกฝ่ายได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี มีศิลปะการต่อสู้ที่มหัศจรรย์มาก มองไม่ออกว่าเป็นคนฝ่ายไหน เมื่อถูกจับได้ก็กินยาพิษฆ่าตัวตาย ไม่มีใครรอดชีวิตเลยขอรับ” หลงยีกล่าวรายงาน

“ข้าจะไปตรวจสอบทันที ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด กล้ามาลงมือกับหมอยมบาล ข้าจะไม่ปล่อยพวกเขาอย่างแน่นอน” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างโกรธแค้น

“ไม่เห็นจะเป็นไรเลยซื่อจื่อ คนแก่อย่างข้าคงไม่ตายง่ายๆ หรอก โชคดีที่ข้าไหวตัวทัน ไม่ได้เก็บยาสมุนไพรไว้ข้างกาย เจ้าส่งคนไปที่ปากทางขึ้นเขาภูเขาอู๋หลิ่ง ไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นที่สามทางซ้ายมือ ข้าซ่อนไว้ที่นั่น” หมอยมบาลกล่าว

“ได้ เรื่องในวันนี้ข้าจะให้คำอธิบายแก่ท่านอย่างแน่นอน”

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท