จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 231 ไม่มีผู้ใดหาญกล้าลบหลู่ฮูหยินของข้าได้
อินทรีทองมองเห็นของดำนั่น มันเจ็บปวดจนกระพือปีกหลายครั้ง สุดท้ายก้มหัวให้กับหยุนถิง
หยุนถิงพอใจยิ่งนัก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นับจากวันนี้เป็นต้นไปเจ้ามาติดตามข้าแล้วกัน” ระหว่างพูด ก็ช่วยจัดการบาดแผลให้อินทรีทองที่อยู่ที่พื้น
ผู้คนที่เดิมวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่นเห็นอย่างนี้ พากันถอนหายใจโล่งอกไปตามๆกัน และกลับมานั่งที่ตนเอง แค่เพียงที่อินทรีทองโจมตีเมื่อครู่ ทั่วทั้งท้องพระโรงเละเทะไปหมด
ฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์นั่งตัวตรงสั่งการ “ทหาร จัดการเก็บกวาดท้องพระโรงให้สะอาด เปลี่ยนเป็นของใหม่ให้หมดด้วย”
นางกำนัลขันทีจำนวนมากเดินเข้ามาจากด้านนอก และทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว ไม่นาน ทั่วทั้งท้องพระโรงก็เปลี่ยนเป็นใหม่หมด ทุกคนกลับไปนั่งประจำที่ตนเหมือนเดิม
“คุณหนูหยุน อินทรีทองตัวนี้ฝ่าบาทประทานให้หลีอ๋อง เจ้ากลับตัดหน้าไประหว่างทาง เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง” ชางเยว่หมิงแค่นเสียงเย็นบอก
หยุนถิงเลิกคิ้วมองทางสองพี่น้องนั่น ยิ้มมุมปากว่า “หากมิใช่องค์ชายรองส่งอินทรีทองมา ก็คงไม่ทำให้บรรยากาศท้องพระโรงอึมครึมอย่างนี้ อีกอย่าง เมื่อครู่ตอนอินทรีทองโจมตีคน ข้าเห็นนะว่าองค์ชายรองน่ะวิ่งเร็วที่สุดเลย ตอนนี้ข้าช่วยทุกคนขจัดปัญหานี้แล้ว พวกเจ้าไม่ขอบคุณข้าก็แย่แล้ว ยังโทษข้าอีก เอาหน้ามาจากไหนกัน”
ชางเยว่หมิงพูดต่อด้วยสีหน้าเดือดดาลว่า “น่าตายนัก เจ้ากล้าลบหลู่ข้า”
“หากองค์ชายรองจะคิดเช่นนี้ ข้าก็จนปัญญา” หยุนถิงตอบอย่างไม่แยแส
เมื่อครู่ชางเยว่หมิงเสียมารยาทกับชางหลันเย่ หยุนถิงก็ไม่ชอบใจละ แถมตอนเขาวิ่งหนี ยังจงใจผลักชางหลันเย่หนึ่งครั้ง หยุนถิงเห็นชัดเจนคาตา
ต่อให้การแย่งชิงอำนาจบัลลังก์จะโหดร้าย แต่เย็นชาไร้หัวใจกับพี่ชายแท้ๆตนเชนนี้ ก็คงไม่ใช่คนดีอะไร
“หยุนถิง เจ้าทำเกินไปแล้วนะ ข้าสั่งให้เจ้ารีบขอโทษพี่รองข้าเดี๋ยวนี้” ชางหยุนสี่มองมาอย่างเดือดดาล
“ข้าไม่ได้ทำผิด เหตุใดต้องขอโทษด้วย?” หยุนถิงขี้เกียจสนใจนาง นั่งช่วยอินทรีทองรักษาบาดแผลต่อไป
พอเห็นชางหยุนสี่ทำท่าจะพูดอะไรอีก โม่ฉือหานพลันเอ่ยปาก “ในเมื่ออินทรีทองนี่เสด็จพี่ประทานให้ข้า ข้าจะจัดการอย่างไรก็ได้ตามใจ ในเมื่อคุณหนูหยุนชอบ ยกให้เจ้าแล้วกัน”
พอคำพูดนี้ออกมา ทุกคนพากันตกตะลึง
ทั่วทั้งแคว้นต้าเยียนรวมถึงสี่แคว้นล้วนรู้ดีว่า หลีอ๋องรังเกียจเดียดฉันท์หยุนถิงแค่ไหน เรื่องเขาหย่าร้างกับหยุนหลีนั้นทำเอารู้กันทั้งใต้หล้า ทั้งสองคนยิ่งเคียดแค้นอีกฝ่ายนัก ไม่ยอมคบหาสมาคมกันอีกเลย ตอนนี้หลีอ๋องกลับบอกว่าจะยกอินทรีทองให้หลีอ๋องต่อหน้าทุกคน ทำเอาทุกคนตกใจกันมาก
ขนาดฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์ยังอดแปลกใจไม่ได้เหมือนกัน เขาเลิกคิ้วมองโม่ฉือหาน วันนี้หลีอ๋องโดนผีสิงแล้วรึ จะมอบของให้หยุนถิง ด้วยนิสัยแต่เดิมของเขา หากหยุนถิงแย่งของๆเขาไป เขาต้องแย่งกลับมาอย่างไม่ตายไม่เลิกราแน่ๆ
หยุนถิงมองโม่ฉือหานอย่างตกใจ “หลีอ๋อง สมองท่านกลับแล้วรึ?”
โม่ฉือหานสีหน้าเย็นชา “ข้าแค่ไม่ชอบของที่ผู้อื่นแตะต้องแล้ว”
“เช่นนั้น ข้าขอบคุณหลีอ๋องแล้วกัน” หยุนถิงตอบ
อินทรีทองดีอย่างนี้ เธอไม่อยากคืนเหมือนกัน
“คุณหนูหยุน ขอบคุณที่ช่วยชีวิตเมื่อครู่” ชางหลันเย่บอกอย่างซาบซึ้ง
อันที่จริงเมื่อครู่เขาจงใจทั้งนั้น จงใจโดนชางเยว่หมิงบีบคั้นให้ขายหน้าต่อหน้าผู้คน จงใจให้ทุกคนรู้ว่าฮ่องเต้ต้าเยียนลบหลู่กลั่นแกล้งเขา จงใจโดนชางเยว่หมิงผลัก ก็เพื่อสร้างภาพลักษณ์อ่อนแอเพื่อหลอกผู้อื่น แต่ชางหลันเย่ไม่คิดเลยว่า หยุนถิงจะยื่นมือช่วยเขา
ทั้งๆที่นางจะไม่ช่วยก็ได้ แต่นางกลับมิแยแสทำให้ใครมิพอใจ มาช่วยตน ตอนนี้ชางหลันเย่รู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก
“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องง่ายๆเท่านั้นเอง”
“คุณหนูหยุนดูจะสนิทสนมกับชางไท่จื่อจริงนะ ถึงกับเสี่ยงช่วยชีวิตแล้ว ช่างน่าอิจฉายิ่ง” จี๋ผินที่อยู่บนที่สูงเอ่ยขึ้น
นางเป็นสนมที่ฮ่องเต้พึ่งรับมาใหม่ สามารถร้องเพลงเต้นรำได้ ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ยิ่งนัก
พอคำพูดนี้ออกมา ดึงดูดความสนใจจากทุกคนทันที เพราะผู้หนึ่งคือหญิงโง่งมที่ชื่อเสียงเสียหายกระฉ่อน อีกคนเป็นตัวประกัน ทั้งสองคนจะสนิทสนมกันได้อย่างไร หรือว่ามีลับลมคมในกัน?
หยุนถิงหันมองนาง พลางแค่นเสียงหึ “ข้ามิได้สนิทสนมอะไรกับชางไท่จื่อ เพียงแต่มีครั้งหนึ่งเข้าวัง พอดีเห็นเขาโดนคนรังแก ก็เลยยื่นมือเข้าช่วยเท่านั้นเอง”
หยุนถิงไม่ได้เล่าละเอียด แต่ฮ่องเต้เข้าใจความหมายนาง
“ไม่คิดว่าสาวงามของฝ่าบาทจะชอบพูดจากลับผิดเป็นชอบนะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์เบ้ปากบอก
ฮ่องเต้มีสีหน้าเย็นชาทันที “เอาล่ะ อินทรีทองตัวหนึ่งก่อกวนไปทั่วงานเลี้ยงฉลองเทศกาลเรือมังกรแล้ว เริ่มงานเลี้ยงได้!”
“พ่ะย่ะค่ะ” ซูกงกงรีบให้คนยกอาหารขึ้นโต๊ะ
จี๋ผินสีหน้ากระอักกระอ่วน ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก แต่ในใจแค้นเคืองเริ่นเซวียนเอ๋อร์กับหยุนถิงนัก
“หยุนถิงเจ้าเก่งจริง แค่คำเดียวก็ทำจี๋ผินหุบปากแล้ว แต่ว่าสตรีผู้นั้นเจ้าคิดเจ้าแค้นที่สุด ต่อไปเจ้าต้องระวังตัวให้ดีนะ” โม่ฉือชิงเตือน
“พออยู่สุขสบายนานๆก็เบื่อ ข้ารอนางแก้แค้นอยู่นะ” หยุนถิงช่วยอินทรีทองจัดการบาดแผล พันผ้าพันแผลเรียบร้อย และป้อนสารอาหารเลวให้มันหนึ่งหลอด
อินทรีทองที่เดิมทีนอนหายใจรวยรินกลับมีชีวิตขึ้นมา และอยู่ข้างหยุนถิงอย่างว่าง่าย ดูว่านอนสอนง่ายมาก ท่าทางนั้นแตกต่างกับตอนโจมตีอย่างบ้าคลั่งเมื่อครู่ราวฟ้ากับเหว
“พูดถูก ข้าชื่นชม มา ชนแก้ว” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ยกจอกเหล้าขึ้น
หยุนถิงดื่มไปหนึ่งจอก จากนั้นเริ่มกิน รอมาทั้งคืนก็เพื่อมื้อนี้เลย
“หยุนถิง ข้าจะประลองกับเจ้า” ชางหยุนสี่แค่นเสียงหึ
หยุนถิงมองบนใส่นาง “ไม่ว่าง”
ชางหยุนสี่โดนปฏิเสธ โกรธจนหน้าดำทะมึน สีหน้าไม่น่าดูยิ่งนัก “หยุนถิง เจ้าไม่กล้ากระมัง ไหนว่าเจ้าท่องกลอนวาดภาพได้มิใช่รึ หรือว่าชื่อเสียงเจ้าเป็นแค่ข่าวลือ จวินซื่อจื่อช่วยเจ้าใช่ไหม?”
ฟู่อี้เฉินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมองมาทางชางหยุนสี่ด้วยสีหน้าเห็นใจ สตรีผู้นี้สมองกลวงรึเปล่า ดันเข้าไปหาเรื่องเอง เขารู้ฝีมือของหยุนถิงดีแล้ว วินาทีนี้ฟู่อี้เฉินถึงรู้ว่าเมื่อก่อนตนโง่งมแค่ไหน
“ไม่คิดว่า จวินซื่อจื่อจะหาหญิงไร้ค่าโง่งมที่ไร้ประโยชน์ใดๆมา แต่กลับประกาศเรื่องฮูหยินของท่านเสียจนเลอเลิศประเสริฐศรี ใช้เงินไปไม่น้อยกระมัง ว่ากันว่าจวินซื่อจื่อเฉลียวฉลาด ดูท่าคงตาบอดกระมัง ไม่เช่นนั้นเหตุใดตาถั่วเยี่ยงนี้เล่า” ชางเยว่หมิงแค่นเสียงหยัน
สีหน้าจวินหย่วนโยวเย็นเยียบลงทันที ดวงตาดำขลับดำทะมึนลง ฉายแววเย็นเยียบเด็ดขาด บรรยากาศรอบตัวเย็นถึงติดลบ เขายกมือขึ้นพลัน
“เพี๊ยะ!” เสียงดังสนั่นขึ้นมา
“อ๊าก! จวินหย่วนโยว เจ้ากล้าทำร้ายข้ารึ?” ชางเยว่หมิงตกตะลึง โกรธ ตะคอกอย่างเดือดดาล
“บนโลกนี้ยังไม่มีผู้ใดกล้าลบหลู่ฮูหยินของข้าได้ หากองค์ชายรองและองค์หญิงสี่ยังกล้าพูดจาสามหาวอีก ข้าไม่ถือสาจะตัดลิ้นเจ้าซะ องครักษ์เงามังกรของข้าไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมานานแล้ว ข้าไม่ถือสาให้พวกเขาไปเดินเล่นในพระราชวังของแคว้นชางเยว่สักหน่อย”
คำพูดเดียวทำเอาชางเยว่หมิงตกใจสีหน้าซีดเผือด
องครักษ์เงามังกรนั่นน่ะเป็นองครักษ์ลับที่เก่งกาจที่สุดของแคว้นต้าเยียน สามารถสู้ได้หนึ่งต่อร้อย ไม่ตายไม่เลิกรา หลายวันก่อนเขาได้ข่าวว่า วังราตรีที่สร้างมาสิบกว่าปีโดนองครักษ์เงามังกรฆ่าล้างวังภายในคืนเดียว เห็นได้ชัดถึงความสามารถขององครักษ์เงามังกร
“จวินซื่อจื่อขออภัย เมื่อครู่ข้าพูดจาเลื่อนเปื้อนไร้สาระ ล่วงเกินท่านแล้ว ขออภัย” ชางเยว่หมิงรีบขอโทษทันที