จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 264 คืนนี้ลำบากเจ้าแล้ว
ด้านนอกเรือน สนมหลายนางเดินเข้ามา ร้องไห้คร่ำครวญจะหาฝ่าบาท
“ฝ่าบาท บนร่างของพวกเราก็เกิดอาการแพ้เช่นกัน เกิดผื่นแดงขึ้นมากมาย ขอฝ่าบาททรงความยุติธรรมให้พวกข้าด้วยเถอะ!” สนมหลายนางเลิกแขนเสื้อขึ้น บนแขนพวกนางเป็นผื่นแดงเต็มไปหมด
สีหน้าฮ่องเต้เย็นเยียบทะมึนพลางบอก “หมอหลวงหลิว รีบไปตรวจเร็ว”
วินาทีฮ่องเต้ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าตนเกิดอาการแพ้ด้วยหรือไม่ อันที่จริงสนมสองนางในนั้นพึ่งรับใช้เขาไปในสองวันนี้
หมอหลวงหลิวจับชีพจรให้สนมทุกนาง และตรวจดูผื่นแดงบนแขนพวกนาง พลางว่าด้วยสีหน้าตึงเครียดว่า “ฝ่าบาท อาการของเหล่าพระสนมเหมือนกับเป่ยหมิงไท่จื่อ ล้วนเป็นอาการแพ้”
“งั้นพวกเราควรทำอย่างไรดี คันไปทั้งตัวแล้ว ไม่สบายตัวเอาเสียเลย” สนมนางหนึ่งบอก
เหมยเฟยเหล่มองพวกนาง พลางเอ่ยปากถาม “เสื้อผ้าบนร่างพวกเจ้าเป็นเสื้อผ้าใหม่ที่พึ่งทำหลายวันนี้รึ?”
“กราบทูลพระสนม เสื้อผ้าของเหล่าสนมเป็นเสื้อผ้าใหม่ที่ทำจากกรมชุดหลวงเมื่อสามวันก่อน” สนมนางหนึ่งเอ่ยปากบอก
“พวกข้าเองก็เช่นกัน ได้ยินว่ากรมชุดหลวงได้ผ้ามาใหม่ สีสันดี คุณภาพดี ดังนั้นเหล่าสนมเลยนัดแนะกันไปทำเสื้อผ้าใหม่ที่กรมชุดหลวง”
“ฝ่าบาท เสื้อผ้าชุดนี้ของไท่จื่อเราก็ส่งมาจากกรมชุดหลวงของพวกท่าน หลายวันก่อนไท่จื่อบอกว่าอยากจะใส่เสื้อผ้าของแคว้นต้าเยียนตามหลักเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ดังนั้นไท่จื่อเลยไปที่กรมชุดหลวง” พ่อบ้านของเป่ยหมิงฉี่เอ่ยขึ้น
สีหน้าฮ่องเต้ดูเย็นเยียบทะมึน ดวงตาทุ้มลึกเก็บซ่อนความนัยมิดชิด คางเชิดแน่น บรรยากาศรอบตัวเขาเย็นเยียบเสียต่ำกว่าศูนย์
เจ้ากรมอู๋แห่งกรมชุดหลวงเป็นผู้ที่ฮองเฮาเสนออุ้มชูขึ้นมา ตอนแรกก็จื่อย่วนที่วางแผนใส่ร้ายหยุนถิง ตอนนี้ก็เจ้ากรมอู๋อีก ฮองเฮาปิดบังตนเองทำเรื่องอะไรมากมายเพียงใดกัน
“หลีอ๋อง เจ้ารีบไปสืบเร็ว ข้าให้เวลาพวกเจ้าสองวัน ไม่ว่าเป็นผู้ใด ครั้งนี้ข้าจะไม่ละเว้นโดยเด็ดขาด!” ฮ่องเต้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก เข้มงวดตึงเครียดนัก
“พ่ะย่ะค่ะ” โม่ฉือหานคารวะ ก่อนหมุนตัวจากไป
“ฝ่าบาท พวกเราจะทำอย่างไรดี หมอหลวงหลิวเจ้ารีบรักษาพวกเราเร็ว” สนมนางหนึ่งรีบบอก
หมอหลวงหลิวพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “ไม่ใช่กระหม่อมมิรักษา แต่กระหม่อมเองก็จนปัญญา ขอพระสนมถามคุณหนูหยุนเถิด”
ขุนนางเช่นเขาปกติมาเข้าเฝ้าจับชีพจร จ่ายยาให้เท่านั้น เรื่องเกิดอาการแพ้ บนร่างเกิดผื่นแดง หมอหลวงหลิวไม่สะดวกจริงๆ แถมเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะรับมือกับเหตุการณ์ฉับพลันนี้อย่างไรดี
สนมแต่ละนางหันมองหยุนถิงตามๆกัน เห็นนางหลับตา ด้านข้างมีจวินซื่อจื่อเฝ้าอยู่ ก็ไม่มีใครกล้าเรียกร้อง ได้แต่หันไปขอร้องฝ่าบาท
“ฝ่าบาท หม่อมฉันบอกกับคุณหนูหยุนแล้วกัน” เหมยเฟยเดินเข้ามาอย่างเข้าใจ
“คุณหนูหยุน รบกวนท่านช่วยตรวจอาการให้เหล่าสนมหน่อยเถิด ลำบากท่านแล้ว” เหมยเฟยไม่ได้มีท่าทีเย่อหยิ่ง และยิ่งไม่ได้เย่อหยิ่งออกคำสั่ง หากเป็นน้ำเสียงปรึกษา
นิสัยของหยุนถิงทุกคนต่างรู้ดี หากนางยอมรักษาก็ยังดี หากไม่ยอมรักษา ต่อให้เป็นฝ่าบาทก็บังคับนางไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจวินซื่อจื่อที่รักเมียยิ่งชีวิต ใครก็ไม่กล้าบังอาจอะไร
หยุนถิงถึงลืมตาขึ้น “เหมยเฟยเกรงใจไปแล้ว สามารถแบ่งเบาภาระเพื่อฝ่าบาทได้ถือเป็นเกียรติของข้า พวกท่านต่อแถวกันนะ มาทีละคนแล้วกัน คืนนี้ข้าดื่มมากไปหน่อย เดินไม่ไหวแล้ว”
เหล่าสนมพร้อมเพรียงกันต่อแถวดีๆ เดินเข้าไปทีละคน
หยุนถิงก็ตรวจตามสบาย จากนั้นก็บอกวิธีรักษาให้พวกนาง บ้างต้องกลับไปแช่น้ำเย็น บ้างต้องห่มผ้าห่มให้เหงื่อออก และบ้างก็ไปวิ่งรอบสนามฝึก—สรุปแล้ววิธีรักษานั้นมีหลากหลายร้อยแปดเลยทีเดียว
ทำเอาหมอหลวงหลิวยังอดขมวดคิ้วไม่ได้ หากมิใช่รู้ซึ้งถึงฝีมือการรักษาของหยุนถิงมาก่อน เขาต้องสงสัยว่าหยุนถิงเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวงเป็นแน่
แต่หยุนถิงมอบยาที่ช่วยขับร้อนไล่พิษให้ทุกคนไปคนละเม็ดด้วย เท่านี้ก็สามารถรักษาจนหายขาดได้แล้ว ทุกคนซาบซึ้งในตัวเธอยิ่งนัก รีบกลับไปทำตามที่เธอบอกทันที
เป่ยหมิงฉี่ที่อยู่ในอ่างน้ำเย็นพลันฮัดเช้ยออกมา ตัวเขามีสีหน้าซีดเผือด ริมฝีปากบางกลายเป็นสีม่วง ฟันสั่นกึกๆ
“ไท่จื่อ ไท่จื่อท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” พ่อบ้านกับองครักษ์รีบเข้ามาถามทันที
เป่ยหมิงฉี่รู้สึกเหมือนอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง เย็นจนเขาสั่นไปทั้งตัว เขาลืมตาอย่างยากลำบาก ก่อนจะตกใจมาก
“พ่อบ้าน เจ้าเอาข้ามาอยู่ในอ่างน้ำทำไมกัน น่าตายนัก นี่คิดจะกบฏรึ?” เป่ยหมิงฉี่เดือดดาลนัก
พ่อบ้านตื่นเต้นยิ่งนัก ดีใจแทบบ้า “ดียิ่งนัก ไท่จื่อของข้าฟื้นแล้ว ดียิ่งนัก”
หยุนถิงพึ่งลุกขึ้นยืน ควักขวดหนึ่งยื่นให้เขา “นี่เป็นยาขับร้อน พอกินเข้าไปแล้วจะช่วยให้เขาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น”
“ขอบคุณคุณหนูหยุนยิ่งนัก ขอบคุณมาก” พ่อบ้านซาบซึ้งใจยิ่งนัก ท่าทีก็เปลี่ยนเป็นเคารพ
“ไม่ต้องเกรงใจดอก ข้าเห็นแก่ฝ่าบาทถึงได้ช่วยคน ฝ่าบาท ในเมื่อเป่ยหมิงไท่จื่อฟื้นแล้ว ข้าก็กลับไปนอนได้แล้ว” หยุนถิงหาวหวอดๆ
“กลับไปเถอะ คืนนี้ลำบากเจ้าแล้ว” ฮ่องเต้ดีใจยิ่งนัก หยุนถิงเก่งที่สุดจริงๆ
จวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงขึ้นมาเดินออกไปข้างนอกทันที เป่ยหมิงฉี่ที่อยู่ในอ่างน้ำเริ่มร้อนใจ “นี่ ทำไมพวกเจ้าสองคนไปแล้วล่ะ?”
“ไท่จื่อ ท่านเกิดอาการแพ้โดนพิษสลบไปเลย ดังนั้นข้าน้อยเลยพาท่านมาพระราชวัง โชคดีที่คุณหนูหยุนยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ถึงทำให้ไท่จื่อฟื้นขึ้นมาได้ เป็นเสื้อผ้าที่กรมชุดหลวงส่งมาให้ท่าน ทำให้ท่านเป็นเช่นนี้” พ่อบ้านอธิบายอย่างได้ใจความ
พอเป่ยหมิงฉี่ได้ยินดังนั้น ก็เดือดดาลหนักจริงๆ “ดังนั้น เลยจับข้าลงอ่างน้ำกลางดึกรึ ฮัดเช้ย!”
“ไท่จื่อ มันไม่มีหนทางจริงๆ หมอหลวงหลิวฝังเข็มให้ท่านแล้วท่านก็ยังไม่ฟื้น ดีนะที่คุณหนูหยุนช่วยไว้” พ่อบ้านบอกเสียงเบา
“เห็นแก่ความจงรักภักดีของเจ้า ข้าจะละเว้นเจ้า แต่ฝ่าบาทต้าเยียน ท่านอยากวางยาพิษให้ร้ายข้ารึ ถึงเล่นตุกติกกับเสื้อผ้าที่ส่งมาให้ข้า นี่คิดร้ายอะไรกัน?” เป่ยหมิงฉี่ถลึงตามองมาอย่างเดือดดาล
สีหน้าฮ่องเต้ตึงเครียด มีแววไม่พอใจและรำคาญที่หว่างคิ้ว “เป่ยหมิงไท่จื่อเข้าใจผิดแล้ว ข้าจะวางยาพิษท่านได้อย่างไร หากท่านมาเกิดเรื่องในพระราชวังต้าเยียน ข้าย่อมหลีกหนีความรับผิดชอบไม่พ้น เรื่องในครั้งนี้ข้าได้มอบหมายให้หลีอ๋องไปสืบแล้ว ต้องมีคำอธิบายให้แก่ท่านแน่ๆ”
“ก็ได้ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าเร็ว ข้าหนาวจะตายอยู่แล้ว ฮัดเช้ย!” เป่ยหมิงฉี่บอกอย่างรังเกียจ
พวกพ่อบ้านมีสีหน้าลำบากใจ ตอนนั้นพวกเขารีบร้อนมาก คิดเพียงแค่อยากจะช่วยไท่จื่อ เลยไม่ได้เอาเสื้อผ้าผลัดเปลี่ยนมา
“ไท่จื่อ พวกเรามิได้นำเสื้อผ้า” องครักษ์ออกปาก
“น่าตายนัก พวกเจ้าอยากให้ข้าหนาวตายรึไงหา?” เป่ยหมิงฉี่เดือดดาลยิ่งนัก
“หากเป่ยหมิงไท่จื่อไม่รังเกียจ ข้าจะให้คนนำเสื้อผ้าสะอาดมาให้” ฮ่องเต้พูดเสียงเนิบช้า
“มิต้อง ข้ากลัวโดนวางยาพิษอีก กลับไปเช่นนี้แล้วกัน” เป่ยหมิงฉี่ยกเสื้อผ้าเปียกชื้นขึ้น หมุนตัวจากไปทันที
พ่อบ้านกับองครักษ์รีบตามไปทันที สายลมตอนกลางคืนหนาวเย็น พัดมาทีทำเอาเป่ยหมิงฉี่หนาวจนฟันกระทับกันกึกๆ ยิ่งเดินเร็วมากขึ้น
ความวุ่นวายจบลง ฮ่องเต้เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกเฮือกหนึ่ง พลางเอนตัวพิงเก้าอี้
เหมยเฟยเดินเข้ามาช่วยนวดขมับให้เขา “ฝ่าบาท รีบพักผ่อนเถอะ เชื่อว่าไม่นานหลีอ๋องต้องสืบรู้ความชัดเจนแน่”
“ดันมีคนกล้าเล่นตุกติกภายใต้สายตาข้า ข้าจะไม่ละเว้นแน่!” เสียงฮ่องเต้มีความโหดเหี้ยมแทรกอยู่ในนั้น
เหมยเฟยไม่ได้พูดอะไร ช่วยนวดให้เขาต่อไป