จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 333 พวกท่านถึงกับสงสัยว่าข้าคือตัวปลอม
โม่เหลิ่งเหยียนเลิกคิ้ว“หาได้ยาก ที่เจ้าจะพูดขอบคุณข้า”
จวินหย่วนโยวจ้องมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ครู่หนึ่ง“ข้าไม่ใช่คนไม่แยกแยะดีชั่วสักหน่อย”
“เช่นนี้ย่อมดีที่สุด ในเมื่อจวินหย่วนโยวมาแล้ว ข้ายังต้องไปลาดตระเวนอีก ขอตัวก่อนแล้ว” โม่เหลิ่งเหยียนมองไปทางหยุนถิง
“ตกลง” หยุนถิงพยักหน้า
จวินหย่วนโยวไม่ได้พูดอะไรอีก ถึงได้สังเกตให้เสื้อผ้าบนตัวของหยุนถิง สีหน้าดำมืดในทันที“หลงยี ไปหยิบเสื้อคลุมมา!”
“ขอรับ!” หลงยีรีบไปที่รถม้าและหยิบออกมาทันที
จวินหย่วนโยวรับมา และคลุมให้กับหยุนถิง“ทำไมถึงแต่งตัวเช่นนี้?”
“ก็เป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าของหนานเทียนหลินนั่นแหละ เขาบอกว่าให้ข้ารับแขกหนึ่งร้อยคน มิเช่นนั้นจะไม่ให้ข้ากินข้าว” หยุนถิงบ่น
ใบหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือกราวกับเกล็ดน้ำแข็งทันที“ไอ้สารเลวที่สมควรตาย ลงโทษเขาเช่นนี้ถูกเกินไปสำหรับเขาจริงๆ”
“ไม่หรอก หลังจากที่เขาตื่นก็จะรู้ว่าอะไรคือตายทั้งเป็น” หยุนถิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
จวินหย่วนโยวมองดูรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์สับปลับของนาง รู้อยู่แล้วว่าหยุนถิงเจ้าคิดเจ้าแค้นที่สุด แสดงให้เห็นว่าไม่ได้แค่ส่งเขาไปให้กับฮูหยินผิงหยวนเท่านั้น
“วันนี้เจ้าได้รับความตกใจแล้ว เรากลับไปกันเถอะ”
“ตกลง” หยุนถิงและจวินหย่วนโยวขึ้นรถม้าและจากไป
จวนผิงหยวน
ฮูหยินผิงหยวนให้บ่าวรับใช้ยกหนานเทียนหลินเข้าไปในห้องของตัวเองโดยตรง มองดูชายหนุ่มที่มีหน้าตาสะอาดสะอ้านน่ามองเช่นนี้ ฮูหยินผิงหยวนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาทั้งคู่จ้องมองหนานเทียนหลินอย่างไม่ละสายตา
นางอดที่จะยื่นมือไปหยิกใบหน้าของหนานเทียนหลินไม่ได้“ดูผิวและใบหน้าเล็กๆนี่สิ น่าทึ่งมาก ดีกว่านายโลมในหอคณิกาพวกนั้นมากเลย รูปร่างนี่มองดูก็รู้ว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ ไม่เลวเลยจริงๆ สวรรค์ช่างดีต่อข้าจริงๆ”
ฮูหยินผิงหยวนทนรอไม่ไหวอยากจะไปถอดเสื้อผ้าของหนานเทียนหลินออกแล้ว ตามหลักแล้วเป็นไปไม่ได้ที่คนหมดสติไปแล้วจะทำเรื่องอย่างว่า แต่กางเกงของเจ้าหมอนี่กลับค้ำขึ้นมาราวกับร่มเล็กๆ ฮูหยินผิงหยวนมองด้วยความตื่นเต้นและดีใจอย่างมาก
นางสั่งให้องครักษ์ในลานเฝ้ารักษาการณ์ให้ดีโดยเฉพาะ ห้ามไม่ให้ผู้ใดมารบกวน จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าของหนานเทียนหลินออก และทำตามอำเภอใจ
ในลานที่กว้างใหญ่ เหลือเพียงเสียงหอบหายใจที่ตื่นเต้นของฮูหยินผิงหยวน นานพักใหญ่ก็ไม่จางหายไป
…………..
ที่พักเปลี่ยนม้าหลวง
หลังจากการพักฟื้นสองวัน สุขภาพของมู่ว่านว่านก็ดีขึ้นมาอย่างมาก สามารถลงมาเดินได้แล้ว
มู่เซียวเซียวเดินเข้ามาพร้อมกับผู้อาวุโสทั้งหลาย ผู้อาวุโสสามลังเลอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายก็เอ่ยปาก“ว่านว่าน ข้าจับชีพจรให้เจ้า ดูว่าร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
มู่ว่านว่านมองดูท่าทางของพวกเขา แล้วยิ้มเย้ยหยันในใจ แต่ว่าบนใบหน้าก็ให้ความร่วมมืออย่างยิ่ง“ขอบคุณผู้อาวุโสสามมาก”
ผู้อาวุโสสามเห็นไฝบนแขนซ้ายของนางเข้าพอดี“นังหนูคนนี้คือว่านว่านนั่นแหละ ไม่ใช่ตัวปลอม ไฝที่อยู่บนแขนของนางเม็ดนี้ข้ารู้ดีที่สุด”
“ถูกต้อง ด้านหลังหูข้างขวาของนังหนูคนนี้มีแผลเป็นอยู่ เป็นแผลที่ได้มาเพราะความซุกซนไปปีนต้นไม้ตอนเด็กๆ แต่แล้วก็ตกลงมาทำให้หูเป็นแผล นางคือว่านว่านนี่แหละ” ผู้อาวุโสสี่ก็เอ่ยปากเช่นกัน
มู่ว่านว่านมองไปทางทุกคนด้วยความงุนงง“ผู้อาวุโสทุกท่านกำลังพูดอะไรน่ะ หรือว่าพวกท่านสงสัยว่าข้าคือตัวปลอม?”
พวกเขาทั้งหลายทำหน้ากระอักกระอ่วนใจ โดยเฉพาะมู่เซียวเซียว ในใจรู้สึกโกรธแทบตาย บนใบหน้ากลับแสร้งทำท่าทางอ่อนโยน
“น้องสาวเจ้าอย่าคิดมาก ก่อนหน้านี้เจ้าป่วยหนักขนาดนั้น จู่ๆทำไมถึงดีขึ้นมาได้ เพราะพี่เป็นห่วงเจ้ามากเกินไป กลัวว่าจะมีคนถือโอกาสทำในสิ่งที่ไม่เป็นผลดีต่อเจ้าหรือไม่ก็จัดการกับหอเทพเซียนถึงได้เอ่ยคำถามเช่นนี้?”
ใบหน้าของมู่ว่านว่านดำมืดลงมาทันที“ท่านเป็นพี่สาวแท้ๆของข้านะ ถึงกับสงสัยว่าข้าคือตัวปลอม?”
มู่เซียวเซียวเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน“ว่านว่านขอโทษด้วย เป็นเพราะเจ้าดีขึ้นมาอย่างแปลกประหลาดมากจริงๆ พี่เพียงแค่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้น?”
“พี่ใหญ่เป็นห่วงข้าจริงหรือ?” มู่ว่านว่านถามกลับ
แววตาของนางเฉียบคมเกินไป สีหน้าเคร่งขรึมเกินไป จู่ๆก็มองไปทางมู่ว่านว่านอย่างเย็นชาเช่นนี้ มู่เซียวเซียวไม่สามารถตอบสนองกลับมาเล็กน้อย ชั่วขณะหนึ่งกลับถูกมู่ว่านว่านคุมสถานการณ์เอาไว้
ไม่รู้ว่าทำไม นางมักจะรู้สึกว่าตั้งแต่สุขภาพมู่ว่านว่านดีขึ้นมา ดูเหมือนจะแตกต่างไปจากเมื่อก่อนเล็กน้อย แต่รายละเอียดเฉพาะเจาะจงที่ว่าตรงไหนที่มันแตกต่างไป มู่เซียวเซียวกลับไม่สามารถบอกได้
“ไม่ใช่อยู่แล้ว ว่านว่านเจ้าอย่าโกรธไปเลย” มู่เซียวเซียวรีบเกลี้ยกล่อมทันที
มู่ว่านว่านมองตรงไปยังดวงตาคู่สวยของมู่เซียวเซียว นางที่เดิมทีเย็นชาเคร่งขรึมจู่ๆก็หัวเราะออกมา“พี่ใหญ่ เมื่อครู่นี้ข้าแค่ล้อเล่นกับท่านเท่านั้น ถูกข้าทำให้ตกใจแย่เลยใช่ไหม?”
มู่เซียวเซียวมองดูท่าทางที่หัวเราะอย่างไม่มีหัวจิตหัวใจของนาง ถึงได้รู้ว่าตื่นตระหนกไปโดยไม่จำเป็น“น้องสาว ข้านึกว่าเมื่อครู่นี้เจ้าโกรธจริงๆ”
“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร พี่ใหญ่คือคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมที่สุดของข้าในโลกใบนี้ ข้าย่อมไม่โกรธอยู่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าอีกไม่กี่วันก็เป็นวันล่าสัตว์ของแคว้นต้าเยียนแล้ว ถึงเวลาเราก็กราบทูลฝ่าบาทว่าขอเข้าร่วมเถอะ ข้ายังไม่เคยเข้าร่วมวันล่าสัตว์มาก่อนเลยนะ?” มู่ว่านว่านเสนอแนะ
“ย่อมได้อยู่แล้ว เช่นนั้นเจ้าต้องพักฟื้นร่างกายให้ดีๆ” มู่เซียวเซียวกล่าวด้วยความเป็นห่วง
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
มองดูมู่เซียวเซียวกับผู้อาวุโสทั้งหลายจากไป ริมฝีปากบางของมู่ว่านว่านเกี่ยวขึ้นมาอย่างเสียดสีเล็กน้อย
พี่ใหญ่ถึงกับพาผู้อาวุโสมาตรวจสอบว่านางคือตัวปลอมหรือไม่ น่าขำจริงๆ นี่ก็คือพี่ใหญ่ที่ตัวเองเคารพรักและนับถือหรือ ช่างทำให้นางรู้สึกผิดหวังจริงๆ
ไม่ช้าก็ถึงวันล่าสัตว์ในอีกไม่กี่วันให้หลัง มู่ว่านว่านตามมู่เซียวเซียวและผู้อาวุโสทั้งหลายไปยังพื้นที่ล่าสัตว์ในเขตชานเมืองตั้งแต่เช้าตรู่
แว๊บแรกมู่ว่านว่านก็เห็นรถม้าของจวนซื่อจื่อที่อยู่ไม่ไกลออกไป มองดูรูปลักษณ์ที่ห้าวหาญของหยุนถิงในชุดขี่ม้า ดวงตาคู่สวยมีความอิจฉาแว๊บผ่านไปเล็กน้อย
หยุนถิงก็เพียงแค่มองมาทางนี้แค่ครู่เดียว ไม่ได้ทักทายมู่ว่านว่าน จากนั้นก็ติดตามจวินหย่วนโยวเดินเข้าไปในพื้นที่ล่าสัตว์
มู่ว่านว่านที่ไม่เคยชอบหน้าหยุนถิงมาก่อน นาทีนี้ถึงกับรู้สึกชื่นชมนางเล็กน้อย
นางทำอะไรตามอำเภอใจ ทำตัวเป็นจุดสนใจ โอหัง แต่กลับเปิดเผยไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เห็นใครขัดหูขัดตาก็สั่งสอนเดี๋ยวนั้นเลย ซึ่งจริงใจมากกว่าพี่ใหญ่มากนัก
และหยุนถิงย่อมเห็นมู่ว่านว่านด้วยเช่นกัน คิดไม่ถึงว่านางจะฟื้นฟูได้เร็วขนาดนี้ หยุนถิงเดินตรงไปเลือกคันธนูและลูกธนู
“หยุนถิงวันนี้เจ้าอย่าออมมือนะ ข้าได้ยินมาว่าผู้ที่ชนะเลิศในปีนี้เสด็จพี่จะมอบคันธนูและลูกธนูทองคำบริสุทธิ์ให้เป็นรางวัล!” องค์ชายสี่เดินเข้ามาบอก
“ทองคำบริสุทธิ์ เช่นนั้นมันต้องมีค่ามากเลยสิ?” หยุนถิงเกิดความสนใจขึ้นมา
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าได้ยินมาว่ามันทำมาจากทองคำบริสุทธิ์เลยนะ” ฟู่อี้เฉินเข้ามาใกล้แล้วกล่าวเสริมอีกหนึ่งคำ
“เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าก็จะไม่เกี่ยงงอนในเรื่องที่ควรกระทำแล้ว!”
“ขี้โม้เก่งจริงๆ ชิงรางวัลชนะเลิศไม่ใช่แค่พูดปากเปล่าเท่านั้น!” ทันทีที่องค์หญิงหลันรั่วมาถึงก็เห็นผู้คนมากมายล้อมรอบหยุนถิงเอาไว้ รู้สึกโมโหขึ้นมาและกล่าวด้วยถ้อยคำเสียดสีเย้ยหยันทันที
หยุนถิงชำเลืองมองนางครู่หนึ่ง“หมายความว่าองค์หญิงหลันรั่วมีความมั่นใจมากว่าจะรางวัลชนะเลิศ?”
ข้าจะต้องชิงรางวัลชนะเลิศมาให้ได้“!” องค์หญิงหลันรั่วกล่าวอย่างโอหัง
“งั้นหรือ เช่นนั้นก็คอยดูกันต่อไปก็แล้วกัน!”
“ฮึ!” องค์หญิงหลันรั่วเดินเข้าไปข้างใน
หลีอ๋องโม่ฉือหานรับผิดชอบด้านความปลอดภัยของการล่าสัตว์ในครั้งนี้ มาตั้งแต่เช้าตรู่ มองดูหยุนถิงกับองค์หญิงหลันรั่วโต้เถียงกัน สายตาที่ลึกล้ำของโม่ฉือหานจับจ้องหยุนถิงเอาไว้
นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นหยุนถิงสวมใส่ชุดขี่ม้า ท่วงท่าห้าวหาญทรงพลัง งดงามมีเสน่ห์ หยุนถิงที่ทั้งงดงามทั้งห้าวหาญเช่นนี้โม่ฉือหานมองอย่างตกอยู่ในภวังค์
ทันใดนั้น องครักษ์ที่อยู่ไม่ไกลออกไปนายหนึ่งก็วิ่งเข้ามา เข้าไปใกล้โม่ฉือหานแล้วกระซิบพูดข้างหูของเขา จู่ๆสีหน้าของโม่ฉือหานก็เคร่งขรึมลงกะทันหัน สายตาเฉียบคมน่าเกรงขาม