จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 384 โชคดีที่ข้ายังมีเจ้า

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่384 โชคดีที่ข้ายังมีเจ้า

ทันทีที่พูดจบลง ข้าราชการชั้นสูงต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่ แน่นอนว่าทุกคนต่างก็ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องที่ซ่างกวนเจิ้นสองพ่อลูกนี้ทำแล้ว

ทันทีที่เขามาก็ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นเฉิงเซี่ยง ยังทำให้อวี๋เฉิงเซี่ยงถูกลดตำแหน่ง อวี๋เฉิงเซี่ยงบริหารมาหลายปี พรรคพวกในราชสำนักก็มีอยู่มาก แน่นอนว่าทุกคนจะไม่ปล่อยโอกาสที่ดีเยี่ยงนี้ไปอยู่แล้ว

“ไท่จื่อท่านหมายความว่าอย่างไร ข้าอยู่ในแคว้นต้าเยียนก็อุทิศตนเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม หากไม่ใช่เป็นเพราะถูกจวินหย่วนโยวและหยุนถิงใส่ร้าย ข้าจำเป็นต้องกลายเป็นเช่นนี้ด้วยหรือ!

ตอนนี้ข้ารับใช้เพื่อแคว้นเป่ยลี่ ก็ต้องจงรักภักดีต่อฝ่าบาทอยู่แล้ว ท่านจะผลัดหน้าที่ความรับผิดชอบมายังตัวของกระหม่อมเพียงเพราะเกรงกลัวซวนอ๋องได้อย่างไรกัน” ซ่างกวนเจิ้นโต้ตอบด้วยความโกรธ

“ทำเป็นพูดดี จงรักภักดีหรือไม่เจ้ารู้ดีที่สุด!” เป่ยหมิงตำหนิ

“เฉิงเซี่ยงท่านเก่งยิ่งนัก กล้าทำให้ทั้งแคว้นเป่ยลี่ต้องเดือดร้อนไปด้วย!” อวี๋จงซูจ้องมองด้วยความโกรธ

เขาถูกลดตำแหน่งจากเฉิงเซี่ยงของแว่นแคว้นมาเป็นจงซูลิ่ง แน่นอนว่าก็ไม่พอใจอยู่แล้ว และเกลียดซ่างกวนเจิ้นยิ่งนัก

“อวี๋จงซูพูดถูก พวกข้าแคว้นเป่ยลี่กับแคว้นต้าเยียนเป็นมิตรกันมานานหลายสิบปี ทั้งสองแคว้นยังเคยเซ็นสัญญาสนธิสัญญาสันนิบาต ตอนนี้กองทหารของซวนอ๋องกำลังปราบปรามชายแดน เรื่องนี้ซ่างกวนเฉิงเซี่ยงอย่าทำให้แคว้นเป่ยลี่ต้องเดือดร้อนไปด้วยเลย”

เหล่าข้าราชการต่างวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่ ล้วนตำหนิซ่างกวนเจิ้น

สีหน้าของซ่างกวนเจิ้นมืดครึ้ม โกรธจนเส้นเลือดบนหน้าผากเต้นเบาๆ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าแคว้นต้าเยียนไม่ได้จ้องมองแคว้นเป่ยลี่อย่างละโมบ จักรพรรดิแห่งต้าเยียนเคยพูดคุยกับข้าเกี่ยวกับเรื่องการออกรบแคว้นเป่ยลี่มาก่อน ตอนนั้นได้ถูกข้าห้ามเอาไว้แล้ว”

“เชอะ ทำเป็นพูดดี ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดเป็นจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แต่มันเป็นความจริงที่ทหารของซวนอ๋องได้มาถึงที่เมืองของพวกขาแล้ว ซ่างกวนเฉิงเซี่ยงจะอธิบายกับเรื่องนี้อย่างไร?” อวี๋จงซูตามถาม

ซ่างกวนเจิ้นจ้องมองเขาอย่างแรง “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ข้าสงสัยว่าเจ้าล่วงเกินซวนอ๋อง ยั่วเย้าให้เขามาโจมตีแคว้นเป่ยลี่”

แม้ว่าในใจของเขาจะแน่ใจได้แล้วว่าซวนอ๋องมาเพื่อจับกุมตัวเอง แต่ต่อเหล่าข้าราชการ แน่นอนว่าเขาก็ไม่สามารถยอมรับได้อยู่แล้ว

“ซ่างกวนเจิ้นเจ้าโต้แย้งอย่างไม่มีเหตุผลชัดๆ โปรดฝ่าบาททรงตัดสินใจให้ชัดเจนโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ”

เหล่าข้าราชการโต้เถียงกันจนเป่ยจิ่วฉิงหงุดหงิดและโมโหยิ่งนัก ไม่รู้ควรทำอย่างไรดี

นอกประตู องครักษ์คนหนึ่งมารายงาน “ฝ่าบาท ซวนอ๋องแห่งแคว้นต้าเยียนส่งคนมาบอกว่า หากฝ่าบาททรงส่งซ่างกวนเจิ้นสองพ่อลูกให้เขา แคว้นเป่ยลี่และแคว้นต้าเยียนจะยังคงรักษาพันธสัญญาต่อไป หากฝ่าบทาทไม่ยอมส่งคนให้เขา ก็รอทำสงครามเลย!”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ซ่างกวนเจิ้นก็ตบหน้าตัวเองในทันที ข้าราชการอื่นๆต่างก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก

ซ่างกวนเจิ้นคุกเข่าลงบนพื้น “ฝ่าบาท ซวนอ๋องนี้ดูเหมือนจะจับพวกข้าสองพ่อลูก แต่แท้จริงแล้วคือกำลังตบหน้าท่านต่างหาก สายสืบของต้าเยียนในแคว้นเป่ยลี่นั้นนับไม่ถ้วน พวกเขาคงรู้แล้วว่าหรูเฟยได้กลายเป็นสนมของท่านแล้ว แต่ก็ยังทำเช่นนี้ นี่เป็นการไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาชัดๆ!”

เป่ยหมิงฉี่หัวเราะเยาะเย้ย “ซ่างกวนเจิ้นเจ้าช่างบิดเบือนข้อเท็จจริงเก่งจริงๆ ดึงเสด็จพ่อของข้าลงไปไปพัวพันด้วยเยี่ยงนี้ เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อของข้าแก่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วหรือ ยอมทำสงครามกับแคว้นต้าเยียนเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าประเมินลูกสาวเจ้าสูงเกินไปหรือเปล่า”

ซ่างกวนเจิ้นถูกว่าจนพูดอะไรไม่ออก โกรธและแค้น “ฝ่าบาท ความจงรักภักดีที่กระหม่อมมีต่อท่าน เมื่อสิบปีก่อนท่านก็ควรรู้ดีแล้ว โปรดฝ่าบาททรงคิดทบทวน”

ประโยคเดียว ทำเอาเป่ยจิ่วฉิงที่เดิมทีก็ลังเลอยู่แล้วนั้นสีหน้าดูจริงจังและเครียดกว่าเดิม “เรื่องนี้สำคัญอย่างยิ่ง ข้าต้องคิดให้รอบคอบ เลิกประชุมเถอะ!”

เหล่าข้าราชการต่างก็ถอถออกไปอย่างรวดเร็ว เป่ยหมิงฉี่หันมองซ่างกวนเจิ้น ในดวงตานั้นมีเล่ห์เหลี่ยม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เดินออกไปตาม

ซ่างกวนเจิ้นถูกเรียกมาเข้าพบที่ห้องทรงพระอักษร

“ซ่างกวนเจิ้นเจ้ากล้ามาก กล้าขู่ข้า!” เป่ยจิ่วฉิงโกรธจัด

“ฝ่าบาท สิ่งที่กระหม่อมขอก็เพียงการรอดชีวิต หากฝ่าบาทไม่สามารถปกป้องพวกข้าพ่อลูกสองคนได้ หากกระหม่อมกับหรูเอ๋อร์เกิดขึ้น คนของข้าที่อยู่ในแคว้นต้าเยียนก็จะนำเรื่องที่ท่านร่วมมือวางแผนคิดร้ายพ่อแม่ของจวินหย่วนโยวกับอีกสองแคว้นนั้นพูดออกมา”

ด้วยนิสัยที่โหดเหี้ยมและเด็ดขาดของจวินหย่วนโยวแล้ว ท่านคิดว่าเขาจะปล่อยแคว้นเป่ยลี่ไปได้หรือ ตอนนี้เขามีหยุนถิงคอยช่วยเหลือ ก็ยิ่งเหมือนเสือติดปีกไปอีก แม้แต่จักรพรรดิแห่งแคว้นต้าเยียนก็ยังเกรงกลัวองครักษ์เงามังกรของเขา กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทเองก็คงไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นสินะ “ซ่างกวนเจิ้นตะคอกอย่างเย็นชา

ไม่มีร่องรอยของผู้ถ่อมตนที่ร้องขอความเมตตาในราชสำนักสักนิดเลย กลับกันกับเยือกเย็นและจริงจัง หยิ่งผยองอย่างยิ่ง

เป่ยจิ่วฉิงทุบลงบนโต๊ะด้วยความไม่พอใจ “ซ่างกวนเจิ้น เจ้าน่ารังเกียจยิ่งนัก ไม่กลัวว่าข้าจะประหารพวกเจ้าสองพ่อลูกทิ้งเดี๋ยวนี้เลยหรือ?”

ฝ่าบาทสามารถลองดูได้ วันที่พวกข้าสองพ่อลูกหายตัวไป ก็คือวันที่ความลับของท่านถูกเปิดเผย ฝ่าบาทคิดเอาเองเถอะ!” ซ่างกวนเจิ้นตะคอกอย่างเย็นชา หันหลังและจากไป

“ให้ตายเถอะ ซ่างกวนเจิ้นเจ้าหยิ่งยโสเกินไปแล้ว!” เป่ยจิ่วฉิงด่าสาปแช่งเขา โกรธแทยตาย แต่ก็สิ้นคิด

ทั้งหมดนี้ได้ยินโดยองครักษ์ลับที่ซ่อนตัวอยู่บนหลังคา และรีบไปบอกให้เป่ยหมิงฉี่

เป่ยหมิงฉี่ได้ยินเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้ว

ผู้ที่วางแผนคิดร้ายพ่อแม่ของจวินหย่วนโยวนั้น เสด็จพ่อก็มีส่วนร่วมด้วย นึกถึงนิสัยของจวินหย่วนโยวและหยุนถิงที่มีแค้นต้องชำระนั้น สีหน้าของเป่ยหมิงฉี่ดูจริงจังขึ้น ดูเหมือนว่าเขาต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว

…………..

แคว้นต้าเยียน จวนซื่อจื่อ

จวินหย่วนโยวอยู่เป็นเพื่อนหยุนถิงตลอด ทั้งสองคนอยู่ในป่าไผ่ในลานหลังทุกวัน

หยุนถิงกำลังศึกษาเกี่ยวกับสมุนไพร จวินหย่วนโยวก็อ่านหนังสืออยู่ข้างๆอาหารถูกยกมาที่ห้อง จวินหย่วนโยวยังให้คนเปลี่ยนเตียงและเครื่องนอนทั้งหมดในห้องทิ้ง

หยุนถิงศึกษาเหนื่อยแล้วก็นอน ตื่นแล้วก็ศึกษาต่อ หิวแล้วก็กิน ชีวิตสบายมาก

จนถึงวันนี้ หลงยีมาที่ลานหลัง “ซื่อจื่อ คนที่อยู่ในแคว้นเป่ยลี่ส่งข่าวมา”

จวินหย่วนโยวรีบออกมาทันที เปิดจดหมายดู เขาโกรธทันที มือที่ถือกระดาษไว้นั้นสั่นโดยไม่ควบคุม สีหน้าซีดขาว เพราะตื่นเต้นเกินไป คนทั้งคนจึงไออย่างรุนแรง

หยุนถิงได้ยินเสียง จึงออกมาทันที “ซื่อจื่อเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ถึงไอขึ้นมา?”

เจ้ารีบจับชีพจรของจวินหย่วนโยว จากนั้นก็เข้าไปในห้องและหยิบยาสงบอารมณ์ให้จวินหย่วนโยวกินลงไป

หลังจากนั้นไม่นาน จวินหย่วนโยวก็สงบลง และยื่นกระดาษจดหมายในมือให้กับหยุนถิง。

หยุนถิงดูแล้ว ก็ตัวแข็งในทันที สิ่งที่เขียนไว้บนจดหมายนี้ก็คือเรื่องที่ซ่างกวนเจิ้นขู่จักรพรรดิแห่งแคว้นเป่ยลี่ หากส่งพวกเขาสองพ่อลูกให้กับแคว้นต้าเยียน ก็จะนำเรื่องที่วางแผนคิดร้ายพ่อแม่ของจวินหย่วนโยวนั้นพูดออกมา

จวินหย่วนโยวสืบมาหลายปี แม้จะคาดเดาออกได้บ้าง แต่ตอนนี้ได้รับการยืนยัน จวินหย่วนโยวจะไม่โกรธ เกลียด โมโหได้อย่างไร

“สั่งให้องครักษ์เงามังกรทั้งหมดออกเดินทางไปยังแคว้นเป่ยลี่เดี๋ยวนี้ ในเมื่อจักรพรรดิของเป่ยลี่ก็มีส่วนร่วมด้วย ข้าจะไม่มีวันให้อภัยเขาอย่างแน่นอน!” จวินหย่วนโยวตะโกนด้วยความโกรธ

ครั้งนี้ หยุนถิงก็ไม่ได้ห้ามเขาไว้

“ซื่อจื่อ ข้าไปเป็นเพื่อนท่าน หลงยีเจ้าให้ทุกคนเตรียมตัวก่อน แล้วเรียกตัวแทนก่อนหน้านี้มา” หยุนถิงกล่าว

“ขอรับ” หลงยีรีบไปทำทันที

หยุนถิงยื่นมือไปจับมือของจวินหย่วนโยว รู้สึกถึงอุณหภูมิที่เย็นของเขา ก็ปวดใจยิ่งนัก “ซื่อจื่อ แค้นการฆ่าพ่อแม่นั้นจะไม่ยอมอยู่ร่วมใต้เหล้าเดียวกับได้ ท่านต้องดูแลรักษาร่างกายให้ดี หากท่านล้มลง ก็ไม่มีใครช่วยพวกเขาแก้แค้นแล้ว”

จวินหย่วนโยวผู้ซึ่งถูกความแค้นทำให้ขัดสติไปนั้น นัยน์ตามืดทึบนั้นก็ค่อยมุ่งมั่นและมองไปที่หยุนถิง “แก้แค้นไม่ได้ ข้าจะไม่ยอมให้ตัวเองเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน โชคดีที่ข้ายังมีเจ้า”

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท