จอมนางข้ามพิภพ บทที่448 ที่รัก มาหาหน่อยสิวันนี้ข้าเป็นไข้…ไข้เจ้าไม่ดาด…ขาดเจ้าไม่ได้อ่ะ
เกาลัดที่หยุนถิงพึ่งกินเข้าปาก ก็สำลักและไออย่างรุนแรง
โม่เหลิ่งเหยียนยื่นมือออกมาและยื่นน้ำให้ “ดื่มนี่สิ”
หยุนถิงรับมา ดื่มไปสองสามอึกจึงค่อยดีขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็จ้องโม่เหลิ่งเหยียนด้วยความโกรธ “ซวนอ๋อง เรื่องล้อเล่นแบบนี้ไม่ตลกสักนิดเลย”
หลงเอ้อที่อยู่ข้างๆ ตื่นเต้นจะตายแล้ว และมองโม่เหลิ่งเหยียนด้วยความไม่ไยดี
ซวนอ๋องผู้นี้ ไม่มีเจตนาดีต่อซื่อจื่อเฟยจริงๆด้วย ตัวเองห้ามให้เขาแย่งซื่อจื่อเฟยไปได้โดยเด็ดขาด มิฉะนั้นรอซื่อจื่อกลับมาเขาก็ไม่สามารถอธิบายได้
ข้าไม่ได้ล้อเล่น คำนี้โม่เหลิ่งเหยียนก็เพียงพูดในใจเท่านั้น เขารู้ว่าหากตัวเองพูดออกมา ต่อไปหยุนถิงคงจะไม่สนตัวเองอีกแล้ว
“ไม่ตลกเลยจริงๆด้วย วันนี้เจ้ามีเรื่องกวนใจอะไรหรือเปล่า?” โม่เหลิ่งเหยียนถาม
ด้วยทักษะของหยุนถิง เป็นไปไม่ได้ที่โดนคนชนก็ยังไม่รู้
“ก็ไม่มีอะไร ไปที่วังมา เฟิ่งจาวหยีให้ข้ารักษานาง จากนั้นฝ่าบาทก็เรียกข้าเข้าพบ” หยุนถิงตอบตามตรง
เฉลียวฉลาดเช่นโม่เหลิ่งเหยียนก็รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ “ฝ่าบาททรงเกรงกลัวอำนาจของตระกูลเฟิ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องวัน สองวันแล้ว สถานการณ์ในราชสำนักและวังหลังไม่แน่ไม่นอน ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากเกินไป แต่เฟิ่งจาวหยีเป็นคนที่คิดแค้น เจ้าต้องระวังไว้”
“ข้ารู้แล้ว”
“ครั้งนี้กลับมาเดิมทีอยากไปหาเจ้าที่จวนซื่อจื่อ แต่ตอนนี้อยู่ที่นี่ก็พอดีเลย ข้าทำตามที่เจ้าพูดแล้ว นำด่านห้าเสือและน่านน้ำทางทะเลของแคว้นเป่ยลี่ขอมาแล้ว ต่อไปเจ้ามีแผนการอะไร?” โม่เหลิ่งเหยียนถาม
“น่านน้ำทางทะเลของแคว้นเป่ยลี่ติดกับชายฝั่งอีกสามแคว้น แน่นอนว่าก็ต้องสร้างการขนส่งทางทะเลของพวกข้าเองขึ้นมา เช่นนี้สามารถประหยัดกำลังคน ทรัพยากรทางการเงิน ทรัพยากรวัสดุ และเวลา มันเป็นข้อได้เปรียบอย่างแท้จริง” หยุนถิงตอบ
“การขนส่งทางทะเล?”
ความคิดนี้ก่อนหน้านี้โม่เหลิ่งเหยียนก็เคยมีมาก่อน แต่คลื่นน้ำใหญ่มาก แถมน่านน้ำทางทะเลก็ใหญ่ หากไม่ระวังก็จะหลงทาง อดีตมีคนจำนวนมากที่พยายามขนส่งหรือผจญภัยในทะเล แต่สุดท้ายต่างก็ตายอยู่ในทะเลกันหมด
“ถูกต้อง ข้าได้ทำแผนการและภาพวาดไว้อย่างละเอียดแล้ว” หยุนถิงกล่าว และรีบนำแผนการและภาพวาดเรือรบที่ตัวเองเขียนไว้ก่อนหน้านี้ออกมาจากมิติทันที
โม่เหลิ่งเหยียนรับมาแล้วดู ดวงตาของเขาเบิกกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นเรือรบ ความกระตือรือร้นและความดีใจในดวงตาของเขานั้นเห็นได้อย่างชัดเจน
เพราะตื่นเต้นมากเกินไป โม่เหลิ่งเหยียนจับมือของหยุนถิง “หยุนถิงเจ้ามีความสามารถมากยิ่งนัก หากสามารถสร้างเรือรบนี้ออกมาได้จริง มันจะเหมือนเสือติดปีกสำหรับการทำสงครามทางเรือมาเลย เกรงว่าคงสามารถกวาดล้างสามแคว้นได้”
หลงเอ้อที่ข้างๆทำหน้าจริงจัง “ซวนอ๋อง ท่านเลยเถิดไปแล้ว”
โม่เหลิ่งเหยียนจึงค่อยตระหนักถึงความไม่เหมาะของตัวเองได้ และปล่อยมือที่จับมือของหยุนถิงไว้ “เมื่อครู่ข้าตื่นเต้นมากเกินไป ข้าขอโทษ เจ้าอย่าถือสาไปเลย”
“ไม่เป็นไร!” สำหรับหยุนถิงที่มีความคิดในปัจจุบันนั้น ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากอยู่แล้ว
ทั้งสองหารือเกี่ยวกับแผนการและการสร้างเรือรบอย่างละเอียด เมื่อพวกเขาหารือกันเสร็จฟ้าก็มืดลงแล้ว
ในตอนแรกหลงเอ้อยังมีเจตนาอันเป็นศัตรูกับซวนอ๋องเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างซื่อจื่อเฟยกับซวนอ๋อง หลงเอ้อก็รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก และอดไม่ได้ที่จะนับถือและตื่นเต้น แต่ฟังไปฟังมาก็ฟังจนเพลิน จนลืมเวลาเลย
“หยุนถิงหาเจ้าเป็นผู้ชาย คงต้องประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากแน่นอน เกรงว่าทั้งสี่แคว้นก็ไม่มีใครเทียบได้!” โม่เหลิ่งเหยียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชม
“ข้าเป็นผู้หญิงความสำเร็จก็น้อยหรือ?” หยุนถิงจงใจถาม
“ฮ่าฮ่า ไม่น้อยเลย เจ้าเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็น ข้านับถือยิ่งนัก!”
“เป็นเกียรติของข้ายิ่งนัก ที่ทำให้ซวนอ๋องนันบถือได้ถึงเยี่ยงนี้”
“หากไม่รังเกียจ ทานอาหารด้วยกันเถอะ ถือเป็นของขวัญขอบคุณเจ้า” โม่เหลิ่งเหยียนเสนอแนะ
“งั้นของขวัญขอบคุณนี้ก็ธรรมดาเกินไปแล้ว” หยุนถิงพูดติดตลก
“ธรรมดาจริง เจ้าอยากได้ของขวัญขอบคุณอะไร บอกมาได้เลย ขอเพียงข้าสามารถทำได้”
เพียงการขนส่งทางทะเลอันหนึ่งหากทำขึ้นมาจริง สำหรับต้าเยียนแล้วเป็นผลกำไรมหาศาลยิ่งนัก และเรือรบอีก หากใช้งานทางทะเลจริงๆ ในอนาคตอีกสามแคว้นคงเทียบไม่ได้อย่างแน่นอน อาหารมื้อหนึ่งธรรมดาเกินไปแล้วจริงๆ
หยุนถิงคิดอย่างจริงจัง “คิดไม่ออก รอข้าคิดออกแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
“อืม”
ทั้งสองออกจากโรงน้ำชา และตรงไปยังร้านสุราที่อยู่ตรงข้าม โม่เหลิ่งเหยียนสั่งอาหารแนะนำมาเต็มโต๊ะ หยุนถิงก็กินอย่างเอร็ดอร่อย
แต่รั่วจิ่งที่รออยู่นอกประตูก็เข้ามาพร้อมจดหมายสามฉบับ “ซื่อจื่อเฟย จดหมายของท่าน”
โม่เหลิ่งเหยียนชำเลืองมองไปที่จดหมายแท่งไม้ไผ่ ดวงตามืดลง โดยไม่ได้พูดอะไร และช่วยหยุนถิงคีบอาหารต่อ
“ให้ข้าเถอะ” หยุนถิงรับมา เปิดดู ข้าวในปากก็เกือบพุ่งออกมา
“ห้ามกินข้าวกับซวนอ๋อง!” ลายมือเป็นของจวินหย่วนโยวจริงด้วย
“แค่ก…แค่ก จวินหย่วนโยวมีตาทิพย์หรือ!” หยุนถิงบ่นตามสัญชาตญาณ หลังจากพูดจบนางก็หันไปมองซวนอ๋องที่อยู่ตรงข้ามโดยไม่รู้ตัว
นางลืมไปได้อย่างไรว่า ร่องรอยการเดินทางของซื่อจื่อจะให้ใครรู้ไม่ได้
“จวินหย่วนโยวออกจากแคว้นต้าเยียนเมื่อสองสามวันก่อน ไปที่หอเทพเซียน เจ้าไม่บอกข้าก็รู้” โม่เหลิ่งเหยียนตะคอกอย่างเย่อหยิ่ง
มุมปากของหยุนถิงกระตุก “เรื่องอะไรก็ไม่สามารถปิดบังซวนอ๋องได้จริงๆเลย”
นางอ่านฉบับต่อไป “ถิงเอ๋อร์ที่รัก มาหาหน่อยสิวันนี้ข้าเป็นไข้…ไข้เจ้าไม่ดาด…ขาดเจ้าไม่ได้อ่ะ”
“ถิงเอ๋อร์ที่รัก วันนี้ข้าทำคนหาย คนอะไรหาย คนในใจของข้า คิดถึงเจ้า”
“ถิงเอ๋อร์ที่รัก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แห่งหนใด ข้าก็คิดถึงเจ้าอยู่เสมอ”
หยุนถิงหมดคำพูดในทันที หมอนี่เลียนแบบได้เก่งขนาดนี้เมื่อไหร่กัน แต่คำพวกนี้ก็น่าฟังดีแฮะ
โม่เหลิ่งเหยียนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เห็นหยุนถิงยิ้มโง่ๆกับตัวหนังสือเหล่านั้น ก็เหลือบไปข้างๆด้วยสีหน้าที่ขยะแขยง “ปัญญาอ่อน!”
หยุนถิงยิ้มอย่างเขินอาย “ปัญญาอ่อนไปหน่อยจริง แต่นี่เป็นความรักที่ซื่อจื่อของข้ามีต่อข้า”
ประโยคเดียว ทำให้โม่เหลิ่งเหยียนไม่สามารถหักล้างได้ ถ้ารู้ว่าหยุนถิงชอบคนที่โง่ๆแบบนี้ เขาก็ควรแสดงทำตัวโง่ๆต่อหน้านางหน่อย
หลงเอ้อยกนิ้วให้ซื่อจื่อในใจ สมกับเป็นซื่อจื่อจริงๆเลย จดหมายไม่กี่ฉบับก็ทำให้ซื่อจื่อเฟยมีความสุขมากขนาดนี้ สุดยอด
ทั้งสองกินข้าวเสร็จแล้วจึงค่อยกลับไป
ซูซินโหรวที่อยู่ร้านสุราตรงข้ามในไม่ไกลนั้นเห็นพวกเขาออกมา ระหว่างคิ้วก็ฉายความได้ใจและโหดเหี้ยม และให้คนไปกระจายข่าวทันที
เพียงคืนหนึ่ง ข่าวที่หยุนถิงแอบไปนัดพบซวนอ๋อง ทั้งสองอยู่ในโรงน้ำชาเป็นเวลาหนึ่งวัน และไปอยู่ที่ร้านสุราเป็นเวลาคืนหนึ่งนั้นก็ถูกแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงของแคว้นต้าเยียนทันที
ประชาชนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่ ต่างก็สงสัยว่าข่าวนี้จริงหรือไม่ และพูดคุยกันในตอนว่างๆ
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ซูซินโหรวก็ไปตลาดแต่เช้าเลย นางแทบรอไม่ไหวที่จะได้ยินประชาชนตำหนิ ด่าว่า เกลียดและรังเกียจหยุนถิง แต่ก็ได้ยินประชาชนพูดว่า
“หยุดพูดได้แล้ว นี่คือมีคนอิจฉาความงามและความสามารถของคุณหนูหยุน และจงใจใส่ร้ายคุณหนูหยุนชัดๆ ใครเชื่อก็คือท่อนไม้ซักผ้า” ป้าวัยกลางคนหนึ่งกล่าว
“นั่นนะสิ จวินซื่อจื่อโปรดปรานเอาใจใส่คุณหนูหยุนเพียงผู้เดียว ทั้งสี่แคว้นต่างก็รู้ดี พวกข้าก็เห็นกับตา คุณหนูหยุนเองก็รักเดียวใจเดียวจวินซื่อจื่อเช่นกัน”
“คุณหนูหยุนและซวนอ๋องต่างก็เป็นเพื่อนที่ผ่านอะไรมากมายมาด้วยกัน พวกเขาก็เป็นแค่เพื่อนดีกัน ทั้งคู่ต่างก็มีความสามารถมากเช่นนั้น เป็นคนที่เข้าใจซึ่งกันและกัน ”
“ไม่รู้ว่าใครกับที่กล้าว่าคุณหนูหยุนไปมั่วเยี่ยงนี้ คงเป็นเพราะความสามารถไม่เท่าคนอื่นจึงอิจฉาและคิดแค้นคนอื่นสินะ”
ซูซินโหรวได้ยินการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน โกรธจนหน้ามืดครึ้มเลย “พวกเจ้าล้วนถูกหยุนถิงหลอกลวงกันหมดแล้ว นางเป็นผู้หญิงสารเลวที่สำส่อน ไม่เอาไหน และยั่วยวนผู้ชายไปทั่ว!”
คำเดียว ทำเอาทุกคนตกตะลึงไปหมด ผู้คนทั้งตลาดต่างก็หันมามองกันหมด