จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 462 อย่าไป ช่วยข้าก่อน
ถึงแม้ว่าช่วงนี้ เพราะมีหยุนถิงคอยดูแล บ้านหลักของพวกนางได้ผลประโยชน์มาไม่น้อย แต่ในใจหยุนหลิงยังคงไม่สามารถยอมรับได้ ที่หยุนถิงอยู่เหนือตนเองตลอด ถูกนางกดขี่ไปทั้งชีวิต โงหัวไม่ขึ้น
คนอื่นรู้จักแต่หยุนถิงคุณหนูใหญ่ตระกูลหยุน ต่อให้นางแต่งงานไปแล้ว แต่คนอื่นก็ยังชื่นชมนางไม่หยุด เคารพนับถืออย่างมาก ไม่มีใครรู้จักนางที่เป็นคุณหนูรอง ดังนั้นหยุนหลิงไม่พอใจ
ตอนนี้หากฮ่องเต้รู้ว่าพี่ใหญ่หลอกลวงกษัตริย์ จะต้องไม่ปล่อยนางไปแน่
ในใจหยุนหลิงรู้สึกซะใจ ต่อหน้าทำเป็นพูดขึ้นมาอย่างห่วงใยว่า “ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่เป็นไร ข้าก็วางใจ งั้นข้ากลับไปบอกท่านแม่ก่อน ท่านกำลังขอพรให้กับพี่ใหญ่ตลอด หากท่านรู้ว่าพี่ใหญ่ไม่เป็นไร จะต้องดีใจแน่”
“ได้ ตามสบาย” หยุนถิงพูดขึ้น
“พี่ใหญ่ มีเวลาว่างข้าค่อยมาหาอีกนะ” หยุนหลิงรีบจากไปทันที
“พี่ใหญ่ ที่ผ่านมาเจ้าพูดถึงเรื่องร้านขายอาวุธ ข้าได้ให้อาจารย์ผลิตอาวุธมาจำนวนหนึ่ง ร้านค้าก็หาได้แล้ว เจ้าดูสิว่าจะเปิดร้านเมื่อไหร่ดี?” หยุนหลีถามขึ้นมา
“พี่ใหญ่ ร้านปิ้งย่างของข้าก็เตรียมพร้อมแล้ว คนงานก็รับมาแล้ว” หยุนซูพูดขึ้น
หยุนเฉิงเซี่ยงฟังแล้ว ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าบูดบึ้งว่า “พวกเจ้า แอบปิดบังข้าไปหารายได้ เหมาะสมไหม? ข้าก็จะร่วมหุ้นด้วย”
“ฮ่าๆ ดี” หยุนถิงรีบพูดรายละเอียดให้ทุกคนฟัง
ทางนี้ หยุนหลิงออกมาจากจวนซื่อจื่อพร้อมเดินกลับไปทางเดิม นางเดินผ่านถนนตรอกซอยหลายซอย เข้าไปในร้านเสื้อผ้าผู้หญิงร้านหนึ่ง จากนั้นก็ซื้อชุดผู้ชายชุดหนึ่งมาเปลี่ยน แล้วเดินออกไปทางหลังร้าน
ที่ผ่านมาถูกหยุนถิงสั่งสอนไปหลายครั้ง หยุนหลิงจดจำไว้แล้ว รู้จักแต่งตัวอำพรางตนเอง
ถึงแม้จะไม่เห็นองครักษ์เงามังกร แต่หยุนหลิงรู้ว่าในเมืองหลวงแคว้นต้าเยียน ล้วนเต็มไปด้วยคนของจวนซื่อจื่อ องครักษ์ลับกับองครักษ์เงามังกรยิ่งมีอยู่เต็มไปทั่ว ดังนั้นนางต้องระมัดระวัง
หยุนหลิงตรงไปยังในพระราชวัง แต่นางไม่มีพระราชโองการ ดังนั้นจึงไม่สามารถเข้าไปในวัง
“พี่สาวข้าคือหยุนถิง ข้ารู้ความลับของพี่สาว ฮ่องเต้ต้องอยากรู้แน่ รบกวนเจ้าช่วยไปแจ้งให้ที หากฮ่องเต้ไม่อยากพบข้า ข้าก็จะไปทันที”
องครักษ์ที่เฝ้าประตูได้ยินชื่อหยุนถิง ก็รีบเข้าไปรายงาน
ไม่นาน องครักษ์ก็กลับออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ให้เจ้าไปเข้าเฝ้า” พร้อมทั้งพานางไปด้วยตนเอง
“ขอบใจ” หยุนหลิงดีใจอย่างมาก พร้อมรีบเข้าไปโดยเร็ว
ทางนี้ ซวนอ๋องกับองค์ชายสี่ กำลังเข้าเฝ้าเสร็จออกมาพอดี เห็นองครักษ์คนหนึ่งพาหยุนหลิงเดินเข้าไป
“นั่นไม่ใช่น้องรองของหยุนหลิงหรือ นางเข้ามาในวังทำไม?” องค์ชายสี่โม่ฉือชิงเม้นมุมปากเล็กน้อย
สายตาโม่เหลิ่งเหยียนมืดมน เย็นชาเหมือนน้ำแข็ง เหลือบมองดู พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าสนิทกับนางหรือ?”
“ข้าจะไปสนิทกับนางได้อย่างไร ข้าคบเพื่อนก็เลือกเหมือนกัน นางไม่คู่ควร ปกติหยุนหลิงกับหยุนถิงไม่ถูกกัน อยู่ดีๆก็ค่อยสร้างแต่เรื่อง สุดท้ายยังไม่สำเร็จก็ถูกหยุนถิงฆ่าแล้ว ตอนนี้นางแต่งตัวด้วยชุดผู้ชายเข้ามาในวัง น่าแปลกประหลาด จะต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่” โม่ฉือชิงพูดบ่น
คนพูดไม่คิดอะไร คนฟังกลับครุ่นคิด
หากโม่ฉือชิงไม่พูดเช่นนี้ โม่เหลิ่งเหยียนก็ไม่ใส่ใจหยุนหลิง ถึงแม้ปกติโม่ฉือชิงจะพูดไม่คิด บางทีครั้งนี้เขาอาจพูดถูก
“ข้าเพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่ายังมีเรื่องไม่ได้รายงานฮ่องเต้ เจ้ากลับไปก่อนนะ”
“เรื่องอะไร?” โม่ฉือชิงถามขึ้นมา
“เรื่องส่วนตัว” โม่เหลิ่งเหยียนยกเท้าเดินจากไป ตรงไปทางด้านหยุนหลิง
ทางนี้ ตอนที่หยุนหลิงเดินผ่านสระน้ำของอุทยาน เห็นข้างในสระมีปลาคาร์ฟ ก็ชื่นชอบอย่างมาก
แต่นางยังไม่ทันได้ดีใจ จู่ๆก็เจ็บหัวเข่า แล้วก็ตกลงไปในสระ
“อ้าก ช่วยด้วย รีบช่วยข้าด้วย” ได้ยินเสียงหยุนหลิงร้องเรียกขึ้นมา แล้วนางก็ตกลงไปในน้ำแล้ว
องครักษ์ด้านข้างอยากช่วย ก็ไม่ทันแล้ว
ตอนนี้เพิ่งเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง หยุนหลิงสวมชุดเบาบาง เมื่อตกน้ำเสื้อผ้าก็แนบติดตัว เผยให้เห็นถึงหน้าอกอวบอิ่มของนาง
หยุนหลิงตีน้ำร้องขอความช่วยเหลือ ตะโกนอย่างเสียงดัง แต่องครักษ์ก็ไม่กล้าไปช่วย ยังไงหยุนหลิงก็เป็นหญิงสาวยังไม่แต่งงาน องครักษ์ตะลึงตกใจรีบหันหน้าไป
“คุณหนูหลิง ท่านรอก่อน ข้าไปตามนางกำนัลมาช่วยท่าน”
“อย่าไป ช่วยข้า ขอร้องเจ้า ช่วยข้าก่อน” หยุนหลิงตะโกนพูด
“ชายหญิงแตะเนื้อต้องตัวกัน เป็นการไม่เหมาะสม คุณหนูหลิง ท่านรอก่อน” องครักษ์รีบวิ่งไปตามคน
โม่เหลิ่งเหยียนที่แอบซ่อนตัวอยู่ มุมปากกระตุกยิ้มอย่างร้ายกาจ เมื่อกี้เขาเป็นคนลงมือใช่หินก้อนเล็ก โยนกระแทกเข่าหยุนหลิง เวลานี้เห็นนางตกน้ำร้องขอความช่วยเหลือ โม่เหลิ่งเหยียนมองอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเย็นชา
ไม่ไกลออกไป องครักษ์พานางกำนัลคนหนึ่งมา โม่เหลิ่งเหยียนเหลือบมองดูนางกำนัลคนนั้น มุมปากกระตุกเล็กน้อย แล้วหันเดินจากไป
“รีบลงไปช่วยคน” องครักษ์ตะโกนพูด
“เพคะ” นางกำนัลรีบกระโดดลงไป
หยุนหลิงที่อยู่ในน้ำ กลืนน้ำลงคอไปหลายคำแล้ว ร่างกายหมดเรี่ยวแรง สติเริ่มเลือนลาง เห็นมีคนมาค่อยโล่งอก ในที่สุดก็มีคนมาช่วยนางแล้ว
“คุณหนูหลิง ท่านอดทนไว้ ข้าจะรีบช่วยท่านออกไป” ถึงปากนางกำนัลจะพูดเช่นนี้ แต่มือเท้าที่อยู่ในน้ำกลับตั้งใจลากดึงหยุนหลิงจมน้ำสำลักไปหลายที ค่อยพานางขึ้นฝั่ง
เมื่อขึ้นมาแล้ว หยุนหลิงก็หมดสติไป
องครักษ์ตกใจอย่างมาก รีบไปกราบทูลฮ่องเต้ นางกำนัลที่เฝ้าอยู่ด้านข้างหยุนหลิง หันมองดูรอบๆไม่มีใคร เอาเข็มออกมาจากในแขนเสื้อ พร้อมแทงไปที่ท้ายทอยของหยุนหลิง
หยุนหลิงตกน้ำหมดสติอย่างกะทันหัน สะเทือนไปถึงฮ่องเต้ รีบส่งหมอหลวงมาตรวจดู หมอหลวงพูดเพียงว่าหยุนหลิงสำลักน้ำจนหมดสติไป พักผ่อนสักพักก็ไม่เป็นไรแล้ว
ฮ่องเต้ให้พาหยุนหลิงไปพักที่ตำหนักหรงเยว่ ปกติฉินเฟยไม่ต่อสู้ไม่แย่งชิง เงียบสงบสุขุม และเรื่องเกี่ยวข้องกับหยุนถิง จึงเป็นคนที่เหมาะสมในการดูแลหยุนหลิง
แต่เมื่อรอ รอจนค่ำหยุนหลิงก็ไม่ฟื้นขึ้นมา วันที่สองก็ยังไม่ฟื้น คราวนี้ฮ่องเต้ร้อนใจแล้ว
“ฮ่องเต้ คุณหนูหลิงพลัดตกน้ำเป็นเหตุสุดวิสัย นางเต็มใจเข้ามาในวังเอง เราให้คนส่งคุณหนูหลิงกลับไปเถอะ”
ฮ่องเต้เหลือบมองดูหยุนหลิงที่ยังหมดสติอยู่ และก็ทำได้เพียงเท่านี้ จึงพูดขึ้นว่า “ทหาร จัดนางกำนัลสองคนพาตัวหยุนหลิงกลับไป”
“ขอรับ”
หยุนหลิงถูกส่งกลับไป ฮ่องเต้ก็จากไปแล้ว สายตาฉินเฟยฉายแววเย็นชา
“เหนียงเหนียง ฮ่องเต้ส่งคนมา หากท่านดูแลนางจนฟื้น ฮ่องเต้จะต้องจดจำความดีของท่านแน่ แต่ทำไมท่านจะต้องให้คนพาคุณหนูหลิงกลับไป?” นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
ฉินเฟยหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ปกติคุณหนูหลิงไม่ถูกกับหยุนถิง นางเพิ่งเข้าวังมาก็พลัดตกน้ำ หมดสติไปหนึ่งวันก็ไม่ฟื้น เป็นเรื่องบังเอิญเกินไปไหม ข้าไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหลิ่วเฟยกับหรูเฟยล้วนเป็นคนของหยุนถิง หากเพียงเพราะลูกเมียน้อยคนหนึ่งแล้วข้าไปมีเรื่องกับหลิ่วเฟยกับหรูเฟย ไม่เป็นการเสียมากกว่าได้หรือ”
“แต่ก่อนหน้านี้ไม่นาน ฮูหยินหานกั๋วขอให้ท่านสั่งสอนหยุนถิง ท่านจะปล่อยไปแบบนี้หรือ?”
“ฮูหยินหานกั๋วไร้สมองชัดๆ นางกระทำตัวเองจนตรอก ทำไมข้าจะต้องไปร่วมซวยกับนาง หยุนถิงไม่ใช่คนธรรมดา เบื้องหลังนางยังมีจวนตระกูลหยุนกับจวินหย่วนโยว ข้าถือโอกาสนี้ช่วยนางสักครั้งก็ไม่เสียหาย” ฉินเฟยพูดขึ้นมา