จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 507 จวินหย่วนโยวปีนต้นไม้ช่วยหยุนถิงเก็บทับทิม
ตาเฒ่าเหอปิดประตูห้องลง มองดูตัวยาที่วางอยู่บนตู้เหล่านั้น เขาหยิบทั้งหมดที่ต้องการลงมา แต่กลับไปโดนกำแพงด้านหลังตู้บางตู้โดยไม่ตั้งใจ
ในนั้นเหมือนมีรอยร้าว ตาเฒ่าเหอเดินเข้าไปแตะกำแพงสี่ด้าน และเปิดช่องลับออกมาได้จริงๆ
ในนั้นเป็นกล่องสีดำ มีฝุ่นหนาเป็นชั้นๆอยู่ด้านบน ดูแล้วมีอายุ แถมไม้ของกล่องนี้ยังธรรมดามาก
องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วเลื่องชื่อในด้านหรูหรา สิ้นเปลือง ตัวยาราคาแพงเหล่านี้แค่ต้นเดียวก็มีค่าหมื่นตำลึง เหตุใดเก็บกล่องธรรมดาเยี่ยงนี้ไว้
ตาเฒ่าเหอเปิดกล่องออกดู พอเห็นของด้านใน เขาตะลึงไปเลย
มันคืออะโคไนท์ที่เป็นสีเลือดทั้งอัน เพราะว่ามีอายุแล้ว สีเลยกลายเป็นสีเลือดหมู
มือที่ถือกล่องของเขาสั่นเทา ดูทั้งตื่นเต้น ทั้งเดือดดาล ทั้งเคียดแค้น และยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
ไม่มีใครรู้จักอะโคไนท์ดียิ่งไปกว่าเขาอีกแล้ว เพราะนี่เป็นยาตัวสำคัญที่แม่ของจวินหย่วนโยวโดนพิษในตอนนั้น ยาพิษที่ใช้อะโคไนท์ทำขึ้นมาโดยผสมกับยาพิษตัวอื่นนั้นไร้สีไร้กลิ่น แต่เป็นพิษร้ายแรงยิ่ง
ถึงจะเป็นพิษร้าย หากก็สามารถช่วยคนได้ อย่างที่เรียกว่า ใช้พิษต้านพิษ
ตอนนั้นพ่อของจวินหย่วนโยวมีบุญคุณกับตาเฒ่าเหอ ไหว้วานให้ตนช่วยฮูหยินเขา ดังนั้นตาเฒ่าเหอหาไปทั่วสี่แคว้น ตาเฒ่าเหอท่านลั่วกระทั่งไม่แยแสที่จะไปตามหาตามหน้าผาสูง แต่ก็หาไม่พบ
สุดท้าย แม่ของจวินหย่วนโยวพิษกำเริบหลังให้กำเนิดจวินหย่วนโยว และมองดูสามีตนถูกฆ่ากับตาตนเอง โศกเศร้าเสียใจมาก สุดท้ายตายอนาถ
นี่เป็นความเสียใจอย่างสุดซึ้งของตาเฒ่าเหอในชาตินี้ ดังนั้นเขาเลยไม่เคยยอมแพ้ ไม่คิดว่าผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้ กลับมาหาเจอที่จวนองค์หญิงใหญ่นี่
ไม่คิดว่า คนที่วางยาพิษฮูหยินจวินในตอนนั้นจะเป็นองค์หญิงใหญ่นี่เอง นั่นน่ะน้องสาวของนางแท้ๆนะ นางทำมันได้ลงคอได้อย่างไร
อะโคไนท์หายากยิ่งนัก กล่องนี้ดูมีอายุสิบกว่าปีแล้ว ดังนั้นตาเฒ่าเหอแน่ใจมากว่า มิใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ
พอคิดว่าองค์หญิงใหญ่ให้ตนปรุงยาเจ็ดวิญญาณ ตาเฒ่าเหอคิดถึงจวินหย่วนโยวเป็นคนแรกทันที
ให้ร้ายน้องสาวแท้ๆจนตายไปแล้ว ยังคิดให้ร้ายลูกของน้องสาวอีก สตรีผู้นี้จิตใจโหดเหี้ยมจริงๆ
ตอนอยู่ภูเขาด้านหลังหอเทพเซียน ตาเฒ่าเหอช่วยจับชีพจรให้จวินหย่วนโยว เลยรู้อาการเขาดี หากกินยาเจ็ดวิญญาณเข้าไป ต้องตายอย่างมิต้องสงสัยเลย
ตาเฒ่าเหอรีบปิดกล่องในมือให้ดี และวางกลับไปที่เดิมก่อนเดินไปที่หน้าประตู “ข้าต้องการให้เซวียนเอ๋อร์มาช่วย ตอนนี้ข้าแก่แล้วทำเองไม่ไหว กลัวว่าจะทำให้งานขององค์หญิงใหญ่ล่าช้า!”
พอทหารหน้าประตูได้ยินอย่างนั้น รีบไปรายงานองค์หญิงใหญ่ทันที
ไม่นาน ทหารก็พาเริ่นเซวียนเอ๋อร์มา
“อาจารย์ ต้องการข้ามาทำอะไร?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ถาม
ตาเฒ่าเหอเหล่ด้านนอกประตู กดเสียงต่ำบอกว่า “เจ้ามีหนทางติดต่อจวินหย่วนโยวหรือไม่? ข้าสงสัยว่าองค์หญิงใหญ่จะปรุงยาเจ็ดวิญญาณเพื่อต่อกรกับจวินหย่วนโยว หากเจ้ามีหนทางก็บอกเขา ให้เขาระวังตัวให้มาก”
“ข้าไม่มีหนทางติดต่อจวินหย่วนโยว แต่ข้าสามารถติดต่อหยุนถิงได้ หยุนถิงเป็นซื่อจื่อเฟยของจวินหย่วนโยว นิสัยเย่อหยิ่งจองหองกว่าข้ามากนัก หากฝีมือการแพทย์ของนางดียิ่ง ข้ายังทาบไม่ติดเลย” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ตอบ
ตาเฒ่าเหอเลิกคิ้ว “ฝีมือการแพทย์นางเก่งกว่าเจ้าอีกรึ หากมีโอกาสข้าต้องขอดูฝีมือนางสักหน่อยแล้ว”
“อาจารย์ ข้าไปติดต่อเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์พุ่งไปที่หน้าต่างทันที
ตาเฒ่าเหอกำลังจะถามว่านางจะติดต่ออย่างไร ก็เห็นเริ่นเซวียนเอ๋อร์พุ่งไปที่หน้าต่าง เด้ดใบไม้ใบหนึ่งมาเป่า
ตาเฒ่าเหอไม่เข้าใจ ใบไม้ใบเดียวจะติดต่อได้อย่างไร อีกทั้งอีกฝ่ายยังอยู่ไกลถึงแคว้นต้าเยียนด้วย นังหนูนี่โง่หรือเปล่า
ไม่นาน ในเรือนที่กว้างใหญ่เริ่มมีเสียงซ่าๆดังมา งูหลากสีมากมายเลื้อยเจ้ามายังห้องที่เริ่นเซวียนเอ๋อร์อยู่จากทุกสารทิศ
พอทหารยามหน้าประตูเห็น พากันตกใจขวัญหนีดีฝ่อ รีบสะบัดกระบี่ขับไล่ฝูงงูทันที
มีงูหลายตัวอาศัยจังหวะตอนพวกเขาไม่ทันระวัง ปีนเข้าทางหน้าต่าง
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ไม่เพียงไม่กลัว ยังกระซิบเสียงเบาอะไรบางอย่างกับงูพวกนั้น ไม่นานงูพวกนั้นก็คลานออกไปจนหมด
ตาเฒ่าเหอตะลึง “นังหนู เจ้าควบคุมฝูงงูได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“หยุนถิงสอนข้าน่ะ ครั้งหนึ่งนางโดนคนเล่นงาน ข้าช่วยนางไว้ นางเลยสอนสิ่งนี้ให้กับข้าเป็นการขอบคุณ หากพบอันตรายก็สามารถคุ้มครองตนเองได้!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์อธิบาย
“หยุนถิงผู้นี้เก่งกาจจริงๆ!”
“นางมิได้เก่งกาจเพียงแค่นี้นะ นางยังสามารถควบคุมอินทรีทองได้ และยังเป็นอัจฉริยะในการทำมาค้าขาย รู้เรื่องกลศึก และยังทำอาวุธได้— สรุปแล้ว คนที่ข้าเลื่อมใสในโลกนี้ก็คือนางนี่แหละ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์เล่าเรื่องราวความสำเร็จของหยุนถิง
ทำเอาตาเฒ่าเหอตะลึงอึ้งทึ่ง สตรีผู้หนึ่งมีฝีมือเช่นนี้ได้ ช่างเหลือเชื่อจริงๆ
นอกเรือน เหล่าทหารยามยังพยายามขับไล่ฝูงงูอยู่ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นขนาดนี้ องค์หญิงใหญ่เองก็รู้เรื่องแล้วเช่นกัน นางรีบพากองทัพหลวงมาทันที
เพียงแต่ในตอนที่พวกเขามาถึง ฝูงงูได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว เหลือเพียงไม่กี่คนที่ทำหน้าที่เฝ้ายามโดนงูพิษกัดเข้า นอนร้องครวญครางอยู่ที่พื้น
องค์หญิงใหญ่สีหน้าเคร่งขรึม “จวนผิงหนานอ๋องมิเคยปรากฏฝูงงูมาก่อน ไปสืบเดี๋ยวนี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
“ขอรับ!”
องค์หญิงใหญ่เหล่มองห้องปรุงยา ตาเฒ่าเหอและเริ่นเซวียนเอ๋อร์พึ่งมา ก็มีฝูงงูมาที่จวนผิงหนานอ๋อง เรื่องนี้ไม่มีทางบังเอิญแน่
หากบุกเข้าไปตอนนี้ พวกมันก็คงไม่ยอมรับแน่ รออีกสามวันพวกมันปรุงยาเสร็จแล้ว ค่อยจัดการพวกมันก็ได้
ฝูงงูเหล่านั้นหลังจากออกจากจวนผิงหนานอ๋องแล้ว ก็คืบคลานไปที่ฐานลับในเมืองหลวงแห่งแคว้นเทียนจิ่วของกองทัพขนหงส์อย่างรวดเร็วที่สุด
คนมากมายของฐานลับรู้ภาษางู ก็เพื่อสะดวกในการส่งข่าว ขอถามหน่อยว่า ผู้ใดจะคิดได้ว่า ฝูงงูจะสามารถส่งข่าวได้
พอได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่ทำยาเจ็ดวิญญาณเพื่อต่อกรกับจวินซื่อจื่อ กองทัพขนหงส์ที่ได้ยินข่าวนี้รีบส่งข่าวกลับแคว้นต้าเยียนด้วยความเร็วสูงสุดทันที
…..
ต้าเยียน จวนซื่อจื่อ
ใช้เวลาไปสามวัน ในที่สุดหยุนถิงก็วาดภาพร่างของเครื่องเก็บเกี่ยวออกมาได้ และถวายให้ฮ่องเต้ด้วยตัวเอง
ฮ่องเต้ดีใจยิ่งนัก พระราชทานทรัพย์สมบัติมากมายแก่หยุนถิง
หยุนถิงดีใจมาก ขอบพระทัยฮ่องเต้เสร็จ ก็ตามจวินหย่วนโยวออกจากวัง
ตอนผ่านอุทยานหลวง หยุนถิงเห็นต้นทับทิมต้นหนึ่งโดยบังเอิญ มีทับทิมเต็มต้น ดูแล้วน่ากินนัก
หยุนถิงเกิดความอยากขึ้นมาทันที “ซื่อจื่อ ข้าอยากกินทับทิม!”
จวินหย่วนโยวมองตามสายตานางไป “ทับทิมดี มีลูกมีหลานมากมาย เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่นะ!”
“อืม!”
จวินหย่วนโยวเดินไปทางต้นทับทิมใหญ่ต้นนั้น ไม่ได้เด็ดด้านล่าง แต่กลับปีนขึ้นด้านบน เด็ดผลบนนั้น เพราะทับทิมด้านบนจะยิ่งหวานกว่า
อันที่จริงเขาให้หลิงเฟิงทำแทนก็ได้ แต่เขาอยากทำอะไรเพื่อหยุนถิงบ้าง
หยุนถิงเองก็เดินไปทางต้นทับทิม ยืนอยู่ใต้ต้น จวินหย่วนโยวเด็ดเสร็จก็ยื่นให้นางอย่างระมัดระวัง
มองดูทั้งสองคน คนหนึ่งเด็ดอยู่บนต้นอย่างมีความสุข คนหนึ่งรอรับอยู่ใต้ต้นอย่างยินดี หลิงเฟิงกับหลงเอ้อร์หันหลังให้อย่างรู้งาน
ซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยรักใคร่ปรองดองกันเยี่ยงนี้ ช่างหวานชื่นเสียจริง
หยุนถิงสนใจเพียงรอรับทับทิม เลยไม่ได้สังเกตเห็นนางกำนัลที่กำลังตัดแต่งดอกไม้อยู่ข้างๆแปลงดอกไม้พลันแทงกรรไกรในมือมาทางหยุนถิง