จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 563 ใครนอนลงก่อนก็เป็นของคนนั้น
องค์หญิงใหญ่โกรธจนแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมา แม้แต่ฮ่องเต้แห่งแคว้นเทียนจิ่วยังไม่กล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้านาง ตอนนี้นังหนูน้อยคนหนึ่งถึงกลับกล้าตะโกนใส่นางอย่างโอหัง รนหาที่ตาย
“จี้อวี๋ ข้าขอสั่งให้เจ้าสั่งสอนนาง!”
“เจ้าค่ะ!” จี้อวี๋ย่อมรู้จักโม่หลานอยู่แล้ว
นางได้ยินชื่อเสียงของโม่หลานมานานแล้ว รู้ว่านางก็เป็นคนที่ชอบศิลปะการต่อสู้คนหนึ่งเช่นกัน ถือโอกาสนี้ศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันได้พอดี
“รอเดี๋ยวก่อน!” โม่หลานตะโกนออกมา
“ตอนนี้อยากร้องขอความเมตตา สายไปแล้ว!” องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างดูหมิ่น
โม่หลานกลอกตามองบน“น่าขำ ข้าโม่หลานยอมสู้จนตัวตายก็ไม่มีทางร้องขอความเมตตาเด็ดขาด ข้าก็แค่รู้สึกว่านางไม่มีอาวุธ ถึงแม้ข้าจะได้รับชัยชนะก็ไม่ได้มาจากความกล้าหาญ!”
โม่หลานกล่าวพร้อมมองไปทางกองทหารหลวงที่อยู่ด้านข้าง“เอากระบี่ของเจ้าให้นาง!”
“ขอรับ!” กองทหารหลวงนายหนึ่งยื่นกระบี่ของตัวเองให้กับจี้อวี๋ด้วยความเคารพนบนอบทันที
ถึงแม้คำพูดนี้จะโอหัง แต่กลับทำให้จี้อวี๋รู้สึกชื่นชมเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
นาง เปิดเผยตรงไปตรงมาจริงๆ
เส้นเลือดบนหน้าผากขององค์หญิงใหญ่เต้นตุ้บๆขึ้นมา โม่หลานที่สมควรตายนี่ถึงกับยโสโอหังเช่นนี้ ถึงขนาดริเริ่มส่งอาวุธมาให้ด้วยตัวเอง อีกเดี๋ยวมีเวลาให้นางเสียใจภายหลังแน่
โม่หลานเดินเข้ามาดึงดาบที่อยู่บนพื้นขึ้นมา หันหลังฟันไปทางจี้อวี๋
จี้อวี๋รีบหลบออกไปทันที ทั้งสองคนต่อสู้อยู่ด้วยกันในชั่วพริบตา
แสงดาบเงากระบี่พร่างพราย ดุเดือดและเด็ดขาด ทุกกระบวนท่าของทั้งสองคนเหี้ยมโหด ล้วนอันตรายถึงชีวิต
กองทัพหลวงที่อยู่ในลานเบิกตากว้างมองมา โม่หลานคือแม่ทัพหญิงของแคว้นต้าเยียน และจี้อวี๋ก็เป็นแม่ทัพหญิงของแคว้นเทียนจิ่ว แม่ทัพหญิงสองคนต่อสู้กัน สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ
เพียงแต่ว่าเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้ว ทั้งสองคนยังสู้กันอย่างสูสี นี่ทำให้องค์หญิงใหญ่กระวนกระวายใจอย่างมาก
ความสามารถของจี้อวี๋ในแคว้นเทียนจิ่วแม้แต่ผู้ชายก็มีไม่กี่คนที่เป็นคู่ต่อสู้ของนาง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าโม่หลานของแคว้นต้าเยียนจะสู้เก่งเช่นนี้ นี่มันอยู่เหนือความคาดหมายของนาง
เฉินอ๋องโม่ฉือชิงเพิ่งจะถูกสอบปากคำเสร็จ ได้ยินว่าโม่หลานไปหาองค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วแล้ว โม่ฉือชิงเป็นห่วงอย่างมาก รีบร้อนเดินทางมาอย่างเร่งรีบ
แต่แล้วเพิ่งจะมาถึงลาน ก็ได้เห็นภาพฉากนี้ โม่ฉือชิงถึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
นังหนูคนนี้ไปถึงไหนก็ไม่เสียเปรียบจริงๆ ต้องขอบคุณที่นางมีความสามารถนี้ด้วย เห็นนางกับจี้อวี๋สู้กันอย่างพอฟัดพอเหวี่ยง โม่ฉือชิงเกิดความสนใจขึ้นมาทันที
“องค์หญิงใหญ่ถ้าอย่างไรเรามาเดิมพันกันดีไหม เดิมพันว่าโม่หลานกับจี้อวี๋ใครจะเป็นผู้ชนะเป็นเช่นไร ข้าเป็นเจ้ามือ แพ้ถือเป็นของข้า ชนะจ่ายสองเท่า!” จู่ๆโม่ฉือชิงก็เสนอแนะขึ้นมา
ใบหน้าขององค์หญิงใหญ่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดโมโหและรังเกียจ“เฉินอ๋องวางเดิมพันในพระราชวัง เป็นผู้นำฝ่าฝืนกฎเช่นนี้ ไม่กลัวว่าฮ่องเต้จะลงโทษหรือ?”
“เสด็จพี่ยังหมดสติอยู่ ท่านไม่พูดข้าไม่พูดใครจะรู้ ถึงอย่างไรก็มองดูอยู่แล้ว ถือว่าเพิ่มสิริมงคลความโชคดี หรือว่าท่านกลัวว่าแม่ทัพหญิงของท่านจะพ่ายแพ้ ไม่กล้าเดิมพัน?” โม่ฉือชิงถามกลับ
คำพูดประโยคเดียว ทำให้สีหน้าขององค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วเย็นชา ไม่น่าดูมากยิ่งขึ้น ดวงตาคู่สวยกวาดมองมาราวกับห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งเย็นยะเยือก“จี้อวี๋คือแม่ทัพของแคว้นเทียนจิ่วข้า ความสามารถแข็งแกร่งอย่างมาก ข้าเพียงแต่เห็นว่าไม่ควรค่าแก่การเดิมพันเท่านั้น”
“ไม่มีปัญญาเดิมพันก็พูดมาตามตรงเถอะ พูดซะสูงส่งขนาดนั้นทำไมกัน ข้าฟังแล้วยังรู้สึกว่ามันจอมปลอม!” เสียงของโม่ฉือชิงเต็มไปด้วยความยั่วยุ
“น่าชิงชังนัก ข้าไม่เคยพูดเพ้อเจ้อ ในเมื่อเฉินอ๋องต้องการเดิมพัน ข้าน้อมรับคำท้า เช่นนั้นก็เดิมพันด้วยยศเฉินอ๋องของท่านเป็นอย่างไร?”
โม่ฉือชิงชะงักงัน“ยศ?”
“ท่านรอคอยหลายปีถึงได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องไม่ใช่หรือ ข้าจะเดิมพันด้วยยศเฉินอ๋องของท่าน หากจี้อวี๋ชนะต่อไปท่านก็กลับไปเป็นองค์ชายสี่ อยู่ระดับเดียวกับบรรดาหลานๆของท่าน” องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา
“ไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ก็ได้มั้ง?” โม่ฉือชิงเบะปาก ลังเลขึ้นมาทันที
เขารอคอยมาหลายปีขนาดนี้ ไม่ง่ายกว่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง จะมาสูญเสียเพราะการเดิมพันเช่นนี้ได้อย่างไร
“นี่เป็นสิ่งที่เฉินอ๋องเสนอแนะขึ้นมาเองนะ หรือว่าท่านขี้ขลาด ไม่กล้าเดิมพัน หากตอนนี้ท่านคุกเข่าคารวะหน้าผากแตะพื้นยอมรับความผิด ข้าสามารถพิจารณายกโทษให้กับความไร้มารยาทของท่านเมื่อครู่นี้!” องค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโส
โม่ฉือชิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆหลายเฮือก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“ยึกยักอะไรอยู่ ก็แค่ตำแหน่งเฉินอ๋องไม่ใช่หรือ ท่านเดิมพันกับนาง ข้ารับรองว่าจะเอาชนะกลับมาให้ท่าน!” แม้แต่โม่หลานที่กำลังต่อสู้อยู่ก็ทนดูต่อไปไม่ไหว กล่าวขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์
“ตกลง ในเมื่อเจ้าพูดขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะลุยเต็มที่แล้ว องค์หญิงใหญ่หากว่าข้าชนะ ข้าต้องการตราทหารของแคว้นเทียนจิ่วที่อยู่ในมือของท่าน!” โม่ฉือชิงทำหน้าตึงเครียด
“เป็นไปไม่ได้!” องค์หญิงใหญ่ปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ
“เฉินอ๋องคือสิ่งที่ข้าให้ความสำคัญมากที่สุด ข้ายังสามารถเอาออกมาเดิมพันได้ เหตุใดท่านถึงทำไม่ได้ หากท่านยอมแพ้ตอนนี้ข้าจะไม่ถือสาหาความกับท่าน เพียงแต่ว่าพรุ่งนี้คาดว่าคนทั้งเมืองหลวงต้าเยียนคงจะรู้แล้วว่า องค์หญิงใหญ่แพ้ไม่เป็น ขี้ขลาดยิ่งนัก!” โม่ฉือชิงกล่าวอย่างอ้อมค้อมทำให้คนเดาเจตนาที่แท้จริงไม่ออก
“องค์หญิงใหญ่ระวังตกหลุมพรางของเขา!” หลัวหรูจี๋ที่อยู่ด้านข้างรีบเตือนสติ
ใบหน้าขององค์หญิงใหญ่ดำมืดไปหมด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกคนยั่วยุเช่นนี้ ย่อมต้องโกรธแค้นสุดขีดอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอย่างไรเสียตราทหารนี่ก็เกี่ยวพันถึงกองทัพของแคว้นเทียนจิ่ว
นางกำลังคิดอยู่ จู่ๆก็ได้ยินเสียงโม่หลานกรีดร้องขึ้นมา รับฝ่ามือของจี้อวี๋มาเต็มๆ ถอยหลังไปหลายก้าว ถึงกับกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
“โม่หลาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” โม่ฉือชิงเป็นห่วงอย่างยิ่ง เดินตรงเข้าไป
โม่หลานเช็ดมุมปากเล็กน้อย“ข้าไม่เป็นไร มาสู้กันต่อ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเอาชนะเจ้าไม่ได้!”
จี้อวี๋ก็ชะงักงันไปครู่หนึ่งเช่นกัน ฝ่ามือเมื่อครู่นี้โม่หลานสามารถหลบออกไปได้แท้ๆ ทำไมนางถึง——
“ตกลง ข้าจะเดิมพันกับท่าน!” นัยน์ตาขององค์หญิงใหญ่มีความได้ใจเล็กน้อยแว๊บผ่านไป
“เช่นนั้นองค์หญิงใหญ่โปรดเอาตราทหารออกมาเถิด!”
องค์หญิงใหญ่หยิบตราสัญลักษณ์ออกมาจากแขนเสื้อ โยนไปบนพื้นด้านข้าง โม่ฉือชิงก็วางตราประทับเฉินอ๋องของตัวเองเอาไว้ด้านข้างเช่นกัน
โม่หลานชำเลืองไปเห็นภาพฉากนี้ ดวงตาคู่สวยมีความได้ใจแว๊บผ่านไปเล็กน้อย มองไปทางโม่ฉือชิงที่การแสดงทางสีหน้าเต็มไปด้วยความปวดใจ“อย่าทำหน้าเศร้าโศกไปเลย ข้าจะเอาคืนกลับมาให้ท่านแน่นอน!”
“ความหวังหลายปีมานี้ของข้าล้วนขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว เจ้าจะต้องฮึดสู้เพื่อข้านะ!” โม่ฉือชิงกำชับ
“วางใจ!” โม่หลานฟันไปอีกหนึ่งดาบ ทั้งสองคนต่อสู้ด้วยกันอีกครั้ง
เพียงแต่การต่อสู้ครั้งนี้ เริ่มสู้กันตั้งแต่กลางคืนถึงจนถึงเที่ยงคืน ทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครแพ้ใครชนะ จนกระทั่งทั้งสองคนเหนื่อยล้าหมดเรี่ยวแรง
“ไม่สู้แล้ว สู้ต่อไปก็เสมอกันอยู่ดี คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะสู้เก่งขนาดนี้ ตอนนี้สงบศึก พรุ่งนี้ค่อยสู้กันต่อ!” โม่หลานเบะปาก
จี้อวี๋ก็คิดไม่ถึงว่าโม่หลานจะสู้เก่งเช่นนี้ นางก็ไม่มีแรงแล้วจริงๆเช่นกัน“ตกลง พรุ่งนี้ค่อยสู้กันต่อ!”
จากนั้นโม่หลานก้าวเท้าก็เดินเข้าไปในเรือน มุ่งหน้าไปที่เตียง นอนลงก็หลับเลย
“เฮ้ นั่นคือเตียงขององค์หญิงใหญ่ เจ้ารีบลุกขึ้นมาเร็วเข้า ช่างหยาบคายเหลือทนจริงๆ เจ้าคนไม่รู้จักมารยาท!” แม้แต่หลัวหรูจี๋ก็ทนดูต่อไปไม่ไหว รีบเอ่ยปากทันที
โม่หลานไม่ลืมตาเลยด้วยซ้ำ“นี่เป็นห้องขององค์หญิงใหญ่ก็จริง แต่ใครเป็นคนกำหนดว่าเตียงนี้เป็นของท่าน ใครนอนลงก่อนก็เป็นของคนนั้น”
“เจ้า เจ้านี่มันเล่นลูกไม้หน้าด้านๆ ก่อความวุ่นวายไร้เหตุผล ข้าจะส่งคนไปบอกฮ่องเต้ต้าเยียนพวกเจ้าเดี๋ยวนี้!” หลัวหรูจี๋โกรธจนกระทืบเท้า
“ฝ่าบาทของข้านอนหมดสติอยู่ หากท่านสามารถเรียกเขาให้ตื่นได้จริงๆ ทั่วทั้งแคว้นต้าเยียนล้วนต้องขอบคุณท่าน!”