จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 606 หลิ่วเฟยบงการข้ามาฆ่าซูชิงโยว
วินาทีที่องครักษ์ลับเห็นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็อึ้งเป็นไก่ตาแตกไปเลย จวินซื่อจื่อขึ้นชื่อเรื่องความเหี้ยมโหดอำมหิต ส่วนซื่อจื่อเฟยสามารถทำให้จวินซื่อจื่อรักใคร่เพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าฝีมือล้ำลึกกว่า
หากตกไปอยู่ในเงื้อมมือของจวินซื่อจื่อ คงอยู่มิสู้ตายแน่
พอองครักษ์ลับคิดถึงตรงนี้ จึงจะกัดฟันที่ซ่อนยาพิษไว้ให้แตกออก น่าเสียดายที่หยุนถิงเร็วเสียยิ่งกว่าเขา จัดการทำเขากรามค้างทันที
“อยากตาย ไม่ง่ายดายขนาดนั้นดอก!” หยุนถิงแค่นเสียงเย็น
หยุนไห่เทียนและซูโหวเย่ที่อยู่ห้องข้างๆเดินออกมาทันที เขาเหล่มององครักษ์ลับที่พื้น หยุนไห่เทียนเตะเข้าไปอย่างแรง
“สารเลว กล้ามาลอบฆ่าชิงโยว!”
องครักษ์ลับโดนเตะกระเด็น กลิ้งไปหลายตลบจนล้มกับพื้น เจ็บจนกระอักเลือดออกมา และขยับตัวไม่ได้ เห็นชัดเลยว่าหยุนไห่เทียนออกแรงแค่ไหน
“ชั่วช้านัก กล้ามาฆ่าลูกสาวข้า ข้าจะเตะเจ้าให้ตาย!” ซูโหวเย่เตะเข้าไปอีกหลายที
“พี่ใหญ่ วิธีการปกติของท่านในค่ายทหารน่ะใช้กับคนชนิดนี้มิได้ผลดอก ข้าเองดีกว่า!” ถิงเอ๋อร์ควักยาออกมาขวดหนึ่งจากในอกเสื้อ
“ถิงเอ๋อร์ นี่เป็นยาพิษที่คิดค้นขึ้นมาใหม่รึ!” จวินหย่วนโยวเข้าใจดี
“อืม ไว้ใช้รับมือพวกที่ปากแข็งไม่ยอมสารภาพโดยเฉพาะ” หยุนถิงอธิบาย
หลงเอ้อร์เข้ามาอย่างรวดเร็ว รับยาขวดนั้นมา เทเม็ดยาสีขาวออกมาเม็ดหนึ่ง จากนั้นง้างปากองครักษ์ลับคนนั้น ซัดหมัดใส่ท้ององครักษ์ลับอย่างหนักหนึ่งหมัด เขาอ้าปากทันที หลงเอ้อร์ยัดยาพิษเม็ดนั้นใส่ปากเขาทันที และปิดปากเขาอย่างแรง
การกระทำทั้งหมดนี้องครักษ์ลับยังไม่ทันรู้ตัวก็กลืนยาลงไปแล้ว
เขาจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายอย่างตกใจ สุดท้ายหลงเอ้อร์ก็ทำเขากรามค้างอีก
อยากจะฆ่าตัวตายก็ไม่ได้ ไม่นานองครักษ์ลับก็รู้สึกว่าเจ็บปวดไปทั่วร่างราวกับเป็นตะคริว เจ็บปวดจนอยากตาย เนื้อตามแขนขาเริ่มทยอยหลุดออกทีละชิ้น จนเห็นกระดูก เลือดสดหลั่งริน เจ็บจนร้องโหยหวน แต่กรามค้างอยู่เลยร้องไม่ออก ได้แต่หวีดร้องเสียงราวหมูถูกเชือด
“พลั่ก!” แขนข้างหนึ่งของเขาหลุดออกมา เขาเจ็บแทบอยากตาย วินาทีนี้เขากลัวแล้วจริงๆ รีบอ้อนวอนทันที
เป็นเช่นนี้ต่อไปเขาต้องตายแน่ๆ
ตายไม่น่ากลัวดอก ที่น่ากลัวคืออยู่ไม่สู้ตาย
หยุนไห่เทียนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่ามียาพิษร้ายกาจเพียงนี้อยู่ด้วย นี่มันโหดเหี้ยมกว่าการทรมานพวกนั้นนัก
ซูโหวเย่ที่ยืนข้างๆตกใจจนสีหน้าซีดเผือดแล้ว ยาพิษนี้ของซื่อจื่อเฟยช่างน่ากลัวนัก โชคดีที่ชิงโยวสนิทสนมกับนาง ต่อไปอย่าได้ทำให้ซื่อจื่อเฟยไม่พอใจโดยเด็ดขาด
หลงเอ้อร์เห็นเขาอ้อนวอน ถึงได้ทำให้กรามขององครักษ์กลับมาที่เดิม “หากมิยอมพูดความจริงอีก ยาพิษของซื่อจื่อเฟยมีอีกมากนัก เอามาให้เจ้าลองหมดเลยแล้วกัน
“ข้าพูด ข้าพูดทั้งหมดเลย หลิ่วเฟยส่งข้ามาฆ่าซูชิงโยว ข้าเป็นองครักษ์ลับที่ใต้เท้าหลิ่วชุบเลี้ยงไว้ รับคำสั่งจากหลิ่วเฟยเท่านั้น!” องครักษ์ลับรีบบอก
ยาพิษเม็ดเล็กนี่ทำให้เขาอยู่ไม่สู้ตาย ซื่อจื่อเฟยช่างเหี้ยมโหดยิ่ง
“หลิ่วเฟย?” หยุนถิงตะลึง “เจ้าแน่ใจว่ามิได้โกหกรึ?”
“ข้ามีหรือจะกล้า เป็นหลิ่วเฟยจริงๆ หากซื่อจื่อเฟยมิเชื่อ พาข้าไปพิสูจน์ต่อหน้าหลิ่วเฟยเลยก็ได้” องครักษ์ลับเสี่ยง
เทียบกับหลิ่วเฟยแล้ว ซื่อจื่อเฟยน่ากลัวกว่ามากนัก
“เพราะอะไร เพราะเหตุใดถึงเป็นนาง?” หยุนถิงไม่เข้าใจ
“จริงด้วย ตระกูลซูมิเคยมีความแค้นกับหลิ่วเฟยมาก่อน ทำไมนางต้องให้ร้ายชิงโยวด้วย?” ซูโหวเย่สีหน้างุนงง
“ก่อนหน้านี้ที่ข้าปีนกำแพง เคยได้ยินหลิ่วเฟยเหนียงเหนียงพูดว่า ซูชิงโยวไม่คู่ควรกับแม่ทัพหยุน ไม่อยากให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน หลิ่วเฟยเลยซื้อตัวมามามาวางยาพิษคุณหนูซู!” องครักษ์ลับรีบบอก
“นี่หลิ่วเฟยเปลี่ยนจากรักเป็นแค้นงั้นรึ?” หยุนถิงย้อนถาม นอกจากความเป็นไปได้ข้อนี้แล้ว เธอคิดอย่างอื่นไม่ออกเลย
แต่หลิ่วเฟยเข้าวังไปเป็นพระสนมหลายปีแล้ว ระหว่างนางกับพี่ใหญ่มิมีทางเป็นไปได้เลย เหตุใดต้องดื้อรั้นเพียงนี้
สีหน้าซูโหวเย่บูดบึ้งขึ้น หรือว่าแม่ทัพหยุนกับหลิ่วเฟยมีความสัมพันธ์กัน ฟังคำพูดนี้ ซื่อจื่อเฟยเองก็รู้เรื่องนี้ด้วย
หยุนไห่เทียนสีหน้าทะมึน เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “ต่อให้เป็นหลิ่วเฟย ก็มิอาจมาทำร้ายชิงโยวได้!”
“พี่ใหญ่ ไม่ว่าท่านจะตัดสินใจอย่างไร ข้าสนับสนุนท่านเสมอ!” หยุนถิงบอก
“ข้ากับหลิ่วเฟยบริสุทธิ์มิมีอันใดต่อกัน ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น มีเพียงแค่ข้าเคยช่วยนางเมื่อหลายปีก่อน แค่นี้เท่านั้น ส่วนชิงโยวเป็นคู่หมั้นข้า ข้าไม่มีทางยอมให้ผู้ใดทำร้ายนางทั้งนั้น ข้าจะพาเขาไปเข้าเฝ้าหน้าพระพักตร์ ให้ฝ่าบาททรงตัดสิน!” หยุนไห่เทียนพูดอย่างเดือดดาล
พอซูโหวเย่ได้ยินดังนั้นก็สบายใจ ว่าที่ลูกเขยผู้นี้พึ่งพาได้
“คืนนี้น่าจะไม่มีใครมาแล้ว ถิงเอ๋อร์พวกเรากลับไปพักผ่อนเถอะ!” จวินหย่วนโยวพูด
เดิมเขาอยากให้หยุนถิงกลับไปพักผ่อนที่จวนซื่อจื่อ แต่หยุนถิงมีหรือจะวางใจ ไม่จับตัวฆาตกรให้ได้หยุนถิงไม่สบายใจหรอก
ตอนนี้เห็นองครักษ์ลับนอนหายใจรวยริน หยุนถิงถึงถอนหายใจโล่งอก “ไปพูดกันที่พระราชวัง หากเจ้าทำตัวดี ข้าจะให้ยาถอนพิษเจ้า!”
พองครักษ์ลับได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้าหงึกๆ “ซื่อจื่อเฟยโปรดวางใจ ข้าจะพูดความจริงแน่นอน!”
หยุนไห่เทียนพาองครักษ์ลับเข้าวังทันที เขากลัวว่านานวันไปแล้วจะลำบาก จวินหย่วนโยวพาหยุนถิงจากไป และส่งองครักษ์เงามังกรมาคอยคุ้มครองความปลอดภัยของหยุนไห่เทียนอย่างลับๆ กลัวว่าเขาจะโดนคนตระกูลหลิ่วฆ่าปิดปาก
บนรถม้า หยุนถิงถอนหายใจออกมา “เหตุใดต้องเป็นหลิ่วเฟยด้วย?”
“คนเราต่างความคิด ดังนั้นอย่าเชื่อใจใครมากเกินไป รักแต่ไม่ได้มาเลยแปรเปลี่ยนเป็นแค้น คนชั่วต้องรับกรรมของตนเอง!” จวินหย่วนโยวปลอบ
“เสียแรงที่ก่อนหน้านี้ข้าเชื่อใจนาง น่าสงสารชิงโยวนัก!”
“จัดการเรื่องหมดแล้ว อย่าคิดมากอีกเลย”
“หากองครักษ์ลับนั่นกลับคำไม่ยอมรับเล่าจะทำยังไง?” หยุนถิงลืมเรื่องนี้ไปเลย
“วางใจเถอะ ข้าจัดเตรียมทุกอย่างในวังเรียบร้อยแล้ว มามาที่วางยาพิษก็ถูกเหมยเฟยรับตัวไปที่ตำหนักนางแล้ว ทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว!”
หยุนถิงถึงวางใจ “ท่านพี่ ขอบคุณมาก โชคดีที่มีท่าน”
“เจ้าเป็นครอบครัวเดียวกับข้า มิต้องเกรงใจดอก”
พระราชวัง
หลิ่วเฟยรอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นองครักษ์ลับกลับมา นางกังวลใจ เขาเป็นคนที่ท่านพ่อคัดสรรมาแล้ว ไม่เคยทำผิดพลาดมาก่อน ต้องสำเร็จแน่ๆ
แต่หลิ่วเฟยมิรู้ว่าหยุนไห่เทียนได้นำคนเข้าวังมาแล้ว หูตาที่นางจัดวางไว้ตามประตูทางเข้าออกของวังก็โดนคนของจวินหย่วนโยวกำจัดไปหมดแล้ว
ฮ่องเต้ได้ยินว่าหยุนไห่เทียนเข้าวังกลางดึกก็ประหลาดใจนัก รีบลุกขึ้นทันที
พอเห็นคนที่หยุนไห่เทียนพามา เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด น่าอนาถนัก และยังแขนขาดไปข้างหนึ่ง ฮ่องเต้ตะลึง “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ฝ่าบาท เขาเป็นองครักษ์ลับที่หลิ่วเฟยส่งไปฆ่าชิงโยว เขาโดนจวินซื่อจื่อและถิงเอ๋อร์จับได้คาหนังคาเขา และเขายอมรับเองว่าหลิ่วเฟยเป็นคนบงการเขา!” หยุนไห่เทียนตอบอย่างนอบน้อม
ฮ่องเต้ตกตะลึง “หลิ่วเฟย เจ้าเป็นคนของหลิ่วเฟยจริงๆรึ?”
“กราบทูลฝ่าบาท ข้าน้อยเป็นคนของหลิ่วเฟยจริงๆ เป็นองครักษ์ลับที่ใต้เท้าหลิ่วชุบเลี้ยงมาเพื่อช่วยหลิ่วเฟยกำจัดเรื่องอย่างลับๆ” องครักษ์ลับตอบทันที
สายตาฮ่องเต้มองมาอย่างเดือดดาลทันที “เรื่องลับๆ หลิ่วเฟยให้เจ้าทำอะไรไปบ้าง?”
องครักษ์ลับตัวสั่นเทา กำลังคิดว่าจะพูดอย่างไรดี
“หากเจ้ากล้าพูดปดแม้แต่คำเดียว ข้าจะให้เจ้าอยู่ก็อยู่มิได้ ตายก็ตายมิได้!” บรรยากาศเย็นเยียบทรงอำนาจแผ่กำจายไปทั่ว ทำเอาองครักษ์ลับตกใจจนไม่กล้าคิดอะไรอีก รีบสารภาพออกมา