ตอนที่ 93 เด็กสาวแสนสวย
เมื่ออันนาถามเขาว่าอยากจะมาร่วมงานหรือไม่ ซย่าชิงอีซึ่งเพิ่งดูฉากที่ตัวละครชายในหนังบอกนักแสดงสาวหน้าตายว่าเขาชอบใช้ชีวิตเงียบๆ ซย่าชิงอีที่นั่งบนพื้นถึงกับพูดไม่ออกก่อนเอ่ยขึ้นมาว่าพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นออกมาได้อย่างไร ระหว่างที่นักแสดงหนุ่มลงเอยด้วยการปล่อยให้อีกฝ่ายเดินจากไป
เธอดูอย่างเอาจริงเอาจังพร้อมกล่าวขึ้นว่าผู้ชายควรออกไปเจอโลกอันสวยงามบ้าง ไม่เสียดายบ้างหรือที่พวกเขาจะไม่มีเพื่อนคบหาเพราะว่าต้องการชีวิตที่เงียบสงบ
โม่หันที่นั่งอยู่ด้านหลังเหลือบมองเธอที่พูดเช่นนั้น กลืนคำปฏิเสธที่ตั้งใจบอกปลายสายก่อนหน้านี้ลงไปหลังจากลังเลใจอยู่สักพัก ก่อนตบปากรับคำว่าจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของพวกเขา
ในเวลาเดียวกัน ซย่าชิงอีที่นั่งดูโทรทัศน์อย่างตั้งอกตั้งใจอยู่เบื้องหน้ากลับไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นตอนหนึ่งทุ่มของวันเสาร์ พนักงานบางส่วนจองห้องส่วนตัวไว้ที่ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในเมือง ชั้นบนมีบาร์ให้พวกเขาขึ้นไปฉลองกันต่อได้หลังจากทานอาหารเสร็จ
เวลาผ่านไป โม่หันที่กลับมาสะสางงานต่อที่สำนักงานหลังจากออกจากโรงพยาบาลขณะที่ซย่าชิงอีกลับไปเรียนหนังสือต่อ เธอเข้าสำนักงานนักสืบในเวลาว่างเพื่อหารายได้เสริม โชคดีที่เจ้านายที่สำนักงานค่อนข้างชื่นชอบเธอ เมื่อเห็นว่าเธอสวยและฉลาด และมักจะให้งานง่ายๆ กับเธอให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
โม่หันโทรหาซย่าชิงอีในบ่ายวันเสาร์เพื่อบอกเธอว่าเขาจะกลับดึก ให้เธอเข้านอนไปก่อนได้เลย ไม่ต้องนั่งรอเขา
ปลายสายรู้สึกถึงความผิดปกติ [พี่ต้องทำอะไรคะ]
“มีงานเลี้ยงที่บริษัทน่ะ พวกเขาบอกว่าจะฉลองที่พี่หายดีแล้ว”
[ฉันอยากไปด้วย] เธอตอบ
“เธอจะไปทำไม”
[ไปกินอาหารอร่อยๆ ค่ะ! ฉันอยู่บ้านคนเดียวก็เบื่อนะคะ] เธอพึมพำอย่างน่าสงสาร
อีกฝ่ายขมวดคิ้วเข้าด้วยกันพลางคิดอย่างลังเลใจ
เด็กสาวกล่าวขอร้อง [นะคะ นะคะพี่ ฉันจะไม่สร้างปัญหาให้ อีกอย่างคนที่บริษัทก็รู้จักฉันนี่คะ ฉันเป็นน้องสาวพี่นะ มีคนไปเพิ่มอีกคนสนุกดีออกค่ะ!]
[… พี่ชาย…] เธอยังคงว่าต่อ
อาจเป็นเพราะเขาบอกเธอเรื่องพ่อแม่กับเธอตั้งแต่วันนั้น หลังจากนั้นมาเธอก็มักจะเรียกเขาว่าพี่ชาย แม้กระทั่งเวลาก่อนที่เธอจะกลับเข้าห้องนอนในช่วงหลายคืนที่ผ่านมา เธอก็จะคอยบอกเขาเสมอว่า ‘ฝันดีนะคะ พี่ชาย’
“ก็ได้ มาก็มา พี่จะบอกพวกเขาให้” โม่หันยอมลงให้เธอ
เธอยิ้มกว้างขณะพูดขึ้น [ขอบคุณนะคะ พี่ชาย!]
“มาหลังจากที่เธอเลิกเรียนตอนบ่ายแล้วกัน พี่จะรอเธออยู่ที่นี่”
[ได้ค่ะ!]
ซย่าชิงอีมาถึงขณะที่เขารอเธออยู่ที่ชั้นล่างของอาคารสำนักงานแล้วและกำลังคุยบางอย่างกับลูกน้องของเขา เธอลงมาจากรถ ส่งเสียงเรียกเขามาแต่ไกลพร้อมวิ่งเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มกว้าง
ผู้คนที่ยืนอยู่รอบๆ โม่หันหันตามต้นทางของเสียงนั้น เห็นเด็กสาวผมสั้นที่มีรอยยิ้มประดับใบหน้า สะพายกระเป๋าไว้ข้างหลัง กำลังวิ่งมาทางพวกเขา ราวกับพระอาทิตย์ดวงน้อยเมื่อเธอส่งยิ้มมาให้
พวกเขาแววตาเป็นประกายทันที พนักงานหนุ่มหลายคนในบริษัทรู้ว่าน้องสาวของโม่หันรูปร่างหน้าตาดีอยู่ไม่น้อย มาได้เห็นกับตาของตัวเองก็คราวนี้ อย่างคิดว่าที่ได้จินตนาการเกี่ยวกับเธอไว้ก่อนหน้านี้ เทียบไม่ได้สักครึ่งเดียวกับยามที่เธอกำลังโปรยยิ้มมาตอนนี้เลยสักนิด
ไม่มีใครอาจเมินเฉยนัยน์ตาสวยราวกับดวงดาวของเธอยามที่ส่งยิ้มได้เลย
ซย่าชิงอีวิ่งมายืนข้างโม่หัน เธอก้มหน้าเปื้อนยิ้มนั้นน้อยๆ เมื่อเห็นคนที่อยู่รอบๆ เขา
เมื่อมองเธอใกล้ๆ พวกเขาต่างคิดได้เพียงว่าเธอดูยังเด็กและสวยเกินอายุของเธอ
เรียกได้ว่าเธอเป็นเด็กสาวเต็มตัวคงไม่ผิดนัก
“เรียนอยู่ที่ไหนล่ะครับ สาวน้อย” พวกเขาต่างต้องการจะใกล้ชิดกับเธอ
ซย่าชิงอีเกลียดเวลาที่คนปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นเด็กๆ เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยหากแต่ก็ตอบกลับไปเสียงอ่อนหวาน “ฉันเรียนที่มหาวิทยาลัย XXX ค่ะ”
ตอนที่ 94 ดื่ม
“เรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้วเหรอ เรียนคณะอะไรล่ะครับ”
“ตอนนี้เรียนอยู่สาขาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ค่ะ แต่จะเปลี่ยนไปเรียนจิตวิทยาเร็วๆ นี้แล้วล่ะค่ะ”
“ดี ดีเลยครับ ถ้าในอนาคตต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราก็บอกได้เลยนะครับ เราจะช่วยอย่างเต็มที่แน่นอน”
โม่หันดึงเธอมาหลบด้านหลังเงียบๆ เมื่อเห็นว่าพวกเขาเอาแต่จ้องไปที่เธอ ก่อนเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “สายมากแล้วครับ ไปกันได้แล้ว”
เมื่อพวกเขามาถึงร้านอาหาร พนักงานสาวหลายคนนั่งโต๊ะเดียวกับโม่หัน ซย่าชิงอีเข้าใจสถานการณ์เมื่อเห็นพวกเธอมองมาที่เขาอย่างเคลิบเคลิ้ม แอบกระซิบบอกเขาที่นั่งข้างๆ “มีพนักงานสาวๆ บางคนหลงพี่เข้าเต็มเปาเลยแหละ”
โม่หันเหลือบมองเธอแล้วกล่าวเบาๆ “กินไปเถอะน่า”
“ก็ได้ค่ะ” เธอตอบและนั่งลงอย่างว่าง่าย เล่นชุดช้อนส้อมขณะรออาหารมาเสิร์ฟ
พวกเขาคุยกันพลางกินไปด้วย เธอเป็นคนเดียวที่เงียบ ตาวาวเบิกกว้างขณะที่กินอาหารไม่หยุด ทุกอย่างตรงหน้าดูน่ากินไปเสียหมด
“มาๆ ทนายโม่ ชนแก้วฉลองกันหน่อยครับ” หลิวจื้อหย่วนที่เดินมาจากทางซย่าชิงอียื่นแก้วที่มีไวน์อยู่ครึ่งหนึ่งส่งให้เขา
คนถูกเรียกยืนขึ้น ยิ้มบางๆ พลางกล่าวปฏิเสธ “ขอโทษด้วย แต่ผมยังดื่มไม่ได้ ท้องไส้เพิ่งหายเป็นปกติน่ะ”
หลิวจื้อหย่วนตีศีรษะตัวเอง “ผมนี่นะ! ทำไมคิดไม่ได้ แน่อยู่แล้วว่าเจ้านายผมยังดื่มไม่ได้เพราะเพิ่งผ่าตัดมา โอย ความจำผมนี่แย่จริงๆ!” หลิวจื้อหย่วนวางแก้วไว้บนโต๊ะก่อนเดินไปโต๊ะอื่น
ซย่าชิงอีที่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่ได้ใส่ใจฟังบทสนทนา เธอสำลักอาหารเพราะกินเร็วเกินไป มือฉวยคว้าแก้วบนโต๊ะมาดื่มทันที
หลังจากดื่มไปอึกใหญ่ เธอก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสร้อนจากแอลกอฮอล์รุนแรงที่ไหลลงลำคอ
“อ๊ะ?!” เธอร้องออกมาขณะจับคอของตัวเองไว้
เขาหันไปมองเธอ เอ่ยถามอย่างร้อนรน “เกิดอะไรขึ้น” มือข้างหนึ่งดึงแก้วมาจากมือเธอหลังจากสังเกตเห็น “เธอดื่มแอลกอฮอล์เหรอ!”
อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นหลังจากรีบดื่มน้ำเปล่าตามไปอึกใหญ่ “ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นแอลกอฮอล์นี่คะ”
“แอลกอฮอล์ก็คือแอลกอฮอล์ น้ำเปล่าก็คือน้ำเปล่า รสชาติไม่เหมือนกันสักนิด เธอหยิบผิดได้ยังไง” โม่หันมุ่นคิ้วด้วยกัน มองไปยังแก้วที่เกือบจะว่างเปล่า “เธอดื่มมันหมดเลยเหรอ!”
ผู้ชายที่นั่งอยู่อีกข้างของเธอถามขึ้น “เธอเป็นอะไรไหม”
เธอโบกมือปฏิเสธไปรอบตัวก่อนจับคออีกรอบ สัมผัสร้อนแรงทำให้รู้สึกไม่สบายขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”
“เธอเคยดื่มมาก่อนหรือเปล่า คอแข็งแค่ไหน ถ้ารู้สึกไม่สบายยังไงไปพักตรงนั้นก่อนได้นะครับ” เขาถามเธออย่างละเอียดอีกรอบ
“ฉันไม่เคยดื่มมาก่อนค่ะ ไม่รู้ว่าคอแข็งแค่ไหนเหมือนกัน รู้แต่ว่าร้อนคอมากเลย ทำไมพวกคุณชอบดื่มของพวกนี้กันนักนะ”
เขาหัวเราะ “ใครจะไปรู้ล่ะครับ”
โม่หันมีท่าทีไม่พอใจเมื่อเห็นทั้งสองพูดคุยกันโดยไม่มีช่องว่างให้เขาแทรก เขาจ้องชายหนุ่มข้างซย่าชิงอีและพบว่าเขาคือจางจิ้งเฉิน เคยได้ยินมาว่าเขาเป็นคนคารมดีจนทำให้สาวๆ หลายคนติดใจ แต่โม่หันก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องราวส่วนตัวอื่นๆ ของอีกฝ่ายนักด้วยเห็นว่าเขาเองก็ขยันขันแข็งและทำงานที่รับผิดชอบออกมาได้ดี ทว่าตอนนี้เองที่โม่หันเองได้เห็นที่เขาเล่าลือกันกับตา
จิตใต้สำนึกของเขาบอกว่าไม่อยากให้ซย่าชิงอีอยู่ใกล้จางจิงเฉินคนนี้นัก
ทว่าซย่าชิงอีที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับไม่ได้คิดมาก เธอไอออกมาสองครั้ง ก่อนค่อยๆ หยิบตะเกียบไว้ในมือและเริ่มลงมือจัดการอาหารตรงหน้าอีกครั้ง ขณะที่ไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นสักนิด
เขาวางใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กสาวไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย คนที่นั่งข้างชายหนุ่มอีกด้านเริ่มพูดคุยเรื่องงานกับอีกฝ่าย และเขาก็สนใจฟังแต่บนสนทนาก่อนหน้านี้เท่านั้น