ตอนที่ 117 การจากลา
โม่หันจัดพิธีศพให้พ่อของเขาอย่างเรียบง่าย มีเพียงไม่กี่คนที่มาเข้าร่วมพิธี
ในวันที่สามของเขาที่อเมริกา เถ้ากระดูกของพ่อของเขาถูกเก็บไว้ในที่ที่เหมาะสม เขาจ้องมองมันเนิ่นนาน ความรู้สึกมากมายประดังประเดเข้ามาในใจก่อนที่เขาจะหันหลังเดินจากไป
หลังจากพิธีศพของพ่อ เขาเริ่มจัดการกับปัญหาที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังของบริษัทของพ่อของเขา บริษัทขาดทุนต่อเนื่องจนแทบจะไม่เหลืออะไรเพราะอาการติดยาของพ่อ เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยหุ้นของบริษัทก็ตกลงอย่างรุนแรง ผู้ลงทุนหลายคนถอนการลงทุนออกไปและกลัวว่าบริษัทจะล้มละลาย ขณะที่พนักงานหลายคนเตรียมตัวที่จะลาออก
ภายในบริษัทต้องการใครสักคนมารับผิดชอบจัดการกับทุกอย่าง
โม่หันกลายเป็นคนที่รับหน้าที่นั้น หลังจากพ่อของเขาจากไปหุ้นส่วนหลายคนก็มาพบเขาและต้องการให้เขาช่วย เขาที่ไม่รู้สถานการณ์ของบริษัทสักนิดต้องมาดูแลและทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทอยู่ทั้งวันทั้งคืน
เขารู้เพียงว่าช่วงหลายวันมานี้ไม่ค่อยได้นอนนัก ตอนเช้าต้องไปพบกับผู้ลงทุนเพื่อโน้มน้าวให้พวกเขามั่นใจในสภาพคล่องของเงินทุน ตอนกลางคืนต้องไปประชุมกับหุ้นส่วนเพื่อปรึกษาหารือภายใน
เวลาที่เหลือถูกใช้ไปกับการศึกษาข้อมูลภายในของบริษัทที่มีมากมาย มีเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่เขาปลีกตัวมาพักผ่อนได้
ทุกวันนี้เขาอยู่ได้ด้วยกาแฟและยานอนหลับ
รวมใช้เวลาทั้งหมดหกวันเต็มในการกู้บริษัทของพ่อเขาขึ้นมาได้
เขาเองไม่รู้ตัวว่าในวันสุดท้ายหุ้นส่วนเหล่านั้นต่างก็พูดถึงเขาว่าไม่เคยเห็นชายหนุ่มอายุน้อยคนไหนที่สามารถกอบกู้บริษัทที่เกือบจะล้มละลายได้ภายในเวลาอันสั้นแบบนี้
เขากล้าได้กล้าเสีย เข้าใจลึกซึ้งและฉลาดหลักแหลม รู้ว่าจะต้องจัดการสิ่งต่างๆ ในโลกของธุรกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนอย่างไร หากเขาไม่ได้เป็นนักกฎหมายที่เก่งกาจเขาก็คงกลายเป็นนักธุรกิจแนวหน้าได้ไม่ยาก
เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่เคยคิดอยากจะเป็นนักธุรกิจเลยสักนิด เพียงแค่ต้องการสะสางเรื่องของพ่อของเขาให้จบและกลับไป
โม่หันซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับจีนแต่หุ้นส่วนบริษัทกลับต้องการให้เขาอยู่ทำงานต่อที่อเมริกา เขาปฏิเสธ บอกว่าไม่สนใจจะสานต่อบริษัทของพ่อแม้แต่นิด
เพียงเท่านั้นก็ไม่มีการเปลี่ยนใจและไม่มีการพูดคุยกับเขาอีก มีแต่เขาที่เดินทางออกจากอเมริกา
เพราะจีนกับอเมริกาห่างกันสิบสามชั่วโมง โม่หันที่ออกเดินทางราวใกล้เที่ยงจึงมาถึงบ้านในเวลาตีหนึ่งกว่าๆ
เขายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน คลำหากุญแจบ้านแต่ไม่ว่าค้นที่ไหนก็ไม่เจอ สุดท้ายจึงยอมแพ้และโทรเรียกซย่าชิงอี
[สวัสดีค่ะ] เสียงงัวเงียของซย่าชิงอีดังลอดสายออกมา
เมื่อได้ยินเสียงของเธอที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาสิบวัน ความรู้สึกอึดอัดที่อยู่ในใจก็คลายลงทันที เขารู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกินเหมือนกับเหลือแรงพอให้กลับถึงบ้านเท่านั้น
“เปิดประตูให้พี่ที” เขาพูดเบาๆ ขณะที่ยืนพิงประตู
[พี่กลับมาแล้วเหรอคะ] เธอตกใจเล็กน้อยก่อนจะรีบกระโดดลงมาจากเตียง เอื้อมมือไปเปิดไฟและวิ่งไปเปิดประตูให้
เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้น ประตูเปิดออกให้คนที่พิงมันอยู่เกือบล้ม โชคดีที่ซย่าชิงอีรับเขาไว้ทัน
“อ๊ะ… อ่า… เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันคะ” ตัวของโม่หันหนักจนเกือบล้มทับให้เธอไปกองบนพื้น เธอใช้แรงทั้งหมดที่มียันตัวยืนขึ้นและจับแขนประคองตัวเขาไว้แน่น
เขาได้กลิ่นสบู่จางๆ ที่เป็นเอกลักษณ์จากตัวของเธอ นานแล้วที่ไม่ได้กลิ่นแบบนี้
“อ๊ะๆ ยืนดีๆ สิคะพี่” เธอไม่มีแม้แต่เวลาจะวางสายเขา ลากร่างของเขามาด้วยมือข้างเดียวก่อนโยนโทรศัพท์ไว้ใกล้ๆ โซฟา
ทว่าเขาเหนื่อยล้าเกินทน รู้สึกง่วงเหลือเกินเหมือนกับจะชดเชยเวลาที่เขาไม่ได้พักผ่อนในช่วงที่อยู่ที่อเมริกาในคราวเดียว
ก่อนสติรับรู้ของเขาจะค่อยๆ เลือนรางไปทุกที
ตอนที่ 118 ปฏิกิริยาของร่างกาย
ซย่าชิงอีตบหน้าเขาเบาๆ “นี่… พี่คะ… อย่าเพิ่งหลับสิ… ไปนอนที่ห้องดีๆ ตกลงไหมคะ”
โม่หันไม่ตอบทั้งยังพิงทั้งตัวมาบนไหล่เล็กๆ ของเธออีกต่างหาก เธอไม่มีทางเลือกนอกจากใช้มือประคองเอวเขาไว้และวางแขนของคนตัวโตกว่าพาดไหล่ ก่อนออกแรงพยุงเขามุ่งหน้าไปที่ห้องนอนของเจ้าตัว
“พี่ช่วยออกแรง… เดินไปข้างหน้าหน่อยได้ไหมคะ… พี่ตัวหนักมากเลย” เธอบ่นออกมา
เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเธอก็เหนื่อยหอบ ระหว่างที่ก้าวผ่านโซฟาเธอที่ไม่ได้ดูทางเพราะหันไปมองอีกฝ่ายก็สะดุดบางอย่างและพากันล้มลงบนโซฟา
เอวของเธอชนเข้ากับที่พักแขนของโซฟาทำให้ร่างกายส่วนบนหงายล้มลงบนโซฟา
โม่หันล้มตามลงไปทับตัวเธออย่างจัง ศีรษะของเขาซุกอยู่ที่ซอกคอ ขณะที่เอวของเธอยังติดแหง็กอยู่กับที่พักแขนพร้อมขาที่ลอยไม่ติดพื้น ทั้งร่างไม่สามารถขยับไปไหนได้
เธอหายใจไม่ออกเพราะน้ำหนักของเขาที่กดทับลงมาและไม่มีแรงผลักเขาออกไปได้ เพราะหมดแรงทั้งหมดไปกับการแบกเขามาถึงที่นี่ พยายามใช้ขาเตะอีกฝ่ายออกไปแต่ดูเหมือนว่าเขาจะหลับสนิทจนนอนนิ่งไม่ไหวติงอย่างนี้
ซย่าชิงอีพยายามฝืนเลื่อนตัวขึ้นเพื่อขยับเอวออกจากที่พักแขน อย่างคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าเป็นขาที่ติดอยู่ไม่ใช่เอวแบบนี้ อย่างไรก็ตามเธอก็รู้ว่านั่นเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์
เขานอนทับอยู่บนหน้าอกและเธอไม่ได้สวมบราอยู่
เธอถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้ว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็ไม่สามารถผลักเขาออกไปได้ เธอตื่นมากลางดึกเพราะสายของเขาและในตอนนี้เขาก็กำลังนอนหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรในขณะที่เธอเหนื่อยแทบขาดใจ
ทั้งห้องเงียบลงพร้อมๆ กับความง่วงที่เข้ามาเยือนเธอ พลางคิดว่าจะหลับไปทั้งแบบนี้และคิดหาวิธีแงะเขาออกจากตัวหลังจากตื่นขึ้นมาอีกที เธอจึงหันศีรษะและฟุบตัวลงนอนพร้อมเอามือบังแสงไฟที่แยงเข้าตา
เช้าวันถัดมา ซย่าชิงอีตื่นขึ้นมาก่อน หลังจากที่นอนบนโซฟามาตลอดทั้งคืนก็รู้สึกได้แต่ความปวดหลัง เธออยากจะนวดคลายความปวดเมื่อยของตัวเองแต่ติดที่โม่หันยังนอนทับตัวเธออยู่
เพราะโยนโทรศัพท์ไว้มั่วๆ เมื่อคืนจึงไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว สงสัยว่าเธอคงต้องปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาเสียก่อน
ในจังหวะที่เธอขยับตัว โม่หันที่นอนทับหน้าอกเธออยู่ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น เขาเงยหน้าก่อนลืมตาขึ้นมองซย่าชิงอีด้วยความตกใจ
ทีเมื่อคืนเธอปลุกเขาแทบตายอย่างไรเขาก็ไม่ตื่น ทำไมตอนนี้ถึงตื่นง่ายดายอย่างนี้
“พี่ตื่นแล้วเหรอ” เธอเอ่ยถาม
เขามองสำรวจไปรอบๆ ก้มมองหน้าอกที่ไร้ซึ่งบรากั้นที่โผล่พ้นเสื้อมาเล็กน้อย ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ขึ้นสี
แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงเรื่องที่สำคัญกว่านั้น เมื่อเขาเกิดอาการตื่นตัวตอนเช้าตรงระหว่างขาของซย่าชิงอี
เขารีบลุกออกจากตัวเธอ พยายามยืนงอตัวเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เธอรู้ ในตอนนั้นเองที่เขารู้ตัวว่าตัวเองนอนกับเธอทั้งคืน
“อ๊ะ… อ่า…” เธอครวญครางออกมาทั้งสันกรามที่ยังแนบชิดกับโซฟา เธอขยับตัวทันทีที่โม่หันลุกขึ้น เอวเมื่อยขบไปหมดจนแม้แต่จะเอี้ยวตัวยังยาก
อีกฝ่ายหูแดงขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงครางของเธอ เขาไม่มีหน้าจะอยู่ตรงนี้ต่อขณะที่รีบร้อนเดินหนีไปโดยไม่หันมามองเธอสักนิด
“อืม… เอ่อ… พี่จะไปล้างหน้าล้างตาก่อน…”
“นี่… มาช่วยดึงฉันขึ้นก่อนสิคะ! ฉันเจ็บเอว… ลุกไม่ขึ้น” เธอร้องขอความช่วยเหลือจากสิ่งที่เธอประสบพบเจอเมื่อคืน พลางนวดคลึงเอวของตัวเองไปด้วยความเจ็บปวด
ตลอดทั้งวันที่เหลือเธอเอาแต่บ่นกระปอดกระแปดถึงความใจดำของเขา ที่นอนทับเธอเหมือนกับเธอเป็นผ้าปูทั้งคืน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรก่อนรีบหนีออกไปเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้น
อีกด้านหนึ่ง โม่หันพอรู้ความจริงว่านอนทับอีกฝ่ายมาตลอดทั้งคืนและนึกถึงการตอบสนองของตัวเองดูแล้ว เขาก็อับอายมากกว่าเดิม
เขาเริ่มเกรงว่าบางอย่างจะไปไกลจากจุดเริ่มต้นของมันไปเสียแล้ว
เป็นไปได้ว่าตอนนี้ซย่าชิงอีอาจจะไม่ได้เป็นแค่เด็กสาวที่เขาช่วยเอาไว้ด้วยความสงสารอีกต่อไป