ตอนที่ 121 ไม่อาจให้อภัย
ซย่าชิงอีส่ายหน้าไปมาอย่างแรงและหันหน้าหนีเขาอย่างไม่กล้ามองเขา “ไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ… เราไม่ได้ทำอะไรกันเลย… ฉันแค่หลับไป…”
“เธอแน่ใจเหรอ” โม่หันถามน้ำเสียงจับผิดพร้อมปล่อยมือออกจากคางของเธอ และในจังหวะที่เธอกำลังจะแอบถอนใจออกมาด้วยความโล่งใจก็ต้องสูดหายใจลึกแทนกับการกระทำของอีกฝ่าย
เขาเลื่อนมือลงมาตามเสื้อเชิ้ตที่เธอสวมอยู่ ก่อนขยับไล้เข้าไปข้างใต้ จากนั้นก็กระชับกอดเอวเธอไว้พลางกดลงน้ำหนักมือบนผิวของเธอ
“พวกเขาได้ทำแบบนี้หรือเปล่า” เขาเกือบจะขบเม้มเข้าที่ใบหูของเธอในขณะที่เขาเอ่ย
ซย่าชิงอีกลัวจนพูดไม่ออก เธอเหลือบมองเขาอย่างต้องการดันมือของเขาออกไป
“หรือว่าพวกเขาทำแบบนี้” เขาว่าพร้อมไล้มือบนผิวเนียนนุ่มขึ้นไปตามแผ่นหลังก่อนหยุดลงที่ตะขอชุดชั้นในของเธอ ออกแรงเพียงเล็กน้อยมันก็ถูกปลดออก
หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อตะขอชุดชั้นในถูกปลดออก เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะทำแบบนี้ มือด้านของเขาลูบไล้ไปทั่วตามแผ่นหลัง ในตอนนั้นเองที่เธอเริ่มดันมือเขาออกอย่างแรง
น่าเสียดายที่เธอสู้แรงของเขาไม่ได้
ความคิดบางอย่างโผล่ขึ้นมาในหัว ทันทีที่เธอตั้งใจจะตบหน้าเขามือทั้งสองก็ถูกเขาจับยึดไว้ เขาดันมือของเธอขึ้นกดมันแนบลงกับบานประตู
“พี่จะบอกเธอให้ ซย่าชิงอี! หลังจากเธอเมา ผู้ชายพวกนั้นคิดจะทำกับเธอมากกว่าที่พี่กำลังอยู่ตอนนี้อีก!”
เธอสัมผัสได้ถึงมือของเขาที่ลูบขึ้นลงไปตามร่างกายของเธอ สัมผัสจากฝ่ามือสากของเขาทำให้เธอสั่นระริกอย่างไม่มีสติ ร่างทั้งร่างสั่นเทาราวกับถูกความอับอายสาดชโลมไปทั่ว ทำให้เธอเริ่มดิ้นหนีสุดแรง
ซย่าชิงอีหวาดกลัวโม่หันในมุมนี้เหลือเกิน เธอหันหน้าไปอีกทางขณะที่น้ำตาร่วงเผาะลงมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
ในที่สุดเขาก็หยุดการกระทำเมื่อเห็นน้ำตาของเธอ เขาค่อยๆ ปล่อยมือจากเสื้อของอีกฝ่าย ตามมาด้วยมืออีกข้างที่กดมือทั้งสองข้างของเธออยู่ ก่อนปล่อยตัวเธอจากการกักกุมของเขา
เขาคิดว่าเธอคงตบหน้าเขาทันที ไม่ว่ามองจากมุนไหนเขาก็ทำเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้
แต่เธอไม่ได้ทำเช่นนั้น
เธอไม่ทำอะไรสักอย่าง น้ำตาไหลลงมาทีละหยดขณะที่เธอยังเสหน้ามองไปอีกทางพลางนวดคลึงข้อมือตัวเองอย่างเงียบๆ
สติของโม่หันเริ่มกลับมา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าทำเกินกว่าเหตุไปเมื่อเห็นท่าทางของเธอตอนนี้
“พี่ขอโทษ…” เขาก้าวถอยหลังขณะยกมือขึ้นกุมหน้าผาก
ซย่าชิงอีกลั้นน้ำตาไว้พลางก้มตัวเก็บรองเท้าบนพื้นช้าๆ เธอก้มหน้านิ่งชะงักอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานก่อนเดินเหม่อลอยห่างเขาไป
เขามองเธอตามไปจากด้านหลัง ฝีเท้าของเธอขยับก้าวไปอย่างเชื่องช้า อาจเป็นเพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กระทบกับจิตใจของเธอเข้าอย่างจัง ท่าทางไร้ชีวิตชีวาขณะที่ก้าวเดินไปข้างหน้า เขาอยากจะรั้งอีกฝ่ายเอาไว้แต่ก็ยอมแพ้เมื่อกำลังจะอ้าปากพูด
โม่หันรู้ทันทีว่าความสัมพันธ์แบบพี่น้องระหว่างเธอกับเขาคงไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไปหลังจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เกิดขึ้น
เธอปฏิบัติกับเขาเหมือนพี่ชายของเธอ เป็นเขาเองที่ก้าวล้ำเส้นเข้ามาก่อน
เขาคิดว่าอย่างน้อยก็ยังดีที่เขารู้เรื่องนี้ก่อน ยังมีเวลาให้ย้อนกลับไป ในที่สุดทุกอย่างจะกลับไปในจุดที่พวกเขาเคยอยู่
เช้าวันต่อมา ซย่าชิงอีก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนเมื่อจางหยางโทรมาเล่าให้ฟังหลังจากเธอตื่นขึ้น เขาส่งแก้วเหล้าให้เธอตอนที่กินข้าวกันเมื่อวาน เธอดื่มมันอย่างไม่ได้สนใจมองและหลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มเมา
จางหยางหัวเราะคิกคักกับตัวเองขณะที่เล่าให้เธอฟัง เขาว่าขึ้น [ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอเมาแล้วจะกัดคนอื่นไปทั่ว ซย่าชิงอี เธอไม่รู้ตัวหรอก แต่เธอทำให้พวกเราเข็ดขยาดไปเลยตอนที่เธอเริ่มดึงคนรอบตัวเข้ามากัดคอ เราจะเข้าไปดึงเธอกลับแต่เธอก็ไม่ยอมให้เราแตะตัวเธอเลย พวกเราโดนเธอกัดที่โต๊ะตั้งสองทีได้มั้ง ไม่มากก็น้อยเนี่ยแหละ]
เธอเอ่ยถาม “แล้วหลังจากนั้นเราไปที่โรงแรมกันได้ยังไงคะ”
ตอนที่ 122 โรงแรม
จางหยางเริ่มพูดพล่ามออกมา [เพราะว่าเธอเมามากต่างหาก ฉันถามเธอว่าบ้านเธออยู่ไหน เธอก็บอกฉันว่าเธอไม่มีบ้าน ฉันเลยใช้สติที่เหลืออันน้อยนิดของฉันหาโทรศัพท์และโทรหาพี่ชายของเธอว่าเธอจะพักที่โรงแรมคืนหนึ่งและจะไปส่งเธอที่บ้านพรุ่งนี้
[ใครจะไปรู้ว่าเธอจะแผลงฤทธิ์ออกมาอีกหลังจากที่เรามาถึงโรงแรม เธอปลุกเพื่อนของฉันมาดื่มต่อในขณะที่ฉันถูกขังอยู่ข้างนอกห้อง]
ซย่าชิงอีโล่งใจขึ้นมานิดหน่อยหลังจากรู้ความจริงจากจางหยางทีละนิด แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงจำอะไรไม่ได้เลยหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ไป ไม่ต้องพูดถึงความสามารถในการควบคุมตัวเองเลย
ไม่แปลกเลยที่โม่หันจะโกรธขนาดนี้หลังจากรู้ว่าเธอเมา เมื่อคิดถึงเขา เธอยังจำสิ่งที่เขาทำกับเธอเหมือนกับควบคุมตัวเองไม่ได้ ท่าทางสั่นกลัวของเธอในความทรงจำที่เขาขืนใจและสัมผัสร่างกายของเธอไปทั่วที่ปรากฏต่อหน้าเขา
เลิกคิดได้แล้ว หยุดคิดเสียที
เช้าวันถัดมา บรรยากาศการกินอาหารเช้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความอึดอัดเมื่อพวกเขาเอาแต่เงียบใส่กันบนโต๊ะอาหาร
ตลอดมื้ออาหาร เธอไม่พูดกับเขาแม้แต่คำเดียว
โม่หันรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร และเขาอยากจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมกับเธอแม้จะรู้ตัวว่าเขาทำผิดกับเธอเอาไว้
“คืนนี้เธออยากกินอะไร พี่จะซื้อกลับมาให้” เป็นเขาที่พูดขึ้นก่อนในตอนที่มื้อเช้ากำลังจะจบลง
เธอส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกค่ะ”
ทั้งสองไม่ได้พูดกันอีกเลย
โม่หันกลับไปทำงานอย่างบ้าคลั่งอย่างไม่ปล่อยให้ตัวเองมีเวลาพักผ่อน ทำให้พนักงานที่บริษัทต่างเดือดร้อนตามกันไปหมดแต่พวกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยประท้วงใดๆ ทั้งการประชุมที่ไม่จบไม่สิ้นและเอกสารกองโตที่ต้องจัดการให้เรียบร้อย ตอนแรกคิดว่าเจ้านายของพวกเขาจะทำงานให้น้อยลงหลังจากกลับจากการพักผ่อนก่อนหน้านี้ ทว่ากลับกลายเป็นอย่างที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้
โม่หันเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพื่ออยากลืมเรื่องที่ทำกับซย่าชิงอีไว้ ตั้งแต่เมื่อวานเขาก็มักจะใจลอย นึกถึงมือของตัวเองที่ลูบไปตามร่างกายของเธอและใบหน้ากลั้นน้ำตาเมื่อเขาปล่อยมือจากเธอ เขาไม่รู้จะหาทางออกให้กับเรื่องนี้อย่างไรจึงใช้เรื่องงานมาเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง
“เธอคิดว่าช่วงนี้ทนายโม่ดูหงุดหงิดไปหน่อยหรือเปล่า วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน พวกเรางานยุ่งตลอดทั้งวันแต่เขาก็ยังบอกว่าเราเลิกงานตามเวลาไม่ได้ ว่าไม่ทันไรก็มีคดีใหม่เข้ามาอีกแล้ว ไม่รวมเอกสารทางกฎหมายกองโตที่ต้องอ่าน ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย” หนึ่งในพนักงานในบริษัทแอบบ่นเงียบๆ กับเพื่อนพนักงานที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ฉันรู้ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันคงได้ตายจริงๆ แน่” สีหน้าขุ่นเคืองใจเผยชัดบนใบหน้าของเธอขณะที่นั่งไข้วห้างดื่มกาแฟในมือ
“คงจะดีนะถ้าวันนี้น้องสาวของทนายโม่แวะมาที่นี่น่ะ” พนักงานคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“เธอมาแล้วทำไมเหรอ”
“ถ้าเธอมามันก็ดีไม่ใช่เหรอ! เธอไม่รู้เหรอว่าเจ้านายของเรามักจะปล่อยให้เราเลิกงานภายในครึ่งชั่วโมงทุกครั้งที่เธอมาที่บริษัท” เธอเอ่ยเสียงตื่นเต้น
ทันใดนั้นพนักงานที่บ่นขึ้นมาคนแรกก็นึกขึ้นได้ “โอ้! เธอพูดถูก! มันเป็นแบบนั้นทุกครั้งเลย!”
“ไม่เพียงเท่านั้นนะ ฉันคิดว่าเจ้านายต้องไปเที่ยวกับน้องสาวแน่ๆ ตอนที่ขอลาหยุดสามวันทั้งที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าเอาไว้”
“จริงเหรอ!”
“ใช่สิ! ฉันได้ยินหลิวจื้อหย่วนพูดว่าน้องสาวของเขาเป็นคนชวนเองเลย”
“โห! ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าเจ้านายต้องสนิทกับน้องสาวมากแน่ๆ พวกเขาไปเที่ยวกันด้วยนี่!”
ทั้งสองคุยกับเงียบๆ ในห้องครัวระหว่างที่ใช้เวลาอันน้อยนิดขณะที่มาชงกาแฟ โดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นโม่หันที่ปรากฏตัวอยู่หน้าประตู
“ฉันไม่รู้ว่าเจ้านายมีน้องสาวด้วย พอเห็นแล้วฉันก็รู้สึกได้เลยว่าเขาเอาใส่ใจดูแลเธอจริงๆ”
“ใช่ๆๆ! ฉันก็คิดแบบนั้น” เธอยังคงพูดไม่หยุด