จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 770 ข้าฝากฝังพวกเขาเอาให้เจ้า
“ดูท่า จวนซื่อจื่อของเราจะจัดงานมงคลแล้ว!” จวินหย่วนโยวหัวเราะออกมาเบาๆ
รั่วจิ่งติดตามเขามาตั้งแต่เด็ก หลายปีมานี้ รั่วจิ่งตัวคนเดียวมาตลอด ตอนนี้หาได้ยากที่เขาจะพบคนที่ชอบ จวินหย่วนโยวย่อมหวังว่าเขาจะมีความสุขเป็นธรรมดา
เมื่อรั่วจิ่งได้ยินซื่อจื่อกล่าวเช่นนี้ กลับรู้สึกอายขึ้นมา “ข้าล้วนฟังคำพูดของหลันซาน นางว่าแต่งงานเมื่อไหร่ ก็แต่งงานเมื่อนั้น!”
แก้มของหลันซานแดงก่ำขึ้นมาทันที รู้สึกอายอย่างมาก “รั่วจิ่ง อย่าพูดเหลวไหล!”
“ข้าพูดเหลวไหลที่ไหนกัน ต่อไปบ้านเราขึ้นอยู่กับเจ้า เจ้าให้ข้าไปทางทิศตะวันออก ข้าจะไม่ไปทิศตะวันตกเด็ดขาด!” รั่วจิ่งเป็นเด็กดีอย่างมาก อยู่ต่อหน้าหลันซานเขากลายเป็นลูกหมาน้อยตัวหนึ่งชัดๆ
องครักษ์เงามังกรและองครักษ์คนอื่นๆได้ยินล้วนพากันเบะปาก “รั่วจิ่ง ข้าดูถูกเจ้า นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นภรรยาคุมเข้ม!” หลงซานเบะปาก
รั่วจิ่งกลอกตามองบน “ข้าพอใจให้หลันซานคุม เจ้าต้องการให้คนคุมก็ยังหาไม่ได้เลย”
“พอเลย ถือว่าข้าไม่ได้พูดแล้วกัน!” หลงซานหมดคำพูด
คนอื่นๆหัวเราะขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่รั่วจิ่งเปิดใจแล้วจะพูดเก่งเช่นนี้
“รอให้เรากลับมาจากการเดินทางไกล ก็จะจัดงานแต่งงานให้กับพวกเจ้า ระยะนี้เจ้าไปจัดระเบียบบ้านใหม่กับหลันซาน เลื่อกคฤหาสน์ให้เรียบร้อย เลือกทุกอย่างที่พวกเจ้าชื่นชอบ เรื่องเงินเบิกจากพ่อบ้านได้เลย นี่คือน้ำใจของข้ากับซื่อจื่อ!” หยุนถิงเอ่ยปาก
รั่วจิ่งตกตะลึงทันที “ซื่อจื่อเฟย ท่านไม่พาข้าไปด้วยหรือ?”
“ซื่อจื่อเฟย นี่ท่านจะไล่เราออกไปหรือ?” ใบหน้าของหลันซานก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงเช่นกัน
“พวกเจ้าเพิ่งจะยืนยันความสัมพันธ์ ย่อมต้องอยู่ด้วยกันให้ดีๆ อันคำว่าไม่พบวันเดียวเหมือนไม่ได้พบกันสามปี ข้าเข้าใจ ดังนั้นครั้งนี้รั่วจิ่งอยู่ต่อ
ในเมื่อพวกเจ้าจะแต่งงานกันแล้ว ย่อมต้องมีบ้านที่เป็นของพวกเจ้าเอง เอาแต่อยู่กับคนจำนวนมากอย่างเรา พวกเจ้าจะไม่สะดวก
อีกอย่างในอนาคตหากมีลูกแล้ว พวกเจ้าก็สามารถอบรมสั่งสอนได้อย่างดี เช่นนี้ล้วนดีสำหรับพวกเจ้าและทุกคน” หยุนถิงตอบ
“ข้าไม่ออกไปตั้งสำนักเอง ข้าจะติดตามซื่อจื่อ!” รั่วจิ่งปฏิเสธทันที
จวินหย่วนโยวมองมาด้วยสายตาเฉือนคม “เจ้าอยากตั้งสำนักเอง ข้ายังไม่ยอมด้วยซ้ำ”
“ความหมายของซื่อจื่อเฟย ต่อไปพวกเจ้าแต่งงานกันแล้ว ถ้าหากจะสนิทสนมแนบแน่น ไม่มีคนอยู่ด้วยมันสะดวกแค่ไหน จวนซื่อจื่อมีองครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับมากมายขนาดนี้มองดูอยู่ พวกเจ้าเองก็ไม่สะดวกเช่นกัน!” ซูหลินที่อยู่ด้านข้างอธิบาย
นางเป็นคนที่มีประสบการณ์มาแล้ว แถมยังมีลูกที่อายุหลายขวบคนหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้ต้องอาย
ใบหน้าของหลันซานแดงไปถึงลำคอ ถูกซูหลินพูดแบบนี้ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ น่าอายมากจริงๆ
รั่วจิ่งถึงได้ตอบสนองกลับมาเช่นกัน เกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน “ก็ได้ เช่นนั้นข้าเข้าใจความหวังดีของจวนซื่อจื่อแล้ว งั้นข้าไปเลือกเรือนที่ใกล้กับจวนซื่อจื่อที่สุด”
“ตกลง!”
ทุกคนพูดคุยสนุกสนาน อาหารมื้อนี้กินด้วยความอบอุ่นและพึงพอใจอย่างยิ่ง
หลังจากกินอิ่มและดื่มจนพอใจแล้ว ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับไป มีเพียงโม่เหลิ่งเหยียนคนเดียวที่ไม่ได้จากไป
เขามองไปทางจวินหย่วนโยว “พวกเจ้าจะออกเดินทางไกล คือจะไปเขตทะเลนิรนามใช่ไหม”
ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการยืนยัน
จวินหย่วนโยวพยักหน้า “ใช่!”
“ข้าจะไปพร้อมกับพวกเจ้า!” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม
“ไม่ต้อง เจ้าจะไปด้วยไม่ได้ เพราะข้ามีเรื่องสำคัญกว่าจะฝากฝังให้เจ้า!” หว่าวคิ้วของจวินหย่วนโยวเคร่งขรึมจริงจังอย่างยิ่ง
“เรื่องอะไร?” โม่เหลิ่งเหยียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ช่วยข้าดูแลลูกสองคนให้ดี แม้จวนตระกูลฟู่จะมีการป้องกันหนาแน่น แต่หากพบศัตรูที่แข็งแกร่ง ก็ยากที่จะปกป้องพวกเขาเอาไว้ได้ ดังนั้นข้าจะฝากฝังพวกเขาเอาให้เจ้า มีเจ้าอยู่ ข้าถึงจะหมดความกังวล!”
นาทีนี้ จวินหย่วนโยว่ไม่ได้แทนตัวเองว่าข้าที่เป็นซื่อจื่อ แต่ใช้คำว่าข้า แสดงให้เห็นถึงคำขอร้องที่มีต่อโม่เหลิ่งเหยียน
ทอดสายตามองไปทั่วทั้งแคว้นต้าเยียน ก็มีเพียงโม่เหลิ่งเหยียนมีกำลังและความสามารถนี้ สามารถปกป้องลูกของเขาได้
การไปเขตทะเลนิรนามในครั้งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่ชัดเจน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสถานการณ์ทางนั้นเป็นอย่างไร ดังนั้นลูกสองคนอยู่ที่นี่จึงปลอดภัยที่สุด
นัยน์ตาสีดำที่เฉือนคมของโม่เหลิ่งเหยียนหรี่ลงเล็กน้อย พยักหน้าอย่างแรง “ตกลง มีข้าอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายพวกเขาได้เด็ดขาด!”
“ขอบคุณมาก!” คำพูดประโยคนี้ จวินหย่วนโยวกล่าวออกมาจากใจจริง
หยุนถิงที่ดูแลลูกสองคนเข้านอนเดินออกมาจากในเรือน บังเอิญเห็นแผ่นหลังของโม่เหลิ่งเหยียนที่จากไปพอดี ได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของเขาเช่นกัน
นางรู้สึกซาบซึ้งใจมาก มีโม่เหลิ่งเหยียนอยู่ หยุนถิงไม่ต้องกังวลจริงๆ
วันรุ่งขึ้น หยุนถิงก็เรียกโม่ฉือชิง หยุนซู หยุนหลีกับซูชิงโยวและคนอื่นๆมา จัดการเรื่องการค้าของแคว้นต้าเยียนรวมไปถึงสี่แคว้น แล้วก็ให้ซูหลินติดต่อกองทัพขนหงส์ที่ก่อนหน้านี้แอบฝึกฝนอย่างลับๆ หลังจากที่เตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ห้าวันหลังจากนั้นหยุนถิงและคนอื่นๆก็ออกเดินทาง
ก่อนออกเดินทาง หยุนถิงเข้าไปในวัง ไม่มีใครรู้ว่านางพูดอะไรกับฮ่องเต้ เพียงแต่หลังจากที่นางออกจากพระราชวัง กองทัพหลวงหนึ่งหน่วยก็ไปที่จวนตระกูลฟู่โดยตรง
ครั้งนี้หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวไม่ได้พาคนไปด้วยมากนัก สิ่งของระหว่างเดินทางก็นำไปน้อยมากเช่นกัน อย่างไรเสียหยุนถิงก็มีมิติ สามารถเติมได้ตลอดเวลา พวกเขามุ่งหน้าไปยังเขตทะเลนิรนามด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
ครึ่งเดือนหลังจากนั้น ก็ถึงงานแต่งงานของหลีอ๋องโม่ฉือหานกับเป่ยตันเสวี่ยองค์หญิงรองแห่งแคว้นเป่ยลี่ สองแคว้นแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี ยิ่งใหญ่เกรียงไกร หรูหราอย่างมาก แถมยังสักการะบูชาหอบรรพบุรุษ กล่าวได้ว่าเป็นขบวนริ้วแดงสิบลี้ที่ยิ่งใหญ่อลังการ
ถนนทั้งสายของเมืองหลวงคลาคล่ำไปด้วยชาวบ้านที่มามุงดู พากันแสดงความยินดี
หลีอ๋องโม่ฉือหานพึงพอใจมาก บรรยากาศการแต่งงานเช่นนี้สง่างามยิ่งใหญ่กว่าตอนที่เขาแต่งงานกับหยุนถิงในตอนนั้น
เพียงแต่ว่าเมื่อพิธีแต่งงานเสร็จสิ้น และถึงเวลางานเลี้ยง เหล่าขุนนางล้วนมากล่าวแสดงความยินดีกับโม่ฉือหาน มีเพียงจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงเท่านั้นที่ไม่มา
โมฉือหานหงุดหงิดโมโหขึ้นมาทันที สองคนนี้จงใจอย่างแน่นอน ไม่ไว้หน้าตัวเองเช่นนี้ แม้แต่งานเลี้ยงแต่งงานของตัวเองก็ยังไม่มาเข้าร่วม
ไม่ใช่เพียงจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงเท่านั้น หยุนไห่เทียนในฐานะที่เป็นแม่ทัพใหญ่ก็ไม่มาเช่นกัน หยุนเฉิงเซี่ยงก็เหมือนกัน ซวนอ๋องให้คนส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้โดยตรง บอกว่ามีงานราชการต้องจัดการไม่สะดวกมา แม้แต่เฉินอ๋องโม่ฉือชิง ก็มามอบของขวัญด้วยตัวเองเท่านั้น แล้วก็กลับไปโดยไม่ได้กินแม้แต่อาหาร
ความคึกคักของญาติสนิทมิตรสหายเมื่อเทียบกับตอนงานแต่งงานเฉินอ๋องโม่ฉือชิงกับโม่หลานแล้ว เงียบเหงาไปไม่น้อย
โม่ฉือหานก็ยิ่งโกรธสุดขีด เจ้าสารเลวพวกนี้ต้องไม่มาเพราะได้รับคำสั่งของจวินหย่วนโยวแน่นอน ไม่มีก็ดี ถึงอย่างไรตนเองก็ไม่สนใจอยู่แล้ว ดูสิว่าจะจัดการพวกเขาในภายหลังอย่างไร
พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว จวินหย่วนโยวก็มาถึงทะเลตะวันออกแล้ว เวลานี้ทุกคนกำลังนั่งเรือลำหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังเขตทะเลนิรนาม
“เรือใหญ่นี่เมื่อไหร่จะถึงเขตทะเลนิรนาม หลายวันนี้ข้าแกว่งไกวไปมาจนดาวลอยเต็มหัวไปหมดแล้ว!” หลงเอ้อบ่น แล้วก็รู้คลื่นไส้อีกครั้ง ไปนอนหมอบอยู่ข้างเรือนและอาเจียนขึ้นมา
“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ เมื่อก่อนร็สึกว่าอยู่บนเรือก็ไม่เลว ตอนนี้กลับรู้สึกว่าบนบกสบายกว่าอีก” หลิงเฟิงกล่าวอย่างเห็นด้วย
องครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับคนอื่นๆมากน้อยก็รู้สึกไม่สบายตัว และอึดอัดเล็กน้อยเช่นกัน
สีหน้าของหยุนถิงก็ซีดเซียวเล็กน้อยเช่นกัน หากแค่วันสองวันก็ค่อยยังช่วย นั่งเรือติดต่อกันสิบกว่าวัน แถมยังอยู่ในทะเล นางก็รู้สึกยืนหยัดไม่ไหวเล็กน้อยเช่นกัน
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมหยุนถิงถึงไม่พาลูกสองคนมาด้วย เขตทะเลนิรนามล้อมรอบไปด้วยทะเล เกาะแห่งนั้นยิ่งอยู่กลางทะเล นางกังวลว่าลูกสองคนยังเด็ก ร่างกายจะทนไม่ไหว ดังนั้นถึงได้ทิ้งพวกเขาเอาไว้
“ถิงเอ๋อร์ ดื่มน้ำแล้วพักผ่อนหน่อยเถอะ ถ้าอย่างไรไปนอนที่ห้องโดยสารครู่หนึ่งดีไหม” จวินหย่วนโยวยื่นถุงน้ำมาให้
“ข้าไม่เป็นไร ท่านพี่ต่างหาก สีหน้าท่านแย่มาก อึดอัดมากใช่ไหม” หยุนถิงกล่าวด้วยความห่วงใย