ตอนที่ 111 เที่ยว
“ฉันจองโรงแรมที่นั่นไว้แล้ว ไปถึงแล้วก็เข้าพักได้วันนี้เลยค่ะ”
“เธอหมายความว่าไง!”
“เมือง F อยู่ติดชายทะเล วิวก็สวย มีน้ำพุร้อนด้วยนะคะ ฉันเห็นจากรูปแล้วช่วงนี้น่าไปเที่ยวมากๆ เลยค่ะ”
ซย่าชิงอีว่าต่อ “พี่เหนื่อยจากการทำงานมาตลอด ฉันอยากพาพี่ออกมาเที่ยวเล่นบ้าง ไม่นานหรอกค่ะ แค่สามวันเท่านั้นเอง คิดซะว่าเป็นวันหยุดของพี่นะคะ”
โม่หันปวดหัวตุบๆ ขึ้นมาทันที “เธอไม่ได้ล้อพี่เล่นใช่ไหมเนี่ย”
เธอรู้สึกว่าเขาคงไม่ชอบการออกมาเที่ยวแบบนี้สักเท่าไร และอธิบาย “ฉันบอกหลิวจื้อหย่วนให้จัดการเลื่อนงานของพี่ในอีกสามวันข้างหน้าเข้ามาให้พี่ทำให้เสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ ถ้าพี่ยังกังวลอยู่ก็โทรไปฝากฝังเรื่องงานกับพวกเขาก็ได้ค่ะ”
“งั้นที่ช่วงนี้เธอไปหาหลิวจื้อหย่วนก็เพราะเรื่องนี้เองเหรอ” เขาตั้งคำถาม
อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของเขา
“แล้วเธอไปเอาเงินมาจากไหน พี่จำได้ว่าไม่ได้ใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตใบที่ให้เธอไปนี่”
“โอ๊ะ ฉันลืมบอกพี่ไปว่าฉันได้งานเมื่อไม่นานมานี้ จางหยางเป็นคนแนะนำให้ฉัน เป็นงานที่สำนักงานนักสืบน่ะค่ะ ค่าตอบแทนไม่เลวเลย ฉันเลยใช้เงินจากค่าแรงของฉัน อีกส่วนหนึ่งฉันยืมมาจากจางหยางค่ะ”
“พี่ให้เงินเธอและเธอกลับยังไปยืมเงินจากคนอื่นเนี่ยนะ” เขาไม่คิดว่าจะยังมีอีกหลายเรื่องที่เธอไม่ได้บอกและปิดบังเขาไว้
“ฉันไม่อยาก…เอาแต่ใช้เงินของพี่นี่คะ” เธอเอ่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ใช้เงินพี่แล้วมันจะทำไมล่ะ ใช้เงินคนอื่นไม่น่าอายกว่าหรือ”
เธอเดาไว้แล้วว่าเขาคงไม่พอใจนักที่เธอพาเขามาที่สนามบินเพื่อไปเที่ยวโดยที่ไม่ได้บอกเขาก่อน แต่ไม่ได้คิดว่าเขาจะโกรธถึงเพียงนี้
เด็กสาวไม่คิดว่าความหวังดีของเธอจะต้องมาลงเอยอย่างไม่คาดฝันแบบนี้ เธอดึงตั๋วเครื่องบินในมือของเขากลับมาก่อนกล่าว “ถ้าพี่ไม่อยากไปก็ช่างมันเถอะค่ะ ฉันไปคนเดียวก็ได้”
“ฉันวางแผนจัดการเรื่องนี้มาตั้งนาน ฉันปล่อยให้มันสูญเปล่าไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างช่วงหลังมานี้ฉันก็อยากพักผ่อนสักหน่อย ฉันไปไม่นานหรอกค่ะ เดี๋ยวอีกสามวันฉันจะกลับมา”
“พี่ไม่ได้บอกเธอว่าจะไม่ไปเสียหน่อย” เขาสบตามองเธอ
ซย่าชิงอีเผยยิ้มกว้างก่อนดึงตัวเขาไป “อย่างนั้นเราต้องรีบไปกันแล้วนะคะ เครื่องจะออกแล้วฉันยังไม่ได้พิมพ์บัตรขึ้นเครื่องเลย”
เธอก้าวตรงไปข้างหน้าไม่หยุดพร้อมลากตัวเขาตามมาด้วยขณะที่กำลังพิมพ์บัตรขึ้นเครื่องบิน เดินผ่านจุดตรวจและมุ่งหน้าไปที่งวงช้างตรงประตูทางออกเพื่อขึ้นเครื่องบิน
“เธอเก็บเสื้อผ้าทั้งหมดมาแล้วเหรอ” เขาถาม
เด็กสาวตบกระเป๋าที่สะพายอยู่ด้านหลังและส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ “ฉันเก็บของมาเรียบร้อยแล้วค่ะ เสื้อผ้ากับของใช้จำเป็นอยู่ในนี้หมดแล้ว ฉันหยิบเสื้อผ้าของพี่มาสองชุดรวมถึงชั้นในของพี่ด้วยนะคะ”
เขามองเธออย่างเอือมระอา มาคิดได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหลังจากเข้ามาในห้องโดยสารและนั่งในที่นั่งของตัวเอง ก่อนหน้านี้เขายังทำงานอยู่ที่บริษัทอยู่เลย ทว่าเพียงในเวลาถัดมาไม่นานเขากลับอยู่บนเครื่องบินกับซย่าชิงอีเพื่อไปเที่ยว
นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้ออกไปเที่ยวอย่างนี้
น่าจะราวๆ สองปีได้แล้ว ครั้งสุดท้ายคือตอนที่ไปกับเฉินโหรวในช่วงที่เธอยังไม่ได้ย้ายไปที่อเมริกา ตอนนั้นเธอจองตัวเขาล่วงหน้าหนึ่งเดือนซึ่งเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขายอมพักงานเอาไว้และไปเที่ยวเล่นที่เมือง R เป็นเพื่อนเธอ
ซย่าชิงอีเห็นท่าทางครุ่นคิดของเขา พลันคิดไปว่าเขาคงกำลังกังวลเรื่องการเดินทางที่กะทันหันแบบนี้ จึงสะกิดบอกเขา “ไหนๆ พี่ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ใช้เวลาให้มีความสุขด้วยกันเถอะนะคะ แค่สามวันเอง พี่ไม่อยู่แป๊บเดียวที่บริษัทไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“คราวหน้าคราวหลังถ้าอยากจะไปเที่ยวไหนบอกก็พี่ล่วงหน้าด้วย”
“บอกพี่ทำไมล่ะคะ บอกไปพี่ก็ไม่มาน่ะสิ”
อีกฝ่ายว่าเสียงดุ “อีกอย่างคราวหน้าต้องใช้เงินพี่ พี่ให้บัตรเธอไว้ใช้นะ”
เธอมุ่ยหน้าเล็กน้อยและบ่นออกมาเบาๆ “ขี้อวด”
“ทำไมถึงไม่บอกพี่เรื่องทำงานพิเศษ”
“อืม… ฉันลืมค่ะ” เธอตอบกลับเร็วๆ
“พี่คิดว่าเธอไม่อยากบอกพี่มากกว่าน่ะสิ” เขาว่า “ถ้าเหนื่อยมากก็เลิกทำซะ ตั้งใจเรียนหนังสือไป เงินแค่นั้นจะเอาไปทำอะไรได้สักเท่าไหร่”
“แต่เงินนั้นก็เอามาใช้จ่ายในการไปเที่ยวครั้งนี้นะคะ มันอาจจะไม่เยอะแต่มันก็มีประโยชน์”
ตอนที่ 112 ตื่น
ทั้งคู่พูดคุยกันไปเรื่อยๆ และในระหว่างนั้นเอง เครื่องบินก็ใกล้ลงจอดที่เมือง F หลังจากลงมาจากเครื่อง โม่หันคว้ากระเป๋าบนหลังของซย่าชิงอีมาถือไว้
เมือง F ไม่ได้ใหญ่มากนัก เป็นเพียงเมืองท่าเล็กๆ ที่ฝนตกตลอดทั้งปี อากาศสดชื่นจากลมทะเลแผ่วเบามาพร้อมกลิ่นเค็มจางๆ ของน้ำทะเลที่โชยมา ที่นี่อากาศเย็นเมื่อเทียบกับเมืองอืนในจีน ลมทะเลอ่อนๆ ที่ปะทะเข้ากับใบหน้าให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนกับทุกส่วนของร่างกายได้ผ่อนคลายลง เธออดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก
เวลาล่วงไปถึงสามทุ่มแล้ว ทั้งสองยืนอยู่ที่ทางออกของสนามบิน ก่อนเขาจะเอ่ยถาม “เราจะไปโรงแรมกันยังไง”
เธอตอบ “ฉันไม่รู้ค่ะ”
“เธอไม่ได้เตรียมการมาล่วงหน้าเหรอ”
“ฉันแค่จองผ่านอินเทอร์เน็ต จ่ายค่าที่พักและก็จำชื่อโรงแรมมาแค่นั้นเอง”
เขามองเด็กสาวท่าทางไม่รู้เรื่องตรงหน้าแล้วพูดขึ้น “ช่างเถอะ เราแค่เรียกแท็กซี่ตรงไปที่นั่นเลยก็พอ”
บนรถแท็กซี่ ทั้งสองคนเริ่มคุยกันถึงสิ่งที่จะทำในวันพรุ่งนี้ ซย่าชิงอีเอนตัวออกไปนอกกระจกรถอย่างเพลิดเพลินกับลมที่โบกโชยมา ก่อนหันไปพูดกับเขาที่นั่งอยู่ด้านข้าง “พรุ่งนี้ไปเล่นที่ชายทะเลกันนะคะ”
โม่หันหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ โรงแรมในโทรศัพท์และว่าขึ้น “เธอว่ายน้ำเป็นเหรอ”
เธอส่ายหัว “ไม่ค่ะ พี่ล่ะคะ”
เขาหันหน้าไปหาอีกฝ่ายก่อนถามกลับ “เธอคิดว่าไงล่ะ”
“อย่างนั้นก็ตกลงตามนี้นะคะ พี่ก็ว่ายน้ำไป ส่วนฉันจะอยู่บนชายหาด นอนอาบแดดและสูดอากาศบริสุทธิ์ริมทะเล” เธอคิดตามอย่างยิ้มแย้ม “อ๊ะ! แค่คิดถึงก็รู้สึกดีแล้วค่ะ”
“แล้ววันถัดไปล่ะ เธอมีแผนแล้วเหรอ” เขาถาม
อีกฝ่ายครุ่นคิดและตอบกลับ “ไม่มีค่ะ เราไปเล่นที่ชายหาดกันอีกดีไหมคะ”
ปกติแล้วถ้าต้องเดินทางไปเที่ยวที่ไหนเขามักจะวางแผนในแต่ละวันเอาไว้เสมอ เขาไม่เคยเดินทางโดยที่ไม่ได้วางแผนแบบที่มาตายเอาดาบหน้าอย่างนี้มาก่อน เขามองท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของซย่าชิงอีที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างอดเป็นกังวลไม่ได้
“เอาน่า! เราค่อยคิดตอนวันมะรืนนี้ก็ได้นี่คะ! วันนี้กับพรุ่งนี้ยังไม่จบสักหน่อย ไว้เราค่อยคุยกันคืนวันพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ” เธอกล่าว
โม่หันที่มักจะยุ่งกับงานตลอดเวลา ทว่าในตอนนี้ที่เขามีเวลาว่างถึงสามวันแต่เขากลับนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรในวันมะรืนนี้ เขาจึงจำต้องทำตามที่เธอว่าอย่างเสียไม่ได้
เช้าวันถัดมา โม่หันตื่นเช้าเหมือนปกติและออกไปออกกำลังกายก่อนกลับมาที่ห้องเพื่อพักผ่อน และพบว่าไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมาจากห้องของซย่าชิงอีที่อยู่ข้างๆ จึงเดินไปเคาะประตู
เจ้าของห้องปรากฏตัวตรงหน้าเขาด้วยท่าทางยังไม่ตื่นดีนัก ชุดนอนตัวโคร่งที่เธอสวมอยู่หล่นลงมาจากบ่าเล็ก เผยให้เห็นสายชุดชั้นในและหัวไหล่ขาวเนียน เขาเสตามองไปทางอื่น สำลักจนหลุดไอออกมา ก่อนเอื้อมมือไปดึงเสื้อเธอขึ้นเบาๆ
“ทำไมพี่ตื่นเช้าจังล่ะคะ” เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเขาทำอะไร หาวหวอดพลางเดินกลับไปในห้องและทำทีเหมือนจะกลับไปนอนบนเตียงอีกครั้ง
“ถ้าเธออยากไปทะเลก็ต้องไปเช้าหน่อย”
“ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ เมือง F ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว คงมีคนไปเล่นที่ชายหาดไม่เยอะมากนักหรอกค่ะ” เธอนอนบนเตียงพร้อมแกว่งแขนขาไปมาด้านข้าง
“จะยังไงเราก็ต้องไปแต่เช้า” เขาจ้องมองขาที่ขยับไปมาของอีกฝ่ายและอดรู้สึกปั่นป่วนในใจไม่ได้ เขาพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะเลื่อนสายตาออกห่างจากเรียวขาของเธอ
ก่อนตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง “เธอรีบเก็บของได้แล้ว พี่ให้เวลาสามสิบนาทีเท่านั้น เดี๋ยวพี่จะกลับไปเอาของและรอเธออยู่อีกห้อง”
อันที่จริงคนฟังอย่างเธอใช้เวลาทำตามคำสั่งน้อยกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะมาเคาะประตูห้องของเขา เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกระโปรงสายเดี่ยวที่เผยให้เห็นหัวไหล่ขาวเนียน พร้อมเชือกที่ผูกรอบเอวของเธอไว้หลวมๆ ชุดกระโปรงเรียบง่ายที่ยาวถึงหัวเข่าเน้นย้ำน่องขาให้ดูเรียวยาว
เธอส่งยิ้มกว้างให้เขาในจังหวะที่ประตูถูกเปิดออก เขากวาดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าและทำหน้าบูดบึ้งใส่
“ทำไมพี่ถึงดูหงุดหงิดนักล่ะคะ” เธอเอ่ยถาม
“เธอจะไปทั้งชุดนี้จริงเหรอ”
“มีอะไรเหรอคะ” เธอมองสำรวจตัวเองอย่างคิดว่าไม่เห็นจะดูไม่เหมาะเลย
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” โม่หันว่าขึ้น