ตอนที่ 119 เมา
หลายวันหลังจากโม่หันกลับมา เขาก็ยังไม่ได้พาซย่าชิงอีไปเลี้ยงอาหารมื้ออร่อยที่ไหน ไม่เพียงเท่านั้นเขากลับงานยุ่งขึ้นมากอย่างไม่รู้สาเหตุ ยุ่งจนเธอคิดว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเธอ
นั่นทำให้เธอไม่พอใจและคิดว่าอาหารมื้อนี้คงได้ถูกเลื่อนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแน่
อย่างไรก็ตามเธอก็ยังมีโอกาสไปกินอาหารตามที่ต้องการเพราะจางหยางพาเธอไปเลี้ยงเพื่อฉลองที่เธอประสบความสำเร็จในการย้ายไปเรียนคณะจิตวิทยา เขายังชวนเพื่อนบางคนของเขามาเป็นพิเศษด้วย
ตอนแรกเธอไม่ได้อยากไปด้วยต้องการอยู่ห่างๆ กับเพื่อนตำรวจของจางหยาง แต่หลังจากนั้นเขาก็บอกว่าพวกเขาเป็นคนจากสำนักงานนักสืบไม่ได้พิเศษอะไร
เธอนึกเปลี่ยนใจขึ้นมาอย่างคิดว่าพวกเขาอาจจะช่วยเธอสืบเรื่องที่เกิดขึ้นที่สระว่ายน้ำวันนั้นได้ พวกเขาอาจจะสามารถหาเบาะแสที่ช่วยสืบสาวหาความจริง
เธอจึงตอบรับคำชวนจากจางหยาง
ทว่าเธอจำไม่ได้ว่าเธอกินอะไรลงไป ไม่รู้ว่าพูดอะไรหรือเจอใครได้ชัดเจนหลังจากวันนั้นเช่นกัน ความทรงจำในคืนนั้นของเธอช่างเลือนรางเหลือเกิน
สิ่งที่พอจำได้ตอนที่เธอยังไม่เมาคือตอนที่จางหยางพูดบางอย่างที่เธอจำไม่ได้กับเธอที่โต๊ะอาหาร
เธออยู่ในอาการมึนงงราวกับลอยอยู่ในทะเล รอบตัวเสียงดังไปหมดอย่างจับไม่ได้ว่าพวกเขาพูดว่าอะไร ก่อนที่ศีรษะจะสัมผัสกับบางอย่างนุ่มๆ
หลังจากนั้นภาพในหัวก็ตัดไป
เวลาผ่านไปเธอก็ได้สติขึ้น เธอตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเคาะประตูรัวๆ ตอนตีตาม
เหตุผลที่เธอถึงจำเวลาได้เป๊ะๆ เป็นเพราะว่ามีบางคนพูดมันออกมาอย่างหงุดหงิดอยู่ข้างเธอตอนที่เธอตื่นขึ้นมาน่ะสิ
ใครมาเคาะประตูตอนตีสามแบบนี้เนี่ย!
ดูเหมือนคนคนนั้นจะลุกไปเปิดประตูพลางก่นด่าไม่หยุด เธอรู้สึกง่วงอย่างไม่น่าเชื่อจนไม่สามารถขยับตัวได้แม้จะรู้สึกตัวแล้วก็ตาม
ไม่ได้ลืมตาขึ้นและไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน มีคนตัวเล็กๆ สองคนเถียงกันอยู่ในหัวของเธอ คนหนึ่งบอกว่าให้รีบลุกขึ้นไปดูว่าตัวเองอยู่ที่ไหนกันแน่ ขณะที่อีกคนบอกให้นอนต่อและทุกอย่างจะเรียบร้อยดีหลังจากตื่นขึ้นมา
ทันใดนั้นเธอก็ถูกปลุกขึ้นมาเมื่อมีน้ำเย็นๆ สาดเข้าบนตัวก่อนที่ชัยชนะจะตกเป็นของคนตัวเล็กๆ คนใดคนหนึ่ง
แสงสว่างจ้ารอบๆ ปรากฏชัดเมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอปิดตาลงเพื่อหลบแสงไฟที่แยงเข้าตา และยกแขนขึ้นเช็ดน้ำออกจากใบหน้าทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ตื่นแล้วเหรอ” ในที่สุดเธอก็เปิดเปลือกตาอย่างยากลำบากและเห็นโม่หันยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยสีหน้าน่ากลัว
ซย่าชิงอีงุนงงเมื่อจ้องหน้าเขาที่ท่าทางเหลือทนอย่างใกล้จะหัวเสียขึ้นเต็มทีและผู้ชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างเขา เธอไม่รู้ว่าจางหยางหายไปไหน รู้แต่เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงและมีผู้ชายที่ไม่เห็นหน้านอนหลับสนิทอยู่บนขาของเธอ
“หลบไป!” โม่หันกระชากร่างของชายคนนั้นออกไป
ในตอนนั้นเอง เธอรู้ตัวว่าคงทำให้ตัวเองเดือดร้อนเข้าเสียแล้ว
เธออ้าปากจะพูดแต่ก็ถูกโม่หันเอ่ยขัด
“กลับเดี๋ยวนี้!” เขาไม่แม้แต่จะให้โอกาสเธอพูด ก้าวตรงเข้ามาจับข้อมือและดึงเธอลงจากเตียง เธอเกือบจะหกล้มเพราะก้าวเดินที่ไม่มั่นคงจากแรงดึงของอีกฝ่าย อยากจะดึงมือกลับเพื่อใส่รองเท้าและเดินเอง
ทว่าเขากลับไม่ให้เวลาเธอใส่รองเท้าด้วยซ้ำ ก่อนหันหน้ามาจ้องตาเธอ “ซย่าชิงอี ถ้าเธอยังยืดยาดอยู่แบบนี้ พี่จะทำให้เธอไม่ได้กลับบ้านอีกเลย!”
คนฟังหวาดกลัวกับสายตาของเขา ถือรองเท้าอย่างระวังไว้ในมือข้างหนึ่งขณะที่อีกข้างถูกอีกฝ่ายดึงไปข้างหน้าจนรู้สึกเจ็บ
เมื่อออกมาจากห้องแล้วเธอจึงรู้ว่ากำลังอยู่ที่โรงแรม
หันมองอีกคนที่พิงกำแพงหน้าประตูห้อง เป็นจางหยางนั่นเอง
เขานอนคอเอียงสลบพร้อมใบหน้าขึ้นสี
ตอนที่ 120 ทำอะไรของพี่
ซย่าชิงอีอยากจะปลุกเขาขึ้นมาถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่โม่หันกลับไม่มองเขาเลย เอาแต่ดึงเธอให้เดินตามไปโดยที่ไม่หันกลับมามองขณะที่พวกเขาเดินออกไป
“ฉันเจ็บมือนะคะ” เธอเอ่ยขึ้นเบาๆ ด้านหลังเขา
เขาเงียบและยังจับข้อมือของเธอไว้แน่น
“หยุดก่อนค่ะ ฉันยังไม่ได้ใส่รองเท้าและตอนนี้ก็เจ็บเท้าด้วยค่ะ” พยายามยื้อเขาไว้ไม่ให้เดินต่อ เธอเพิ่งตื่นและรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน
อีกฝ่ายหยุดและหันมามามองเธอ และอยู่ๆ โม่หันก็ช้อนตัวอุ้มเธอในท่าเจ้าหญิง
ซย่าชิงอีร้องออกมาอย่างตกใจพลางยกมือขึ้นโอบรอบคอเขาทันที ลืมตามองใบหน้าที่ยังโกรธเกรี้ยวของเขา
“พี่ทำอะไรน่ะ!” เธอถาม
“เงียบปากไปเลย”
“ปล่อยฉันลงนะ! ฉันอยากใส่รองเท้าแล้วลงเดินเอง!” เธอเตะขาไปมาในอ้อมแขนของเขา
“ทำตัวดีๆ หน่อยสิ”
เขาวางเธอในรถบนเบาะด้านหน้าข้างคนขับ รอบข้างเงียบสงัดจนได้ยินเสียงลมที่พัดระหว่างทางกลับบ้าน ข้อมือของเธอที่ถูกเขาดึงขึ้นรอยแดง เธอนวดคลึงมันพลางพยายามนึกว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้
บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความตึงเครียดเมื่อทั้งสองเงียบใส่กันตลอดทางกลับบ้าน โม่หันโกรธในขณะที่ซย่าชิงอีกลัวอีกฝ่าย เธอจำได้ลางๆ ว่าเธอก่อเรื่องเดือดร้อนเมื่อคืนและต้องถูกเขาดุเมื่อกลับถึงบ้านอย่างแน่นอน
เป็นอย่างที่คาดไว้ ในจังหวะที่ประตูปิดลงเมื่อมาถึงบ้าน น้ำเสียงเย็นชาไร้อารมณ์ของเขาก็ดังขึ้น “พี่ให้เวลาเธออธิบายพี่มาสองนาที”
“ฉะ… ฉัน… ไม่รู้ค่ะ”
“พี่ไม่ได้อยากได้ยินคำนั้นจากปากเธอ”
“ฉันขอโทษ… ฉันไม่รู้จริงๆ นี่คะ… ฉันจำไม่ได้ แค่ออกไปกินข้าวกับจางหยางและเพื่อนของเขาเท่านั้นเอง…”
“ออกไปกินข้าวเหรอ! กินจนถึงเที่ยงคืนก็ยังไม่กลับมา! รู้หรือเปล่าว่านี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ตีสี่แล้ว! เธอออกไปกินข้าวและลงเอยด้วยการนอนหลับในโรงแรมกับผู้ชายที่ไม่รู้จักเนี่ยนะ! เธอนี่มันแสบจริงๆ ซย่าชิงอี พี่ประเมินเธอต่ำไปสินะ!”
โม่หันก้าวเข้ามาใกล้เธอทีละนิดขณะที่เขาพูด เธอก้าวถอยหลังอย่างกลัวๆ จนพบว่าแผ่นหลังแนบกับบานประตู เธอขยับหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว
“ฉะ… ฉันไม่ได้ตั้งใจ… ฉันคิดว่าคงดื่มแอลกอฮอล์…” เธอจ้องอีกฝ่ายที่ขยับเข้ามาเรื่อยๆ จนเหลือระยะห่างระหว่างกันไม่ถึงสิบเซนติเมตร ท่าทางหวาดกลัว อธิษฐานอย่างแรงกล้าให้สามารถหายเข้าไปซ่อนในประตูได้
เขาสบตาเธอแล้วอยู่ๆ ก็เชยคางเธอขึ้น “พี่บอกเธอหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามดื่มแม้แต่หยดเดียว เธอไม่ใส่ใจคำสั่งของพี่เลยหรือไง”
เด็กสาวมองหน้าเขาขณะที่สั่นกลัว โม่หันที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ไม่เหมือนคนที่เธอเคยรู้จักมาก่อนสักนิด โม่หันที่เธอรู้จักเป็นคนใจเย็นและไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่คนที่จับคางเธออยู่ตอนนี้ดูก้าวร้าวรุนแรงเหลือเกิน
แววตาราวกับเสือที่รอขย้ำเหยื่ออยู่เงียบๆ ทำให้คนถูกมองรู้สึกราวกับจะตายได้ทุกเมื่อ
“ฉันขอโทษค่ะพี่… ฉันยอมรับผิดแล้ว… ฉันจะไม่ทำอีก” เธอกลัวเขาเข้าแล้วจริงๆ
แม้จะพูดอย่างนั้นแต่โม่หันก็ไม่ปล่อยเธอไป เขาวางมืออีกข้างที่ท้ายทอยของเธอ ดันใบหน้าให้แหงนขึ้นจนจมูกของพวกเขาสัมผัสกัน เธอไม่กล้ามองหน้าเขาขณะที่มือสั่นไปหมด
โม่หันกระซิบเสียงแผ่วเบาข้างหูพร้อมโน้มศีรษะลงมา “เธอทำอะไรผิด”
“ฉัน… จะไม่ดื่มแอลกอฮอล์อีกแล้วค่ะ… จากนี้ไปจะไม่แม้แต่จะมองมันเลยค่ะ…” เธอว่าเสียงสั่น
ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ถอยกลับไป กลับดันตัวเธอให้แนบชิดกับบานประตู มือของเขาลูบคางของเธอเบาๆ “เธอทำอะไรในห้องก่อนที่พี่จะไปถึง”