จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 884 ข้าไม่มีโอกาสได้กอดเจ้าเลย

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 884 ข้าไม่มีโอกาสได้กอดเจ้าเลย

“ในจดหมายบอกว่า หงหลิงโดนวางยาพิษที่ตระกูลเก๋อ โดนเก๋อฉีรังแก พี่ชายห้ารีบไปช่วยนางออกมา และให้นางอยู่ที่จวนตระกูลฟู่

เก๋อฮูหยินวางยาพิษในอาหารของหงหลิงจริงๆ แต่อาหารพวกนั้นหงหลิงไม่ได้กินเลยแม้แต่คำเดียว แต่กลับโดนพิษ องครักษ์ลับเองก็ไม่เข้าใจ

หมอยมบาลผู้อาวุโสบอกว่า พิษที่หงหลิงโดนนั้นประหลาดนัก ดูเหมือนพิษร้ายแต่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรือร่างกาย แค่ดูเหมือนสาหัสเท่านั้น

พิษชนิดนี้ถึงจะไม่ได้เป็นพิษแปลกหายากแต่อย่างใด แต่สำหรับหงหลิงที่โดนขังอยู่ในจวนมาตลอด อยากจะไปหามาก็ยากนัก” หยุนถิงพูดเนื้อหาในจดหมายออกมา

คิ้วตาจวินหย่วนโยวฉายแววเย็นเยียบออกมา “ดังนั้นเจ้ากำลังสงสัยว่าหงหลิงวางยาพิษใส่ตนเองรึ?”

“มีความเป็นไปได้เรื่องนี้ องครักษ์ลับที่ส่งไปแอบคุ้มครองนางอย่างลับๆนั้น เรียกได้ว่าคอยคุ้มครองอยู่นอกเรือนอย่างตามติดไม่ห่างไป ไม่ว่าจะอาหารการกินหรือดอกไม้ใบหญ้าที่จัดวาง องครักษ์ลับก็สังเกตไม่คลาดสายตา

มีแค่อย่างเดียวที่มองไม่เห็นคือ ยามกลางคืนที่หงหลิงนอนหลับ เพราะอย่างไรองครักษ์ลับก็เป็นบุรุษ ดังนั้นนางจึงมีโอกาสวางยาพิษแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น

หากนางวางยาพิษตัวเองจริงๆ เช่นนั้นหงหลิงต้องเชี่ยวชาญวิชาแพทย์ดีแน่ และแกล้งใช้ยาพิษที่ดูเหมือนอาการสาหัส มาทำให้พี่ชายห้าเห็นใจและสงสารนางจนพานางออกไป

เพียงแต่ครั้งแรกที่พี่ชายห้าบอกว่าจะพานางจากไป เหตุใดนางไม่รับปาก แต่ครั้งนี้กลับรับปากอย่างง่ายดายเล่า?” หยุนถิงขมวดคิ้วสงสัย

“บางทีอาจเพราะครั้งก่อนนางกลัวจะโดนจับได้ต่อหน้าเจ้าและข้า ดังนั้นครั้งนี้เลยอาศัยจังหวะตอนเจ้ากับข้าไปจากแคว้นต้าเยียนน่ะ มาพิษกำเริบในตอนนี้ จะได้ให้เจ้าห้าสงสาร และไม่มีใครขัดขวางด้วย” จวินหย่วนโยวพูดเน้นใจความสำคัญออกมาทีละคำ

“ท่านพี่พูดถูกแล้ว ตั้งแต่แรกข้าก็รู้สึกว่าหงหลิงผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย เพียงแต่องครักษ์ลับเองก็สืบอะไรไม่เจอ

หากเป็นจริงอย่างที่ท่านพูด นางอยากแต่งงานกับพี่ชายห้าต้องมีจุดมุ่งหมายแน่ นางเก็บงำเรื่องที่ตนรู้วิชาแพทย์ไว้ และจงใจวางยาพิษตัวเอง ช่างโหดเหี้ยมนัก

ดังนั้นจะให้นางแต่งเข้าตระกูลหยุนมิได้เด็ดขาด ท่านพ่อข้าอายุมากแล้ว พี่ใหญ่พี่สะใภ้ก็มิได้เป็นคนเจ้าเล่ห์อะไร พี่ชายห้ามาตกอยู่ในเงื้อมมือนางอีก ไม่ช้าก็เร็วต้องบรรลัยแน่!” สายตางามของหยุนถิงฉายแววเหี้ยมเกรียมขึ้น

ต่างว่ากันว่า สัมผัสที่หกของสตรีนั้นแม่นยำที่สุด นั่นไง หงหลิงร้อนใจทนไม่ไหวและเผยธาตุแท้ออกมา หากมิใช่หมอยมบาลเตือน หยุนถิงคงไม่รู้แน่

ตระกูลเก๋อเห็นลูกสาวลับๆอย่างนางเป็นเหมือนหอกข้างแคร่ เก๋อฮูหยินทั้งด่าทอทุบตีเหยียดหยามนาง ไม่มีทางทำดีต่อนางแน่ แล้วจะให้นางเรียนวิชาแพทย์ได้อย่างไร

ดังนั้นนางต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่ หรือไม่นางเองที่เป็นไส้ศึกของแคว้นอื่น มาเข้าใกล้ตีสนิทพี่ชายห้าแต่แรกนั้นก็ต้องวางแผนมาแล้วแน่

หยุนถิงให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวที่สุด ดังนั้นไม่มีทางยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายพวกเขาแน่

หยุนถิงเขียนจดหมายหนึ่งฉบับทันที และให้ซูหลินส่งออกไปด้วยนกพิราบสื่อสาร

“ท่านแม่ ทำไมท่านดูไม่พอใจเล่า?” จวินเสี่ยวเทียนพลันถามขึ้น

“ใครรังแกท่านแม่ ข้าจะปล่อยหนอนไปกัดเขา” จวินเสี่ยวเหยียนบอกโดยไม่คิดเลย

หยุนถิงเห็นลูกชายหญิงเบื้องหน้าก็ตื้นตันใจนัก ยื่นมือดึงพวกเขาเข้าอ้อมกอด “แม่มิได้ไม่พอใจ แค่เป็นห่วงท่านอาห้าของพวกเจ้า กลัวว่าเขาจะโดนหลอก”

“ท่านอาห้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังจะโดนหลอกอีกรึ?” จวินเสี่ยวเทียนถามอย่างไม่เข้าใจ

“ท่านอาห้าของเจ้าน่ะเป็นหนอนหนังสืออ่อนแอคนหนึ่ง เรียนหนังสือเป็นอย่างเดียว ไม่รู้หรอกว่าจิตใจคนเราน่ะชั่วร้าย” หยุนถิงอธิบายอย่างใจเย็น

“งั้นข้าจะให้หนอนสักหลายตัวกับท่านอาห้า ใครมาหลอกเขาก็ให้หนอนกัดคนผู้นั้นเสีย” จวินเสี่ยวเหยียนเสนอ

หยุนถิงยื่นมือไปเย้าปลายจมูกของเสี่ยวเหยียน “นังหนูน้อยเจ้านี่นะ หนอนน่ะให้เจ้าใช้เพื่อปกป้องตนเอง จะเปิดเผยให้คนอื่นเห็นง่ายๆไม่ได้หรอกนะ”

“ข้าจะจำไว้เจ้าค่ะ ท่านแม่” จวินเสี่ยวเหยียนพยักหน้าหงึกๆ

“รีบพักผ่อนเถอะ” หยุนถิงพาลูกทั้งสองไปอาบน้ำ

จวินหย่วนโยวมองลูกชายหญิงที่อาบน้ำเสร็จแล้วนอนข้างหยุนถิง ซ้ายขวาข้างละคน แล้วเขาจะกอดถิงเอ๋อร์อย่างไรดี

“ท่านพ่อ ท่านเข้าไปด้านในหน่อย นี่ท่านเบียดข้าอยู่นะ” จวินเสี่ยวเหยียนนอนระหว่างหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว เบ้ปากบ่น

จวินหย่วนโยวหน่ายใจ ได้แต่เข้าในด้านในมากขึ้น แต่เตียงของโรงเตี๊ยมเดิมก็เล็กอยู่แล้ว นอนสี่คนมันแออัดไปหน่อย

“ข้าจะให้หลิงเฟิงยกเตียงเข้ามา” จวินหย่วนโยวบอก

“ไม่ต้องหรอก ท่านพี่ลืมแล้วรึว่าข้ามีมิติ ข้าเอาเตียงออกมาอันหนึ่งก็ได้แล้ว” หยุนถิงรีบสร้างเตียงหนึ่งออกมาจากในมิติทันที

“เตียงใหญ่ยิ่งนัก ท่านแม่เก่งมาก!” จวินเสี่ยวเทียนดีใจยิ่งนัก รีบคลานลงจากเตียง วิ่งก้าวน้อยๆเข้าไปทันที

“ทรงกลมนะ สีชมพูด้วย ข้าชอบ” จวินเสี่ยวเหยียนก็วิ่งเข้าไปเช่นกัน

หยุนถิงยิ้มละไมรักใคร่ กำลังจะเข้าไป แต่โดนจวินหย่วนโยวรั้งตัวเข้าอ้อมกอด “ถิงเอ๋อร์ พวกเขาสองคนนอนเตียงใหญ่ พวกเรานอนตรงนี้ดีกว่านะ”

น้ำเสียงแหบพร่า ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงที่คอหยุนถิง ทำเอานางทั้งคันทั้งอุ่น

หยุนถิงแก้มแดงเรื่อทันที “อย่าเล่น ลูกอยู่ด้วยนะ”

“ข้าไม่ได้เล่นนะ แค่อยากกอดเจ้า ระหว่างทางมามีแต่ลูกสองคนกอดเจ้า ข้าไม่มีโอกาสเลย” จวินหย่วนโยวงอน

“พวกเขาเป็นลูกแท้ๆของท่านนะ ท่านยังจะหึงลูกๆตัวเองอีกรึ” หยุนถิงยิ้มหน่ายใจ

“ท่านพ่อหน้าไม่อาย เป็นผู้ใหญ่แล้วยังจะนอนกับท่านแม่อีก” จวินเสี่ยวเหยียนบอก

“ท่านพ่อหน้าไม่อาย ท่านแม่จะนอนกับพวกเรา” จวินเสี่ยวเทียนเสริม

จวินหย่วนโยวมุมปากกระตุก พูดไม่ออก ลูกสองคนนี่กล้าดูถูกตน

หยุนถิงยิ้มพลางผลักเขาออก ลุกขึ้นเดินไปที่เตียงใหญ่ นอนลงไปเลย “ได้ ข้าจะนอนเตียงใหญ่เป็นเพื่อนเสี่ยวเทียนและเสี่ยวเหยียน ให้ท่านพ่อเจ้านอนเตียงเล็กไป

“ได้!” จวินเสี่ยวเหยียนและจวินเสี่ยวเทียนยินดีปรีดายิ่งนัก แต่ละคนกอดหยุนถิงคนละข้าง

จวินหย่วนโยวมองท่าทางสะใจของสามแม่ลูกอย่างหน่ายใจ พลางส่ายหน้าช้าๆ ไม่พูดอะไรอีก แต่ในใจนั้นตื้นตันใจนัก

วันเวลาที่มีความสุขที่สุด ก็คือเห็นภรรยาและลูกๆหัวเราะต่อกระซิก ภาพครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างสุขสันต์อบอุ่น

พวกเขาเร่งเดินทาง ถึงจะเดินทางได้ช้า เหนื่อยแล้วจริงๆ ไม่นานหยุนถิงอุ้มเสี่ยวเหยียนเสี่ยวเทียนไปนอน

จวินหย่วนโยวเห็นพวกเขาเตะผ้าห่มกระจาย ยิ้มมุมปากอย่างรักใคร่ เดินเข้าไปช่วยห่มผ้าห่มให้พวกเขา จากนั้นนอนลงที่ขอบเตียง มองดูจวินเสี่ยวเหยียนที่นอนหลับสนิท แววตาเต็มไปด้วยแววหน่ายใจ

นังหนูนี่มีแต่ตอนหลับ ตนถึงจะได้มองดูนางในระยะใกล้เพียงนี้ ว่ากันว่าลูกสาวจะสนิทกับพ่อที่สุด แต่นังหนูนี่ไม่ใช่

ไม่รู้ว่าโม่เหลิ่งเหยียนมีอะไรดี ทำไมถึงทำให้นังหนูนี่รักขนาดนั้น

แคว้นต้าเยียน

หลายวันผ่านไป นกพิราบนั้นไปหยุดลงที่สวนของจวนซวนอ๋อง

โม่เหลิ่งเหยียนอ่านดูเนื้อหาบนจดหมายในนกพิราบ ยิ้มมุมปาก เขาอ่านเนื้อหาบนนั้นสองรอบ รีบเรียกคนสนิทมาสั่งการ

ทางด้านเจ้าห้ากำลังเตรียมงานแต่ง พลันมีองครักษ์มาที่จวนตระกูลหยุน ท่าทางนั้นทำเอาจวนตระกูลหยุนตกใจยิ่งนัก

หยุนเฉิงเซี่ยงพอได้ยินว่าองครักษ์บุกรุกเข้าจวน ก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องใหญ่แน่ เขาเร่งรุดมาทันที “พวกเจ้าเป็นใครกัน เหตุใดมาจวนตระกูลหยุนของข้า?”

องครักษ์ตัวนำคารวะหยุนเฉิงเซี่ยง “ข้าน้อยคารวะหยุนเฉิงเซี่ยง วันนี้มีคนมาแจ้งความว่า คุณชายเซวี่ยนเก็บซ่อนหลักฐานในการก่อกบฏเอาไว้ วันนี้ข้าได้รับคำสั่งให้มาตรวจค้น!”

หยุนเฉิงเซี่ยงตกตะลึง “เจ้าห้าก่อกบฏ เป็นไปได้อย่างไรกัน ปกติเขาทำแค่ร่ำเรียนหนังสือเขียนบทกวี ต่อให้เขากล้าแค่ไหนก็ไม่กล้าก่อกบฏได้หรอกนะ?”

“ท่านพ่อ พวกเขาปรักปรำข้า ข้าไม่เคยคิดก่อกบฏนะ” เจ้าห้าตะลึง รีบอธิบายทันที

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท