ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 181
แองเจลีนมีออร่าที่ไม่สามารถปิดบังได้ ดวงตาและคิ้วของเธอพกพาความสุขของหญิงสาวที่ถูกประคบประหงมมาตั้งแต่เด็ก มันทั้งดูยโส, มั่นใจ, และรังสีไม่ธรรมดาซึ่งออกมาจากตัวตนของเธอนั้นมันเหมือนนักวิชาการที่อหังการเอามาก ๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนผสมพิเศษของความแข็งแกร่งและความอ่อนโยนที่สลักลึกอยู่ในรากของเธอ หรือออร่าที่โดดเด่นและบริสุทธิ์อย่างเหลือเชื่อของเธอ เธอก็เป็นคนที่น่าทึ่งที่สุด
โรส ในอีกด้านหนึ่ง สวมเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน เธอดูเศร้าโศกและมีสายน้ำตาไหลลงมาจากใบหน้า เธอมีความงดงามและร่างกายที่น่าเย้ายวนอย่างแท้จริง แต่ข้อได้เปรียบทุกอย่างที่แสดงอยู่บนเธอนั้นเหมือนความผิดพลาดโดยบังเอิญจากการสรรสร้างจากพระเจ้า
เธอสำเร็จในการปกปิดคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมของเธอและเน้นด้านที่ไม่ได้รับการขัดเกลาของเธอให้ชัดขึ้นในฐานะสาวบ้านนอก
เจ็ดปีก่อน แองเจลีนและโรสนั้นตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง
ความประหลาดใจอย่างสุดแสนปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของเจย์ ทำไม หลังจากเจ็ดปีให้หลัง ทำไมโรสถึงได้สะท้อนเงาอันสดใสมากมายที่เป็นของแองเจลีน?
ในตอนที่เขากำลังจะหลุดเข้าไปในภวังค์ เสียงแตรรถก็ดังขึ้น
เมื่อเจย์หลุดออกมาจากความฟุ้งซ่านได้ เขาก็เห็นรถของแองเจลีนคว่ำ มันกระแทกกับไหล่ทางและกลิ้งตกหน้าผาไป โรส ยังไงก็ตาม เธอหายไป
“ย้อนกลับไป เกรย์สัน!” เจย์จ้องที่จอขนาดใหญ่ด้วยความตั้งใจอย่างสูง
เกรย์สันย้อนคลิปกลับไปถึงช่วงที่รถของแองเจลีนพังลงแล้วกดเล่น
ในตอนนั้น รถสีแดงของแองเจลีนเริ่มสั่นอย่างรุนแรง ยางใต้ที่นั่งคนขับเริ่มปล่อยควันออกมา ผู้ที่นั่งเบาะคนขับ แองเจลีนพยายามเปิดกระจกออกเพื่อจะออกมา แต่มันไม่ขยับเขยื่อน แองเจลีนยังทุบกระจกหน้าต่างด้วยความตื่นตระหนก ความหมดหวังและท้อแท้คืนคลานบนใบหน้าที่เคยสุขุมของเธอ
เธอดึงมือถือขึ้นมา ไม่มีทางรู้ว่าเธอกำลังโทรหาใคร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโทรติดไหม แต่เจย์รู้จากการขยับปากว่าเธอนั้นร้องคำว่า ‘เจย์’ ออกมา
หลังจากพบเจอช่วงเวลาของความตื่นตระหนกและความหมดหวังอยู่ไม่นาน รถก็พลันพลิกคว่ำแล้วกระแทกกับไหล่ทางข้างมัน ในทันใดนั้น โรสก็ยังเอิญเดินไปข้างหน้าของรถสีแดง
เมื่อรถของแองเจลีนกลิ้งลงหน้าผาไป โรสก็หายไปแล้ว
คลิปเล่นต่อไป แต่สมองของเจย์หยุดทำงานไปเรียบร้อยแล้ว
ดวงตาของเขา ซึ่งเคยมีชั้นน้ำแข็งเกาะมานานตลอดหลายปี พลันถูกหลอมละลายกลายเป็นน้ำตาที่ใสสะอาดแล้วไหลลงมา
วันนี้ เขาได้ดูเหตุการณ์ที่เขาไม่เคยมีความกล้าพอที่จะดูมาตลอดหลายปีและเข้าใจในที่สุดว่าแองเจลีนรู้สึกหมดหวังและท้อแท้มากเพียงใดในตอนที่เธอกำลังจะตาย เธอหวังอย่างมากว่าจะได้ยินเสียงของเขาในช่วงสุดท้ายของชีวิต วันนั้น เขากำลังมีประชุมที่สำคัญมากในห้องประชุม ดังนั้นมือถือของเขาจึงถูกปิดไว้
เมื่อเขาเปิดมือถืออีกครั้งหลังจากจบการประชุมแล้วพบสายที่ไม่ได้รับ 13 สายจากเธอเขาก็พลันรู้สึกกระวนกระวายและกลัวอย่างบอกไม่ถูก
เขานึกไปถึงภาพวาด ‘พระกายาหารมื้อสุดท้าย’ ที่ซึ่งพระเยซูถูกทรมานอย่างโหดร้ายหลังจากได้ทานอาหารกับสาวกทั้ง 12 ของพระองค์ เลข 13 นั้นเป็นเลขลางร้ายสำหรับทั้งเขาและแองเจลีน
เขาจำได้ว่ามือของเขาเริ่มสั่นเมื่อเขาถือมือถือในขณะที่โทรกลับไปหาแองเจลีนอย่างกระวนกระวาย โชคไม่ดี มันกลับมีเสียงตอบกลับว่า “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้”
ในตอนนั้นเอง ทุกอย่างก็พลันมืดลงแล้วเขาก็แทบจะทรุดลงกับพื้น
ในเวลาไม่นาน ข่าวที่ร้ายกาจเกี่ยวกับอุบัติเหตุของแองเจลีนก็ได้รับการยืนยัน เขา ยังไงก็ตาม ไม่ได้หลั่งน้ำตาเลยสักหยด เขานั่งอยู่ในบาร์แล้วดื่มจนหลงลืมทุกอย่าง ต่อมาเขาถูกส่งตัวไปยังแผนกผู้ป่วยหนักสำหรับผู้แพ้แอลกอฮอล์ เมื่อเขาออกมาจากโรงพยาบาลในสามวันให้หลัง ขบวนงานศพของแองเจลีนก็จบลงไปแล้ว
ทุกครั้งที่เขานึกถึงแองเจลีน ความทุกข์ทรมานจะเข้าครอบคลุมเขา เขาไม่ใช่ชายที่ชอบการแสดงอารมณ์ความรู้สึก มีผู้หญิงมากมายที่รายล้อมเขา แต่ไม่มีสักคนที่เขาแม้แต่จะเหลือบมอง