“ฉันเป็นอะไรสำหรับคุณกันแน่คะ” เธอเอ่ยถามนายน้อยสาม
อีกฝ่ายมองเธอและว่าขึ้น “เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าตลอดหลายปีมานี้ หลายอย่างคงเป็นไปไม่ได้หากไม่มีเธอ มันไม่สายไปหน่อยเหรอที่จะมาถามเอาตอนนี้”
“ถ้าฉันไม่อยู่ก็คงมีคนอื่นที่คอยทำสิ่งเหล่านี้ให้คุณอยู่แล้ว”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” เขาถามกลับ
“ฉันกำลังจะบอกว่าฉันคงไม่เหมาะที่จะทำงานนี้ต่อไปแล้วล่ะค่ะ”
“จะบอกว่าเธออยากเลิกอย่างนั้นหรือไง!”
“เปล่าค่ะ ฉันไม่เคยคิดจะจากไปไหน คุณเองก็ทราบดีว่าฉันออกไปจากที่นี่ไม่ได้หรอกค่ะ แค่คิดว่าฉันสามารถไปทำงานในส่วนอื่นได้ ตลอดหลายปีที่ฉันคอยอยู่เป็นมือขวาของคุณ มีคนมากมายที่หมายตาตำแหน่งนี้ไว้มานานและฉันก็ควรที่จะถอนตัวออกมาได้แล้ว”
“คิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่เหรอ! เธอคบหากับไอ้เด็กนั่นอยู่ใช่ไหม และตอนนี้เธอก็อยากจะอยู่กับเขาสินะ! ฉันจะบอกเธอให้ว่าอย่าแม้แต่จะคิด!”
“ฉันไม่ได้คบกับเสียวเหยี่ยอยู่ค่ะ คนที่ฉันรักคือคุณต่างหาก” เธอพูดออกมาในท้ายที่สุด
เธอไม่ได้มองท่าทีของเขาที่มองมาที่เธอ ทว่าเธอก็เดาได้ไม่ยากนักเพราะเขาเงียบไปนานหลังจากนั้น
“ฉันรู้นิสัยคุณดีค่ะ ฉันจะถอนตัวออกมาเอง”
คงจะดีกว่าหากพูดออกมาให้ชัดเจน เธอจะได้ไม่ต้องอยู่เคียงข้างเขาจนไม่สามารถปล่อยความรู้สึกของตัวเองให้จางหายไปได้
“ถอนตัวเหรอ ไปจัดการเรื่องสินค้าให้หัวหน้ารองก่อนแล้วกัน” เขาเอ่ย
หากแต่เธอไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้จะเป็นไปด้วยความยากเย็นขนาดนั้น ด้วยคิดมาตลอดว่าตัวเองในวัยสิบเอ็ดปีได้ผ่านประสบการณ์ความเจ็บปวดทั้งหมดในโลกใบนี้มาแล้ว เธอบอกตัวเองให้ผ่อนคลายมากขึ้นกว่าในค่ำคืนมืดมิดครั้งนั้นที่คงไม่มีสิ่งใดบนโลกที่จะเลวร้ายไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
ทว่าเมื่อเธออายุได้ยี่สิบปี ตอนนั้นเองที่ได้รู้ว่ายังมีสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นในโลกใบนี้
เมื่อการขนส่งสินค้ามีปัญหาเกิดขึ้น
สินค้าถูกส่งไปไม่ถึงท่าเรือได้ทันเวลาที่คาดไว้ เธอและนายน้อยสามฝ่าลมทะเลออกไปในยามค่ำคืนเป็นเวลานานและไม่ทันได้เห็นฝ่ายตรงข้ามก่อนที่จะรู้ตัวว่าถูกหลอกเข้าให้เสียแล้ว
เมื่อพวกเขากลับมา นายน้อยสามดูโกรธมากเสียจนไม่มีใครกล้าพูดคุยกับเขา เธอรู้จากคนรู้จักในตอนที่ไปดื่มด้วยกันเพียงว่าข้อมูลการขนส่งสินค้าถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลอื่นขโมยไป ทุกคนที่ดูแลการขนส่งถูกฆ่าทิ้งในคืนนั้น
และยังรู้อีกว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด เป็นศัตรูตัวฉกาจของนายน้อยสาม หวังเซิง
เขาและนายน้อยสามเป็นคู่ปรับกันมานานเพราะความขัดแย้งในอดีต ในตอนนั้นเขาเป็นหัวหน้าของอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งนายน้อยสามต่อกรด้วยในตอนที่อายุน้อยกว่านี้
ตอนนั้นเขายังไม่ได้ถูกเรียกว่ายาพิษหมายเลขสาม ฝ่ายตรงข้ามมีคนมากกว่าถึงสามเท่าแต่เขาและคนของเขายืนหยัดต่อสู้กับอีกฝ่ายด้วยท่อนเหล็ก จนทำให้หวังเซิงต้องสูญเสียดวงตาไปหนึ่งข้าง หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะหายไปในกลีบเมฆอยู่นาน
เธอบังเอิญรู้เรื่องหวังเซิงจากคนรอบตัวเมื่อสามปีก่อน พวกเขาบอกว่าหวังเซิงหนีไปกบดานที่ห้องเช่าเล็กๆ หลังจากที่เขาตาบอดไปหนึ่งข้างและไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีกเลย
ไม่คิดว่าชื่อของเขาจะถูกนำมาพูดถึงอีกครั้งในอีกหลายปีให้หลัง
การขนส่งสินค้าครั้งนี้สำคัญมากจนนายน้อยสามไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ เขารีบติดต่อกับหวังเซิงและนัดพบที่ชั้นใต้ดินของโกดังแห่งหนึ่ง ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะไปเพียงลำพังโดยไร้ซึ่งลูกน้องและอาวุธติดตัว
นายน้อยสามทำตามที่ได้ลั่นปากทางโทรศัพท์ไว้ เขาสั่งไม่ให้เธอตามเขาไปและอยู่รอฟังข่าวนิ่งๆ
แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น มีเพียงเทปบันทึกภาพที่ฉายให้เห็นว่าหัวหน้ารองและนายใหญ่ถูกหวังเซิงจับตัวขังไว้อีกที่หนึ่ง เขากลับมาพร้อมข่าวนั้น
ข่าวที่เป็นเหมือนภาพฝันร้ายที่แจ่มชัด
หัวหน้ารองและนายใหญ่เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับนายน้อยสาม พวกเขาเป็นหัวหน้าของกลุ่มแต่ในตอนนี้เหลือเพียงนายน้อยสาม การขนส่งไม่เป็นไปตามแผน หัวหน้าของพวกเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของหวังเซิง มันเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่เคยมีมาตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ที่นี่
นายน้อยสามเอาแต่นั่งก้มหน้าสูบบุหรี่อยู่บนโซฟาตั้งแต่ที่เขากลับมา ก่อนที่เธอจะเอ่ย “หวังเซิงเรียกร้องอะไรจากคุณหรือเปล่า เขาต้องการจะข่มขู่คุณเหรอ”
“มันบอกว่ามันอยากให้คนรอบตัวของฉันตายก่อน แล้วมันค่อยมาควักลูกตาของฉันออกด้วยตัวเองก่อนที่จะมองฉันตายด้วยความทรมาน” เขาพ่นวงควันบุหรี่ออกมา
“คุณอยากให้ฉันไปพบเขาหรือเปล่าคะ” เธอว่าขึ้น
เขาบี้ก้นบุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่ “ไม่มีประโยชน์ คนที่มันต้องการจัดการคือฉัน เธอไม่ต้องเข้ามายุ่ง”
“ให้ฉันไปเถอะ นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ต่อไปฉันก็คงไม่มีโอกาสอีก”
อีกฝ่ายลุกขึ้นและมองมาที่เธอ “เธอรีบร้อนจะไปจากฉันขนาดนี้เลยเหรอ”
“ฉันรู้ว่าคุณเองก็ไม่ชอบให้คนอย่างฉันอยู่ข้างๆ หรอกค่ะ”
“เธอคิดว่าตัวเองรู้จักฉันดีนักเหรอ” เขาเอื้อมมือเชยคางเธอพร้อมจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ น้ำเสียงเย็นยะเยือก ในขณะที่เธอฝืนท่าทีให้สงบนิ่งและมองเขากลับไป
อีกฝ่ายพ่นลมหายใจรินรดใบหูของเธอและพูดหยอกเย้า “เธอชอบฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันถึงไม่รู้”
ไม่รู้ว่าเป็นเพียงความรู้สึกหรือว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ กันแน่ แต่เธอสัมผัสได้ถึงริมฝีปากของอีกฝ่ายที่ขบเม้มที่ใบหูของตัวเอง จังหวะหัวใจเต้นระรัว แม้รู้ว่าไม่มีทางที่เขาจะชอบเธอแต่ก็ไม่อาจเข้าใจการกระทำของเขาในตอนนี้ได้เช่นกัน
หรือว่าจะเป็นเพียงการล้อเล่นกับเธอกัน
“นายน้อยสาม ตอนนี้ไม่ใช้เวลาที่จะมาทำแบบนี้นะคะ” เธอปิดตาลงเพียงครึ่งเดียวพร้อมน้ำเสียงเรียบเฉย
เขาไม่ตอบเธอ “ฉันสงสัยมาตลอดว่าเธอโปรยยิ้มต่อหน้าผู้ชายคนอื่นได้ แต่พอมาอยู่ต่อหน้าฉันกลับไม่กล้าแม้แต่จะสบตา นี่คือสิ่งที่เธอบอกว่าชอบฉันอย่างนั้นเหรอ”
เธอนิ่งเงียบ
ทันใดนั้นเองมือของเขาก็จับเข้าที่เสื้อผ้าของเธอ “ขึ้นเตียงกับฉันสิ”
เธอหันขวับมามองฝ่ายตรงข้าม เขากดร่างของเธอไว้ในขณะที่ใช้มือกระชากเสื้อผ้าของเธอออกอย่างแรง เธอรีบตะปบที่มือของเขาอย่างพยายามหยุดรั้งไว้ ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองไปที่เขา
เขาไม่ได้ทำต่อก่อนจะปล่อยมือทั้งสองข้างออกพร้อมแสยะยิ้มขึ้น “เธออยู่กับฉันมากี่ปีแล้ว เจ็ดปีแล้วใช่ไหม ทำไมฉันถึงไม่สังเกตมาก่อนนะ” เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง หยิบบุหรี่อีกมวนขึ้นมาคีบไว้ในมือและกลับไปมีท่าทีเย็นชาและห่างเหิน ท่าทางเหนื่อยล้า ก่อนที่จะว่าขึ้น “ออกไปได้แล้ว ฉันจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ถ้าต้องการเธอเมื่อไหร่ฉันจะเรียกเอง”
เธอยังไม่เข้าใจนักว่าเขาไม่ต้องการเธอหรือไม่อยากให้ดึงเธอมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้กันแน่ ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือทำตามแผนของเขาและรอรับคำสั่ง แต่ทว่าเธอก็รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าเรื่องนี้คงจบลงไม่ง่ายนัก
ในท้ายที่สุดสิ่งที่เธอคิดก็เป็นจริง
เว้นเสียแต่ว่าเธอรู้เรื่องนี้ในเวลาที่สายเกินไปเสียแล้ว
หลายสิ่งหลายอย่างถูกปกป้องไว้ไม่ได้
หลังจากเดินจากนายน้อยสามมา เธอรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลาและเหม่อลอยอยู่บ่อยครั้ง เสียวเหยี่ยยากจะทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นเมื่อเห็นใบหน้ามุ่ยของเธอ เขาลากเธอมากับเขาและบอกว่ามีบางอย่างจะให้
เขาพาเธอมาที่ร้านสัก กดตัวเธอให้นั่งลงที่เก้าอี้และหยิบรูปภาพจากลิ้นชักออกมาวางบนมือเธอ
เธอทำเพียงเหลือบมองครู่หนึ่งก่อนที่จะชะงักไปทั้งร่าง
ไม่รู้ว่าเสียวเหยี่ยวาดมันได้อย่างไร เส้นร่างของเงาแผ่นหลังของนายน้อยสามและตัวเธอเองปรากฏในสายตา แม้ว่าจะมองเห็นไม่ชัดนักแต่หากมองใกล้ๆ ก็จะพบว่าเป็นรูปแผ่นหลังของเขาและเธอที่อยู่เคียงข้างกัน
เสียวเหยี่ยยิ้มและถามเธอว่าอยากจะสักที่ด้านหลังของเอวหรือไม่
ตอนนั้นเองที่เธอนึกขึ้นได้ว่ายังมีรอยแผลเป็นลึกที่ได้มาจากการใช้มีดฟันตัวเองหลงเหลืออยู่ที่ด้านหลังเอว ไม่กี่วันก่อนเสียวเหยี่ยยังบอกเธอว่าควรจะไปเอามันออกเพราะการที่ผู้หญิงมีรอยแผลเป็นคงจะดูไม่ดีนัก
เธอจ้องมองรูปภาพในมือ ภาพร่างนั้นดูสวยงาม เธอสัมผัสลงบนเส้นร่างแผ่นหลังของนายน้อยสามก่อนขยับไล้ไปตามเส้นนั้น
บางครั้งก็ยอมรับว่าเสียวเหยี่ยเข้าใจเธอมากกว่าตัวเธอเองเสียอีก เข้าใจว่าเธอยังคงรักนายน้อยสามอยู่
เธอพยักหน้ารับในท้ายที่สุดและปล่อยให้เสียวเหยี่ยสักรูปนั้นลงบนผิวของเธอ ระหว่างที่ทำเขาถามเธอว่าเจ็บหรือไม่ ก่อนที่เธอจะส่งยิ้มให้อีกฝ่าย ความเจ็บที่ได้รับนี้ทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้เพียงเท่านั้น
สองวันให้หลังจากนั้น นายน้อยสามเข้ามาพร้อมกับแผนการ หวังเซิงติดต่อมาและต้องการให้เขาไปพบเพียงลำพังที่ชั้นใต้ดินของโกดังเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ เว้นเสียว่าครั้งนี้นายน้อยสามจะแอบนำคนไปกับเขาด้วย
ลูกน้องสองคนถูกมอบหมายหน้าที่นี้ให้ คนหนึ่งเป็นผู้ติดตามของเขาและอีกคนเป็นคนขับรถ เธอไม่ได้ตามเขาไปและถูกสั่งให้อยู่ในตรอกใกล้ๆ บริเวณนั้นเพื่อติดต่อกับคนอื่นๆ หากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขาเธอต้องเป็นคนแรกที่รีบเข้าไปช่วย
ทว่าเธอไม่คิดว่าคนขับรถที่นายน้อยสามพาไปด้วยคือเสียวเหยี่ย เขามอบหมายให้เด็กหนุ่มเฝ้าสังเกตการณ์พวกเขาจากที่ไกลๆ แต่เธอกลับรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เสียวเหยี่ยไม่ช่ำชองในการต่อสู้ เขามักจะอยู่ข้างๆ เธอและทำงานเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับมอบหมายงานจากนายน้อยสามอย่างเป็นจริงเป็นจัง
ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงให้เสียวเหยี่ยไปกับเขา แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยปากถามเพราะไม่มีใครที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจได้ ด้านคนได้รับคำสั่งเองดูไม่ได้ใส่ใจมากนัก และยังบอกกับเธออย่างมีความสุขอีกว่าในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์บ้างเสียที เขาอาจจะใช้โอกาสนี้สร้างผลงานได้และคนรอบตัวจะได้เรียกเขาว่าพี่ใหญ่เมื่อเขากลับมา
เธอกำชับเขาว่าให้โทรหาทันทีหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เธอจะอยู่ดูต้นทางใกล้ๆ และรีบเข้าไปช่วยเขา
อีกฝ่ายส่งยิ้มให้และย้ำกับเธอว่าจะไปเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถได้ เขาสามารถขับรถหนีออกมาได้ทันทีหากเกิดอะไรขึ้น