จากที่ผมได้ลองอ่านแผ่นที่มาแล้ว ดูเหมือนว่าที่ดินของตระกูลเจเนซิสจะกว้างขวางมากเป็นพิเศษ โดยดินแดนนี้จะแบ่งเป็นโซน เหนือ ใต้ ออก ตก และกลาง ส่วนกลางคือคฤหาสน์ของตระกูล และทั้ง 4 ทิศหลักก็จะเป็นเมืองที่อยูใต้อาณัติของเจเนซิส ระหว่างทางก็มีหมู่บ้านอยู่บ้างประปราย
คาดการณ์ระยะเวลาการเดินทางแล้ว ด้วยรถม้าที่โคตรเร็วของตระกูลคงจะไปกลับเมืองเหล่านี้ได้ภายใน 2 ชั่วโมง แต่ถ้าเดินเท้าคงจะใช้เวลาอย่าต่ำ 12 ชั่วโมง..
รถม้าตระกูลเรามันติดสปีดรึไงฟระ..
เอาเถอะ ที่ที่ผมจะไปต่อคือทางตอนเหนือของคฤหาสน์ งั้นก็คงเป็น…
“ที่เราต้องไปคือเมืองท่าออลการ์ดหรอ? หลังจากนั้นก็ต้องต่อเรือไปที่ฟากราฟ ส่วนจุดหมายคือที่ที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่.. คงจะเป็นอัฟฟาตรงนั้น ”
“ว่าไปแล้วพวกญาติของแม่นี่คือเอล์ฟหมดเลยสินะ ถ้าไปถึงแล้วจะต้องทักทายยังไงดีวะเนี่ย ”
ผมเกาหัว ก่อนจะสายหัวไปมา ตอนนี้เวลาใกล้คจะค่ำเต็มทีแล้ว และผมเองก็ออกจากบ้านมานานมากแล้วด้วย จำได้ว่าข้างหน้านี่มีหมู่บ้านที่ชื่อว่าอัสรันอยู่ เป็นหมู่บ้านทางผ่านไปสู่เมืองออลการ์ด
เมื่อผมได้เริ่มออกเดินทาง ผมสังเกตเห็นว่าถนนของดินแดนนี้ทำออกมาได้เป็นระเบียบมาก ในตอนที่ผมเดินไปผมก็สามารถเลียบทางเดินไปตามถนนได้เลย บางครั้งก็จะมีรถม้าผ่านมาบ้างประปราย ดูเหมือนว่าจะมีขุนนางเข้าออกตระกูลเราค่อนข้างบ่อยเลยล่ะ
ผมรู้สึกดีนะ ที่ได้ค่อยๆซึมซับบรรยากาศการเดินทางในต่างโลกแบบนี้ แม้มันจะพึ่งเริ่มต้นขึ้นก็ตาม
ทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในเขตของหมู่บ้าน ผมก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และดูเหมือนว่าข้างในเองก็ดูจะไม่ค่อยมีคนด้วย..
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านนี้กันเนี่ย?
บรรยากาศข้างในค่อนข้างวังเวงพอสมควร บวกกับช่วงเวลาที่ใกล้ค่ำแบบนี้แล้วมันยิ่งหลอนยิ่งขึ้นไปอีก ในบ้านภายในหมู่บ้านนี้ ไม่มีที่ไหนเปิดไฟเลยเว้นแต่โรงเตี๊ยมที่หนึ่งที่ยังมีไฟสว่างอยู่ เห็นดังนั้นผมจึงรีบเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมเพื่อขอจองห้องพักทันที
“ สวัสดีครับ ”
ข้างในสภาพค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ได้มีการตกแต่งอะไรมากนัก ที่ชั้นแรกจะเป็นร้านอาหาร ส่วนชั้นสองจะเป็นห้องพักเล็กๆ ทันทีที่ผมเข้ามาภายใน ผมก็ได้ยินเสียงบางอย่างคล้ายกับของตก
เมื่อผมมองไปยังเคาท์เตอร์ต้อนรับท่เป็นเสมือนบาร์เหล้าไปในตัว ก็ต้องพบกับคุณลุงวัยกลางคนที่สวมผ้าปิดตาข้างซ้าย เขามองมาที่ผมด้วยความตกใจ จนทำให้เขาเผลอทำแก้วเบียร์ที่กำลังเช็ดอยู่ตกลงพื้น
ทำเอาเขาต้อนรับแทบไม่ทัน
“ ย- ยินดีต้อนรับครับ! ฮ่าๆๆ ” อลัน
“ ต้องการห้องพัก หรือทานอาหารดีครับ ” อลัน
ผมกวาดตามองรอบๆ ดูจากสภาพแล้วมันไม่ค่อยจะมีคนมาที่นี่สักเท่าไหร่ มีฝุ่นเล็กน้อย ผมเมินสิ่งพวกนั้นก่อนจะไปนั่งตรงหน้าเจ้าของที่บาร์
“ ห้องพัก 1 ห้องครับ ”
“ สักครู่นะครับ ” อลัน
ระหว่างที่เขากำลังหยิบกุญแจห้องให้นั้น จังหวะนั้นผมก็ได้ถามในสิ่งที่สงสัยออกไป
“ ขอถามหน่อยนะครับ.. คือว่าที่นี่ คนหายไปไหนหมดหรอครับ? ”
เมื่อผมได้ถามคำถามออกไป ก็มีลมเย็นพัดมาจากข้างนอกซึ่งภายนอกนั้นได้มืดลงไปแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน สายลมกรรโชกได้พัดเข้ามาอย่างรุนแรง ในอีกทางหนึ่งผมก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรที่น่ากลัวกำลังมาทางนี้ ลางสังกรณ์นั้นทำเอาผมเหงื่อตกเลย
เจ้าของโรงเตี๊ยมที่รู้ดีว่าอะไรกำลังมา เขารีบวิ่งไปปิดล็อคประตูหน้าต่างพร้อมกับใบหน้าและท่าทางที่แตกตื่นเป็นอย่างมาก
เพียงชั่วอึดใจที่เขาปิดประตูกับหน้าต่างไปนั้น เมื่อผมมองลอดผ่านหน้าต่างที่ทำจากกระจกใสในบางส่วนออกไป ผมเห็นเป็นตัวประหลาด ที่มีหัวเป็นกวางมูส ดวงตาสีแดงก่ำส่องแสงในที่มืด มันยืนสองขา ทั้งร่างกายมันที่คลายคลึงกับมนุษย์นั้น ยังเป็นร่างที่เน่าเปื่อยอีกด้วย
เจ้าสิ่งที่อธิบายไม่ได้นั่น มันทำเอาผมขนลุกไปหมดเลย
‘ นั่นมันเหมือนกับ.. เวนดิโก้!! ’
โคตรน่ากลัวเลยวุ้ย
ผมมองไปยังคุณเจ้าของที่พิงอยู่หลังประตู เขาเอานิ้วชี้มาแตะที่ปาก เป็นสัญญาณบอกว่าห้ามผมส่งเสียงใดๆเด็ดขาด จนกว่ามันจะหายไป ผมที่พอเข้าใจในเรื่องนั้นดีจึงพยักหน้าให้กับคุณเจ้าของ
ไม่นานนัก ลมแรงข้างนอกก็หายไป ก่อนตัวมันจะจากไปก็ปิดท้ายด้วยเสียงครางของมันในลำคออ่อนๆ แต่มันดังซะจนเสียงสามารถเข้ามาภายในร้านได้เลย
พอเหตุการณ์สงบลงแล้ว คุณเจ้าของก็กลับมาที่บาร์ก่อนจะวางกุญแจห้องไว้ต่อหน้าผม
“ ผมจะตอบคำถามที่คุณถามครับ ”อลัน
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเล่าเรื่องต่างๆ โดยเริ่มจากชื่อของตัวเองก่อน
“ก่อนอื่นเลย ผมชื่อ อลัน สปริงส์ อย่างที่คุณเห็น หมู่บ้านนี้มันไม่มีใครอื่นอีกแล้ว นอกจากพวกผม ”อลัน
พวกผม.. แสดงว่ายังมีคนอื่นอยู่อีกสินะ แต่ว่าการที่ชาวบ้านคนอื่นๆออกไปเนี่ย เป็นเพราะไอ้ตัวเมื่อกี้ด้วยรึเปล่า?
มันก็… น่ากลัว น่าสยดสยองจริงๆนั่นแหละ
…
[ เมเดียร์ ]
ทันทีที่บี๋เดินออกไป ฉันก็รู้ดีอยู่หรอกว่าทางที่ไปนั่นน่ะมีปัญหา แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเขาน่าจะผ่านมันไปได้ด้วยตัวคนเดียวแน่ๆ ในส่วนตอนนี้ฉันต้องมาต้อนรับมาเกรฟเอเลโอแทนพ่อและแม่ที่กำลังยุ่งอยู่
ผ่านไปสักพัก ฉันก็เริ่มเห็นรถม้าของมาเกรฟเอเลโอเข้ามาใกล้คฤหาสน์มากขึ้นเรื่อยๆ
จนได้มาหยุดที่หน้าบ้านของฉัน คนที่ลงมาก็คือพานาร์ เอเลโอ และ… ใช่ มีแค่เธอคนเดียว ดูเหมือนว่าวันนี้เธอแค่อยากจะมาเที่ยวที่บ้านฉันเฉยๆ
“ สวัสดีค่ะคุณบี๋ เอ๊ะ? หรือว่าฉันควรเรียกคุณว่าเมเดียร์ตามเดิม?”พานาร์
“ เรียกบี๋นั่นแหละ ตอนนี้บี๋ไม่อยู่ ”เมเดียร์
“ เขาไปไหนหรอคะ? ”พานาร์
“ ดิฉันมาที่นี่เพื่อพบเขาโดยเฉพาะเลยนะคะ ”พานาร์
“ หยุดบ้า และเข้ามาในบ้านสักที ”เมเดียร์
ฉันเดินนำยัยบ้าผู้ชายนี่เข้าบ้าน ระหว่างทางที่เดินไปเธอก็เอาแต่พล่ามนู่นพล่ามนี่ไม่หยุด ฉันล่ะรำคาญมันจริงๆ
“เธอรู้ไหมเมเดียร์ ตั้งแต่ตอนที่ฉํนได้พบกับเธอจากอีกโลกครั้งแรกน่ะ มันทำเอาฉันใจเต้นสุดๆไปเลยล่ะ ”พานาร์
“ก็แหม~ ดูแววตาที่เขามองมาที่ฉํนด้วยความสุขุมและสับสนนั่นสิ่ มันน่าประทับใจสุดๆไปเลย~ ”พานาร์
ถึงจะเห็นมันบ้าผู้ชายอย่างนี้ก็เถอะ แต่ฝีมือในด้านเวทมนตร์ของมันเองก็อยู่อันดับท็อปๆของสถาบันเลย เรียกได้ว่าเป็นผู้ใช้เวทน้ำแข็งที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆในหมู่พวกปี 2 เลย
“ อาร่า~ คุณหนูพานาร์เองหรอจ๊ะ? ”วิเวียน
“ สวัสดีค่ะคุณนายเจเนซิส! ”พานาร์
“ นี่แม่ รู้ป่ะว่ายัยนี่เอาแต่พูดเรื่องเกี่ยวกับบี๋ของเราตลอดเวลาที่เดินมากับหนูเลยล่ะ ”เมเดียร์
“ อาร่า~ พานาร์จัง มีปัญหาอะไรกับลูกชายของแม่งั้นหรอจ๊ะ? ”วิเวียน
“ ค่ะคุณแม่! เขาเท่มากเลยค่ะ! ”พานาร์
“ แม่ชอบนะจ๊ะ ที่หนูเป็นคนซื่อสัตย์ แต่กับเมเดียร์ของแม่นี่ไม่ไหวเลยนะ ชอบเอาเรื่องของเพื่อนมาเล่าให้แม่ฟังตลอดเลย นิสัยเสียจัง~ ”วิเวียน
“ ใช่ไหมล่ะคะ! ”พานาร์
แม้ว่าตอนแรกฉันจะเผาเรื่องของพานาร์ที่เธอทำเมื่อสักครู่ให้แม่ฟัง แต่สุดท้ายแล้วก็โดนแก้เผ็ดโดยการเผาคืน โดยท่านแม่เอง
นี่ฉันจะไม่มีวันที่จะเอาชนะแม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย
หลังจากนั้นคุณแม่ก็ไปทำธุระต่อ ที่ครัว.. ส่วนพวกเราก็มานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น
“แล้วเมื่อไหร่เขาจะกลับหรอคะ? ”พานาร์
“เปิดเรียนนู่นแหละ เห็นว่ามันไปตามหาอาวุธอะไรของมันนี่แหละ ”เมเดียร์
ฉันเองก็ไม่ได้เชื่อหรืออะไรนักหรอก แต่มันก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกันว่าจะไปรอดรึเปล่า ถึงแม้ว่าเขาจะได้นามแท้มา แต่ประสบการณ์การต่อสู้เขาก็ไม่ได้มีมากถึงขนาดนั้น ฉันเลยแอบกังวลอยู่เหมือนกัน
“ ไปทางตอนเหนือของเขตเจเนซิสน่ะ แถวๆนั้นเองก็ไม่ได้ปลอดภัยสักเท่าไหร่ ”เมเดียร์
“ ทำไมหรอคะ? ”พานาร์
“ แถวนั้นน่ะมีอยู่หมู่บ้านนึง ที่โดนคำสาปเล่นงาน แม้เราจะช่วยมันก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน มันเหมือนกับว่ามันติดเงื่อนไขบางอย่างในการเอาคำสาปนั่นออก หวังว่าเขาจะหลีกเลี่ยงทางนั้นนะ ”เมเดียร์
“ ถึงคุณจะพูดไม่ค่อยดีเท่าไหร่.. แต่ก็เป็นห่วงเขาเหมือนกันนี่คะ! ”พานาร์
“อะไรเล่า!เพ้อเจ้อ! ”เมเดียร์
…
[ บี๋ ]
ขณะเดียวกันนั้นเอง
“ เมื่อหลายปีก่อนหมู่บ้านนี้ถูกสาปครับ จากหมอผีคนหนึ่งที่ปัจจุบันน่าจะตายไปแล้ว แต่วิญญาณน่าจะมาเป็นวีโกร์ฟ .. วีโกร์ฟก็คือไอ้ตัวที่คุณเห็นเมื่อสักครู่นั่นแหละ เจ้าตัวนั่นมันฆ่า และกินคนในหมู่บ้านเรา ไม่เพียงแค่นั้นมันยังเอาคนที่มันกินหรือฆ่าไปแล้วมาเป็นบริวารของมันอีก.. ตอนนี้หมู่บ้านนี้หมดทางเยียวยาแล้วล่ะครับ ”อลัน
“ คนที่เหลืออยู่ก็ย้ายออกไปหมด เหลือกันแค่ผมกับภรรยา และลูกๆอีก 2 คน.. ”อลัน
“ ทำไมพวกคุณถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ? ไม่กลัวจะโดนมันกินบ้างหรอ? ”
เขาส่ายหน้า
“ ข้างนอกนั่นยังมีลูกชายของผมอยู่ เขาออกไปล่าวีโกร์ฟมาสักพักแล้วล่ะ ”อลัน
ทันทีที่คุณอลันพูดจบ ก็มีชายคนหนึ่งอายุพอๆกับผมเปิดประตูเข้ามาและปิดกลับอย่างแรง ร่างของเขาโชกไปด้วยเลือด มือข้างขวาถือดาบที่เต็มไปด้วยเลือดสีดำ ส่วนมือข้างซ้ายก็ถือหัวของวีโกร์ฟตัวหนึ่งอยู่ ไม่แน่ใจว่าใช่ตัวที่โผล่มาเมื่อสักครู่รึเปล่า
“ แฮ่ก… แฮ่ก… พ่อ ผม… ยังหาอีซ่าร์ไม่เจอเลย.. ” นาร์
“ ไม่เป็นไร มากินอะไรก่อนสิ ”อลัน
เขาวางหัวของวีโกร์ฟตัวนั้นลง ก่อนที่จะมานั่งข้างผม เขาทักทายผมด้วยอัธยาศัยที่ดี ผมถามเขาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงเรื่องที่เขาเดินเข้ามาจากด้านนอก
“ ผมเป็นนักล่าครับ ผมล่าพวกวีโกร์ฟพวกนั้นแทนพ่อของผมที่เฝ้าแม่กับน้องที่อยู่ชั้นบน ”นาร์
“ แม่กับน้องสาวเป็นอะไรหรอครับ? ”
“ พวกเขาโดนคำสาปของวีโกร์ฟน่ะ พลังชีวิตของพวกเขาจะยิ่งลดลงเมื่อวีโกร์ฟยังอยู่ เพราะฉะนั้นนาร์ที่เป็นลูกชายของผมจึงอาสาไปล่ามันแทนผม แต่… ไม่ว่าจะล่าพวกมันไปกี่ตัว มันก็ไม่มีทีที่ว่าจะจบลงเลย ”อลัน
“เพราะแบบนั้น อีกทางหนึ่งที่จะทำให้พวกเขาหายคือต้องไปหาเห็ดปาฏิหาริย์อีซ่าร์ในป่าต้องห้ามข้างหมู่บ้าน… อีกอย่างคือ ที่นั่นเป็นถิ่นของพวกวีโกร์ฟด้วยนี่สิ ”นาร์
“ มันไม่ได้ตัวเดียวหรอ? ”
“ มันมีเป็นสิบเลยครับ เพราะมันเอาชาวบ้านที่ตายแล้วของเราไปเป็นพวกมันด้วย ตอนนี้มันจึงมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆเลย แล้วก็นะครับคุณนักเดินทาง เวลากลางคืนคุณจะไม่สามารถออกจากที่นี่ได้จนกว่าจะเช้า เพราะงั้น… ถ้าคุณอยากออกไปล่ะก็ คุณต้องรอเช้าก่อน ”นาร์
“ แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอก พวกวีโกร์ฟมันไม่บุกมาสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกนะครับ ”นาร์
ผมค่อนข้างเชื่อในคำพูดของเขาพอสมควร จึงหยิบกุญแจห้องที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วขึ้นไปที่ห้องบนชั้นสอง
ทว่า…
ลารรรรรรร์…
รารรรรรรร์!!
เสียงครวญครางในลำคอของวีโกร์ฟดังขึ้นเรื่อยๆ นี่มันจะไม่บุกเข้ามาจริงๆใช่ไหม?..
ปัง!! ปัง!!!! ปัง!! ปัง!!!
ไม่เพียงแค่เสียงครวญของมันเท่านั้น มันยังทุบประตูโรงเตี๊ยม และพยายามที่จะเข้ามาด้านใน ทั้งนาร์ และคุณอลันก็เริ่มที่แตกตื่น ไม่นานที่พวกเขาตั้งสติได้ ทั้งคู่ก็หยิบอาวุธของตัวเองขึ้นมาเตรียมรอเอาไว้แล้ว
ดูเหมือนว่า.. ค่ำคืนนี้มันจะยามนานซะแล้วสิ
รารรรรรรร!!!!!!!!!
‘ นี่มันนิยายต่างโลก… หรือหนังผีวะเนี่ย!!?? ’
ตัดจบตอน