กล่าวให้ชัด รายการเพลงของเรายังไม่ปังมากพอ
อย่างน้อยก็ไม่ปังเท่าราชาหน้ากากนักร้อง
แต่ว่า…
รายการนี้น่าสนใจมาก!
นักประพันธ์เพลงแสดงความสามารถของตนได้อย่างอิสระ ดนตรีหลากหลายสไตล์ปรากฏขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด นำพาความรู้สึกสดใหม่มาสู่ผู้ฟัง
ต้องการเพลงที่ระเบิดเวที ฟัง ‘ดอกท้อเหมันต์’ …
ต้องการเพลงที่น่ารัก ฟัง ‘เพลงของกระต่าย’ …
ต้องการเพลงที่สนุกสนาน ฟัง ‘เพลงของเรา’
ว่ากันว่าดนตรีคือศิลปะซึ่งยากที่จะสร้างสรรค์ออกมาให้ถูกใจทุกคน ทว่าในรายการนี้ ความชื่นชอบของผู้ชมนั้นมีหลากหลายจริงๆ
นอกจากนี้
สงครามลับระหว่างนักร้องตัวท็อป
แถมยังมีช่วงขอคำแนะนำ (ประจบ) นักประพันธ์เพลงของนักร้องซึ่งออกแบบได้ยอดเยี่ยมมากอีก!
ถงซูเหวินรวมความเป็นดนตรีและความสนุกสนานเข้าด้วยกัน เพราะฉะนั้นรายการนี้จึงประสบความสำเร็จ!
แน่นอน
ถึงอย่างไรถงซูเหวินกำลังถือไพ่ที่ดี มีนักร้องนักประพันธ์เพลงชุดเดิมจากราชาหน้ากากนักร้องมาสนับสนุน ไม่ว่าจะเล่นอย่างไรผลลัพธ์ย่อมออกมาดี ต่อให้รายการใหม่นี้จะไม่น่าสนใจเลยสักนิด แต่ลำพังได้เห็นนักร้องตัวท็อปในหน้าจอเดียวกันอย่างคับคั่ง ก็เพียงพอที่จะเติมเต็มความสนใจในตัวนักร้องและนิสัยอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับวงการบันเทิงของใครหลายคนได้แล้ว
วันรุ่งขึ้น
ยังคงเป็นการถ่ายทอดสดการแข่งขันทั้งหมดเก้ารอบ
ความตื่นเต้นเร้าใจไม่ได้เป็นสองรองจากเมื่อวาน!
เมื่อการถ่ายทอดสดทั้งห้ารอบในวันที่สองจบลง ท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นของผู้ชมในห้องส่งและการคอมเมนต์นับไม่ถ้วนต่อหน้าหน้าจอ รายการไม่ได้จบลงในทันที
บนหน้าจอถ่ายทอดสด
นักประพันธ์เพลงและนักร้องกลับมายืนในเฟรมเดียวกันอีกครั้ง ในห้องโถงใหญ่แห่งหนึ่ง
ในนั้น
นักประพันธ์เพลงยี่สิบคนยืนอยู่ในแถวแรก
นักร้องห้าสิบคน ยืนอยู่ด้านหลัง
พิธีกรอันหงกล่าวอย่างยิ้มแย้มบนเวที “รายการที่สองสิ้นสุดลงแล้ว ต่อไปเราจะประกาศกฎสำหรับการแข่งขันรอบต่อไป กฎนี้คือ การจับคู่แบบสุ่มระหว่างนักร้องและนักประพันธ์เพลง”
พระเจ้าช่วย!
จับคู่แบบสุ่ม!
ผู้ชมรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา ช่วงที่นักประพันธ์เพลงเลือกนักร้องก็ตื่นตาตื่นใจมากพอแล้ว แต่เมื่อได้ดูรูปแบบเดิมมากเกินไป ทุกคนจะรู้สึกว่าน่าเบื่อ เห็นได้ชัดว่าทีมงานรายการรู้ว่าผู้ชมชื่นชอบอะไร จึงใช้กฎใหม่อย่างชำนิชำนาญเพื่อเพิ่มความคาดหวังที่ผู้ชมมีต่อรายการ!
ขณะเดียวกัน
เหล่านักประพันธ์เพลงต่างมีสีหน้าแปลกพิลึก มิน่าล่ะถงซูเหวินถึงบอกว่าการแข่งขันมีเรื่องเหนือความคาดหมาย มีเรื่องเหนือความคาดหมายครั้งใหญ่จริงๆ ถ้าหากสุ่มจับคู่ แล้วสไตล์ดนตรีของนักประพันธ์เพลงไม่เข้ากับนักร้องขึ้นมา ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไรไม่มีใครคาดการณ์ได้เลย นี่คือแบบทดสอบฝีมือของนักประพันธ์เพลง!
ลองเปรียบเทียบดู
มีนักประพันธ์เพลงซึ่งนับว่าอยู่ระดับยอดฝีมือในวงการเพลงสไตล์โบราณ เชี่ยวชาญบทเพลงสไตล์โบราณคนหนึ่ง นักร้องที่นักประพันธ์เพลงคนนี้เลือกก็ควรถนัดในการร้องเพลงประเภทนี้ด้วย แต่ถ้าหากนักประพันธ์เพลงคนนี้ถูกสุ่มจับคู่กับนักร้องเพลงร็อกซึ่งไม่ได้เข้ากับเพลงแนวโบราณเลยสักนิด เช่นนั้นจะทำอย่างไร
‘ฮ่าๆ !’
‘ทีมงานรายการให้โจทย์ยากกับนักประพันธ์เพลงแล้ว นักร้องมีสไตล์ที่ถนัดไม่เหมือนกัน นักประพันธ์เพลงก็มีสไตล์ที่ถนัดไม่เหมือนกัน ถ้าสไตล์ของทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จะร่วมงานกันได้ยากมาก ฉากที่ออกมาจะต้องตื่นเต้นแน่นอน!’
‘ทีมงานรายการเอาใจใส่มากจ้า’
‘นักร้องบางคนยากที่จะถูกนักประพันธ์เพลงเลือก เพราะเรื่องของความสามารถและสไตล์เพลง อาจส่งผลให้พวกเขาไม่มีโอกาสได้ร้องเพลงเลยด้วยซ้ำ ทำได้แต่คอยดูรายการอยู่ห่างๆ ตอนนี้รายการบังคับให้จับคู่ นักร้องทุกคนล้วนมีโอกาสได้ร่วมงานกับนักประพันธ์เพลงชั้นนำ ส่วนนักประพันธ์เพลงก็ไปเค้นสมองหาวิธีกันเอาเอง’
‘ตอนต่อไปคือเวทีหายนะเลยละ!’
‘ทั้งที่รู้ว่ารอบต่อไปจะเป็นภาพของความกระอักกระอ่วน แต่ทำไมผมถึงคาดหวัง คนระดับพ่อเพลง อยู่ๆ ก็อยากดูเวลาพวกเขาถูกบีบให้จวนตัว’
‘วางใจเถอะ’
‘ไม่ถึงขั้นหายนะหรอก นักประพันธ์เพลงชั้นครูแบบนี้เวลาเจอกับนักรองที่รับมือได้ยากยังเขียนเพลงดีๆ ออกมาได้ เพียงแต่อาจไม่สามารถแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาได้สมบูรณ์ บางทีอาจเกิดเคมีที่ดีจนน่าทึ่งก็ได้นะ?’
‘…’
ปฏิกิริยาของนักร้องต่างกันออกไป อันที่จริงเป็นทั้งความกังวลและความคาดหวัง ถ้าหากได้จับคู่กับนักประพันธ์เพลงซึ่งมีสไตล์ที่เข้ากันได้ก็จะเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก แต่ถ้าหากสไตล์ของพวกเขาเข้ากันไม่ได้ นั่นจะกลายเป็นบททดสอบความสามารถของนักประพันธ์เพลง
ในแถวหน้า
หลินเยวียนไม่ได้รู้สึกต่อต้านกฎเกณฑ์ใหม่นี้ จับคู่แบบสุ่มแล้วอย่างไร ในระบบมีเพลงครอบคลุมทุกสไตล์ ต่อให้เขาหยิบเพลงซึ่งเหมาะกับนักร้องแต่ละคนทั้งห้าสิบคนก็ไม่มีปัญหา
“จากนี้ผมจะประกาศ!”
อันหงหยุดไปชั่วขณะ ก่อนจะอ่านผลการจับคู่ในตอนที่หนึ่ง “ตอนที่หนึ่งของรอบที่สอง นักร้องซึ่งคู่กับอาจารย์หยางจงหมิงคือจ้าวอิ๋งเก้อครับ!”
จ้าวอิ๋งเก้อตกตะลึง!
หยางจงหมิงถนัดสไตล์เพลงที่หลากหลาย!
จะต้องมีเพลงที่เหมาะกับเธออย่างแน่นอน!
หยางจงหมิงคลี่ยิ้มบาง ไม่ว่าเขาจะจับคู่กับนักร้องคนไหนก็ไม่ตื่นตระหนก เพราะเขาศึกษาสไตล์ดนตรีที่หลากหลาย ทั้งบัลลาด ร็อก หรือแม้แต่อิเล็กทรอนิกส์ หยางจงหมิงล้วนเคยผ่านตามาแล้ว
อันหงประกาศต่อไป
แน่นอนว่ามีกรณีที่นักร้องและนักประพันธ์เพลงเข้ากันไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นนักดนตรีอิเล็กทรอนิกส์อย่างไมค์ ได้คู่กับนักร้องหูเฟิง หูเฟิงเป็นนักร้องเบลคานโต ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ทั้งมีไดนามิกทั้งตื่นเต้นเร้าใจ ทั้งสองฝ่ายมาร่วมงานกันไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ !
“อ่า!”
ไมค์มีสีหน้าจนใจ
หูเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น
นี่คือกฎของรายการ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันทำต่อไป ผ่านไปสักพักอันหงจึงอ่านถึงชื่อของหลินเยวียน “นักร้องที่คู่กับอาจารย์เซี่ยนอวี๋คือเว่ยห่าวอวิ้น!”
เฮือก!
ทั้งห้องส่งเสียงดังขึ้นมาทันใด ไม่ว่าจะเป็นนักประพันธ์เพลงหรือนักร้องล้วนเผยสีหน้าพิลึก สไตล์ของเซี่ยนอวี๋กับนักร้องซึ่งได้คู่กับเขาไม่เข้ากันเอาเสียเลย คอมเมนต์เริ่มกระหน่ำเข้ามา
‘เฮือก!’
‘บ้าไปแล้ว!’
‘ดวงอะไรของเซี่ยนอวี๋เนี่ย ได้คู่กับพี่ห่าวอวิ้น พี่ห่าวอวิ้นปกติแล้วร้องแต่เพลงพวกพื้นบ้านพื้นเมือง ก่อนหน้านี้มีชาวเน็ตพูดกันว่าพี่ห่าวอวิ้นเป็นนักดนตรีแถวหน้าที่มีกลิ่นอายความเป็นพื้นเมืองมากที่สุด!’
‘…’
คู่กับเว่ยห่าวอวิ้นเชียวเหรอ!
ในแง่ของฝีมือ เธอคือนักร้องแถวหน้า ในวงการเรียกกันว่าพี่ห่าวอวิ้น สไตล์เพลงมีความเป็นดนตรีชาติพันธุ์ แต่ก็เดินแนวทางของเพลงรักเรียบง่ายด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นหลายคนจึงวิจารณ์ว่าเธอคือนักร้องหญิงที่มีความเชยมากที่สุด ผู้ฟังที่คิดว่าตนเองมีสุนทรีย์ทางดนตรีสูงมักวิจารณ์ว่าเพลงของเว่อห่าวอวิ้นมีความหยาบกระด้าง มีแค่ชาวนาที่ชอบฟัง
เซี่ยนอวี๋ล่ะ?
เนื้อเพลงไพเราะ
คุณสมบัติไม่ธรรมดา
ในบรรดาบทเพลงที่ผ่านมาของเซี่ยนอวี๋ ไม่ มีเพลงใดเลยที่ให้ความรู้สึกหยาบกระด้าง ภาพรวมค่อนข้างประณีตสง่าสาม แม้แต่ในการถ่ายทำภาพยนตร์เชิงพาณิชย์เรื่องสไปเดอร์แมน ผลงานของเซี่ยนอวี๋ยังให้ความสำคัญกับความหมายแฝง ทีมงานรายการจัดให้เ ขาร่วมงานกับพี่ห่าวอวิ้นเช่นนี้ แน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้จงใจสร้างเรื่อง?
กล้องตัดภาพสลับไป
สีหน้าของเว่ยห่าวอวิ้นเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนของ คล้ายกับว่าสไตล์ของเธอนั้นถูกผู้คนจำนวนมากรังเกียจ ทำได้เพียงยิ้มขมขื่นอย่างจนใจ อันที่จริงสไตล์ของมีผู้ฟังเป็นวงกว้าง ทว่าเนื่องจากขาดสิ่งที่เรียกว่าความหรูหรา จึงถูกผู้สูงส่งและสง่างามทั้งหลายตำหนิ
กล้องหันไปอีกครั้ง
ใบหน้าของเซี่ยนอวี๋ซึ่งดูดีเป็นพิเศษไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ปรากฏบนหน้าจอ แต่ในครั้งนี้ไม่มีใครสนใจใบหน้าของเซี่ยนอวี๋ พวกเขาอยากเห็นปฏิกิริยาตอบสนองบนใบหน้าของเซี่ยนอวี๋ ปรากฏว่าทุกคนเป็นอันผิดหวังไปตามๆ กัน
เซี่ยนอวี๋มีสีหน้าเรียบเฉย
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกพิเศษใดๆ เกี่ยวกับการถูกจับคู่กับนักร้องอย่าง เว่ยห่าวอวิ้น ท่าทางที่สงบเยือกเย็นของเขากระตุ้นให้เกิดคำถ้อยหยอกล้อนับไม่ถ้วน
‘ว้าวุ่นแล้ว!’
‘ว้าวุ่นอยู่แล้วแหละ!’
‘เงียบแล้วเก๊กท่าไว้ก่อน!’
‘เขาเคยเรียนวิชาควบคุมสีหน้าหรือเปล่าเนี่ย ไม่ว่าจะตอนไหนก็นิ่งได้ขนาดนี้ ฉันไม่เชื่อว่าเขาไม่รู้ว่าได้คู่กับพี่ห่าวอวิ้นหมายความว่ายังไง สไตล์ของเขากับพี่ห่าวอวิ้นตรงข้ามกันคนละขั้วเลยนะ!’
‘ฮ่าๆๆ !’
‘สไตล์เพลงของเว่ยห่าวอวิ้นเฉิ่มสุดๆ เพลงที่อาจารย์เซี่ยนอวี๋เขียนก็คืองานประณีตระดับขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ต่อให้เป็นงานที่เรียบง่ายของเซี่ยนอวี๋ก็ไม่มีความรู้สึกหยาบกระด้างเลยสักนิด จับคู่แบบใดให้พ่อเพลงอวี๋’
‘เป็นการสั่งสมประสบการณ์สินะ’
‘พ่อเพลงอวี๋ไม่ได้แสดงสีหน้ารังเกียจสไตล์เพลงของเว่ยห่าวอวิ้น นี่คือข้อดีของพ่อเพลงอวี๋ อันที่จริงฉันคิดว่าเพลงของพี่ห่าวอวิ้นดีมากเลยนะ เพลงเพลงรักดินเหลืองเมื่อปีที่แล้วก็ได้รับความนิยมในหลายพื้นที่เลยไม่ใช่เหรอ เพียงแต่สไตล์ของทั้งสองคนขัดแย้งกันจริงๆ ไม่รู้ว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋จะทำให้พี่ห่าวอวิ้นสง่างามขึ้นมาได้ไหม’
‘…’
นักประพันธ์เพลงเหนือกว่านักร้อง ดังนั้นผลของการร่วมงานประเภทนี้ จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับว่านักประพันธ์เพลงหยิบผลงานใดออกมาเป็นหลัง บางคนคิดว่าในครั้งนี้เว่ยห่าวอวิ้นจะได้ขับร้องผลงานขั้นสูงของเซี่ยนอวี๋ ทว่าขณะเดียวกันทุกคนก็รู้สึกว่าทันทีที่เว่ยห่าวอวิ๋นเปล่งเสียงออกมา ความสูงส่งใดๆ จะอันตรธานหายไปในชั่วพริบตา
“โชคดีที่ไม่มีการตกรอบ”
“เอาเรื่องอยู่นะ”
“รู้สึกว่าน่าสนใจมากทีเดียว”
ผู้ชมเพลิดเพลินกับการรับชมความสนุก ถ้าหากการแข่งขันในรอบนี้มีโอกาสตกรอบ แฟนคลับของเซี่ยนอวี๋จะไม่ยอมอย่างแน่นอน เนื่องจากการจับคู่ในลักษณะนี้ไม่ยุติธรรมเกินไป แต่ถ้ารายการนี้เน้นความบันเทิงเป็นหลัก ไม่มีการตกรอบ เช่นนั้นก็ช่างเถอะ บางคนถึงขั้นอยากเห็นเซี่ยนอวี๋ทำอะไรไม่ถูกด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรเซี่ยนอวี๋ก็ฝีมือร้ายกาจเกินไป เพิ่มระดับความยากให้เขาสักหน่อยก็น่าสนุกดี…
หลินเยวียนกำลังแสร้งเก๊กท่าอยู่หรือ?
แน่นอนว่าไม่ใช่ เขาเคยฟังเพลงของเว่ยห่าวอวิ้นมาบ้าง เขาไม่มีอคติต่อดนตรี สไลต์ดนตรีส่วนมากเขาล้วนสามารถสร้างสรรค์ออกมาให้ทุกคนเสพได้ เพราะฉะนั้นหลินเยวียนไม่ได้รู้สึกรังเกียจเว่ยห่าวอวิ้นแม้แต่น้อย
เงื่อนไขคือ…
อย่าให้เซี่ยนอวี๋ได้ฟังเพลงจำพวก ‘ฟ้าผ่าพลังยุทธ์ทะลวงสวรรค์ ค้อนทองสีม่วงสะท้านปฐพี[1]’ เชียว นั่นเป็นสไตล์ ‘ดนตรี’ ที่แม้แต่เซี่ยนอวี๋ก็อาจทนไม่ไหว
ถ้าหากเป็นเว่ยห่าวอวิ้น..
หลินเยวียนไม่คิดจะนำพาอีกฝ่ายไปสู่สิ่งที่เรียกว่าขั้นสูง อะไรคือขั้นสูง ต้องเปลี่ยนทำนองฉวัดเฉวียน หรือว่าทิศทางของบทเพลงปรวนแปร? แบบนั้นก็ดีอยู่หรอก แต่เพลงซึ่งได้รับการโปรโมตจากทางการล้วนติดหูและมีท่วงทำนองที่เรียบง่าย มีใครกล้าเรียกการประพันธ์และขับร้องบทเพลงเหล่านั้นว่าขั้นต่ำอีกไหม?
ดังเช่นที่กล่าวว่า
ให้เพลงที่เหมาะสมกับคนที่เหมาะสม สถานะของนักประพันธ์เพลงสูงกว่านักร้อง แต่ถ้าหากเป็นการทำงานร่วมกัน หลินเยวียนคิดว่าควรอ้างอิงจากสไตล์ของนักร้องเป็นหลัก
ในความจริงแล้ว
หลินเยวียนนึกออกแล้วว่าจะมอบเพลงไหนให้เว่ยห่าวอวิ้น หลินเยวียนถูกใจเพลงนี้ตั้งแต่ท่อนอินโทร เพราะทำนองเพลงนี้หนักหน่วง และติดหูถึงขั้นล้างสมอง
“ตึง
ตึงตึงตึงตึง
ตึงตึงตึงตึงตึงตึงตึง
ตึงตึงตึงตึงตึง
ตึงตึง…”
คำใบ้นี้อาจไม่ชัดเจนนัก แต่ที่จริงแล้วชัดเจนมาก คงไม่มีใครไม่รู้จักเพลงนี้หรอกใช่ไหมล่ะ?
——————————
ปล. เฟ่ยหยางจะมาร่วมด้วย วางพล็อตเรื่องไว้แล้ว
[1] มาจากเพลง ‘ฟ้าผ่า’ เป็นเพลงฮิตในประเทศจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีจุดเด่นคือเป็นการท่องเนื้อเพลง พร้อมกับทำนอง เพลงค่อนข้างสั้นและติดหู จึงกลายเป็นที่นิยมในหมู่เด็กๆ และชาวเน็ตในช่วงเวลานั้น มีการนำไปรีมิกซ์และดัดแปลงเป็นเวอร์ชันต่างๆ อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเพลงติดหู แต่เพลงนี้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ ว่าไม่ใช่ดนตรีที่แท้จริง ไม่มีรสนิยม บ้างก็กล่าวว่าเป็นความสูญเสียทางศิลปะ เพลงนี้กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งเมื่อหยางคุนศิลปินชื่อดัง วิพากษ์วิจารณ์เพลงนี้ว่าไร้ซึ่งทำนอง จังหวะ และไดนามิก เป็นผลให้MCลิ่วเต้าผู้ซึ่งอ้างว่าตนเป็นเจ้าของบทเพลงต้นฉบับออกมาตอบโต้ว่า แต่ละคนมีความชื่นชอบที่แตกต่างกัน และเพลงนี้ของตนโด่งดังกว่าทุกเพลงของหยางคุนด้วยซ้ำไป