เขาถามมากะทันหันแบบนี้ ฉันอึ้งเลย แสดงว่าเขาต้องได้ยินอะไรไปแล้วบางอย่าง “อะไรจะย้ายไปไหนคะ” ฉันแกล้งไม่รู้เรื่องที่เขาพูด
เห็นเขาเดินเข้าใกล้ฉัน ฉันตื่นตะลึงใจ ทันใดนั้น ฉันไม่รู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ฉันเลยกดท้องไว้แกล้งปวดท้อง และบอกว่า “อุ๊ย ปวดท้อง”
ในขณะเดียวกัน ฉันก็นั่งยองลงไป
ทันใดนั้น เขาหยุดเดิน แล้วก็มาดึงตัวฉันลุกขึ้นมา ขมวดคิ้วตา และบอกว่า “ไปหาหมอ”
ฉัน……
แกว่งเท้าหาเสี้ยนจริง ๆ
“ไม่ได้ค่ะ….”
ฉันตอบปฏิเสธไปทันที เขาหลิ่วตาลงเหมือนเกิดความสงสัย และบอกว่า “ดารัณ เหมือนเธอจะไม่ค่อยอยากไปโรงพยาบาลนะ”
“เปล่าค่ะ…..” พูดถึงตรงนี้ ฉันก็ทำเหน้าเศร้า ๆ ตาแดง ๆ มองหน้าเขาและบอกว่า “ฉันกลัวความรู้สึกแบบนอนอยู่บนเตียงในห้องผ่าตัดโดยไม่รู้ตัวอะไรเลย”
พอได้ยินแบบนี้ เห็นตัวเขาเกรงขึ้น สักพัก เขาก็อุ้มฉันออกไปจากห้องนอนโดยไม่ทันคิด
ฉันคิดว่าเขาจะพาฉันไปโรงพยาบาล ฉันเลยดึงชายเสื้อเขา และขอร้องเขาด้วยน้ำเสียงแบบกำลังจะร้องไห้ บอกว่า “อาธิปคะ ฉันไม่อยากไปโรงพยาบาลจริง ๆ ค่ะ”
และอีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้ปวดท้องจริง ๆ สักหน่อย
“จะพาไปกินข้าวข้างล่าง” เขาเหลือบตามองฉัน สายตาเย็นชา และยังมีความจนปัญญาที่ทำอะไรกับฉันไม่ได้
ทันใดนั้น ฉันไม่มั่นใจกับความรู้สึกของตัวเองเลย เมื่อวานเขาก็ช่วยฉันกินเหล้า วันนี้ก็ยอมฉัน เหมือนเขาก็แคร์ฉันอยู่นะ
คนเรามักจะได้คืบแล้วจะเอาศอกอีก พอได้ดิบได้ดีนิดหน่อย ก็อยากจะได้เยอะกว่านี้ จนกว่าจะได้ครอบครองเป็นเจ้าของ
เขาเปล่อยฉันนั่งไว้ที่โต๊ะ เขาเข้าห้องครัวไปสักพัก แล้วตอนออกมาก็เห็นเขายกอะไรออกมาถ้วยหนึ่ง
ทีแรกฉันคิดว่าเป็นข้าวต้ม แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นน้ำขิงใส่ไข่ ทันใดนั้น ฉันมองไปที่เขาด้วยความแปลกปลาดใจ เขาชำเลืองตามองฉันแวบเดียวแบบไม่สื่ออารมณ์ แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เดี๋ยวอาธิปจะมาตรวจอาการเธอ ช่วงนี้เธอไม่ต้องไปบริษัท ส่วนโครงการของคุณลู่ถึงตอนนี้จะส่งมอบงานกันเรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องความเสียหายที่เกิดจากความล่าช้าของเธอ เธอต้องรับผิดชอบเอง วันนี้ไม่ต้องไปทำงานแล้ว พักผ่อนอยู่บ้าน”
พูดเสร็จ เขาก็หยิบเสื้อผ้าและกุญแจรถ แล้วก็ออกไปจากบ้าน
ทันใดนั้น ฉันอึ้งไปหมด เขา…..เริ่มมาแคร์ฉันตั้งแต่เมื่อไร หลังจากที่รู้ว่าฉันตั้งครรภ์เหรอ….
มองดูชามน้ำขิงใส่ไข่ที่วางไว้ต่อหน้าฉัน จนเหม่อลอยไปสักพัก
ตอนที่คุณกวินมา ฉันยังเหม่อลอยอยู่เลย
เขาขมวดคิ้วตา เหลือบตาดูฉัน และบอกว่า “ตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องตั้งใจทำของแบบนี้กินนะครับ ไม่ต้องงดอาหารอะไรทั้งสิ้น อยากกินอะไรก็กินได้เลย เด็กในท้องไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะครับ”
พอได้ยินเสียงของคุณกวิน ฉันถึงตั้งสติได้ เหลือบตามองหน้าเขา แล้วเห็นเขายืนอยู่ข้างโต๊ะมองหน้าฉันพอดี
ฉันรีบลุกขึ้นมา และบอกว่า “มาแล้วเหรอคะ”
เขาตะลึงใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขายื่นยาที่หยิบขึ้นมาจากกระเป๋าปฐมพยาบาล และบอกฉันว่า “ยาตัวนี้กินวันละสามครั้ง ต้องกินติดต่อกัน 21 วัน คราวหน้าอย่ากินเหล้าอีกแล้วนะครับ แอลกอฮอล์จะทำให้เด็กโตช้ากว่าปกติหรืออาจผิดปกติได้ และอีกอย่าง คุณจะต้องไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลได้แล้ว ต้องเริ่มตรวจครรภ์ตามกำหนดการกันแล้วนะครับ”
ฉันพยักหน้า แล้วรับยาในมือเขามา พร้อมบอกว่า “ขอบคุณนะคะ”
ทีแรกเขาคิดจะคุยเรื่องควรระวังกับฉันเสร็จแล้วก็จะไปเลย แต่เขาคิดอยู่สักครู่แล้ว มองมาที่ฉัน และบอกว่า “ดูท่าทางแล้ว คุณคงไปง่าย ๆ ไม่ได้หรอก คุณน่าจะพูดความจริงกับอาธิป เขามีใจให้ลูกคนนี้ ส่วนเรื่องอื่น ๆ เขาก็จะไปแก้ไขกันเอง”
ฉันเข้าใจที่คุณกวินพูด เรื่องอื่น ๆ นั้นหมายถึงเรื่องของนัชชา
สำหรับเรื่องของนัชชา ฉันก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไร ฉันไม่เคยไปสืบถามเรื่องระหว่างนัชชากับอาธิปเลย แต่ตอนนี้ ฉันอดไม่ได้ที่จะต้องถามคุณกวินว่า “อาธิปเขาคงรักนัชชามากแหละมั้ง”