“คุณหมายความว่ายังไงกันแน่? ทำไมถึงย้ายแม่ฉันไป?”
กู้ฉางชิงตะโกนลั่นใส่กู้หงเซินที่บันไดผ่านโทรศัพท์
เขาอยู่ด้วยกันกับแม่ตั้งแต่ยังเล็ก กู้หงเซินทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลให้แม่ กลับไม่บอกเขาสักนิด
กู้ฉางชิงโกรธจนมือไม้สั่น เขาเกลียดกู้หงเซินที่มักจะเอาแม่มาข่มขู่เขาที่สุด
ท่าทางเหมือนคนผิดปกติแบบนี้ ทำให้ผู้คนไม่น้อยที่เดินผ่านทางนี้ มองมาทางเขาด้วยสายตาแปลกๆ
“แม่เธอไม่เป็นอะไรหรอก ฉันจะให้หมอรักษาอาการป่วยของเขาเอง”
เสียงของกู้หงเซินราวกับเครื่องจักรที่เย็นยะเยือก ไม่มีอุณหภูมิ “เธอไม่มีธุระ แล้วไปที่โรงพยาบาลทำไม? เวลานี้เชื่อฟังฉันแล้วไปอยู่เฉยๆที่ตระกูลเฟิงซะ ถ้าความลับถูกเปิดเผย มาว่าฉันไม่ได้นะ มันเป็นเพราะเธอไม่ยอมทำตัวดีๆ เธอลองพิจารณาดูแล้วกัน”
กู้ฉางชิงโกรธจนพูดไม่ออก มือที่วางข้างลำตัวก็บีบเข้าหากันจนฝ่ามือแดง
เขาไม่เคยคิดว่านี่เป็นเรื่องจริง กู้หงเซินตั้งใจซ่อนแม่เขา
“แต่ว่าถ้าเธอเกลี้ยกล่อมเฟิงจิงเหยาได้ ให้ฉันเข้าไปเป็นหุ้นส่วนของบริษัทใหม่ ฉันสามารถจัดการให้เธอได้เจอแม่เดือนละครั้ง”
กู้หงเซินทำทีว่าใจกว้าง อย่างกับว่าการทำให้กู้ฉางชิงได้เจอแม่นั้น เป็นการทานยังไงอย่างงั้น
“นี่คุณขู่ฉันเหรอ?”
กู้ฉางชิงพูดเสียงโกรธ เขาไปทำอะไรไว้กันแน่ ถึงได้เจอพ่อแบบนี้
“ทำไมเธอถึงคิดแบบนี้ เธอก็คิดซะว่านี่เป็นการค้าขาย”
กู้หงเซินตอบในอีกแง่มุมหนึ่ง “เธอลองคิดดีๆนะ ทำแบบนี้ยังไงซะก็ไม่ได้เป็นผลเสียต่อเธอ อาการป่วยของแม่เธอยังสามารถได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ได้นะ”
กู้ฉางชิงสีหน้าซีดเผือด นี่เขาควบคุมเธอได้แล้ว
เธอเม้มปาก บีบโทรศัพท์หักอย่างโหดเหี้ยม ระหว่างทางอารมณ์ไม่ดีถึงขีดสุด
ขณะที่เข้าบ้าน นิสัยทั้งหมดก็เปลี่ยนไป
เห็นท่าทางของเขา คนรับใช้พวกนั้นก็ถอยหลังไปไม่กี่ก้าว กลัวว่าเขาจะโกรธแล้วพาลใส่
กู้ฉางชิงก็ไม่อยากจะสนใจพวกเขาแล้วเหมือนกัน อารมณ์ฉุนเฉียวมุ่งตรงกลับไปที่ห้อง
ความหงุดหงิดที่กดทับไว้ในใจก็พลุ่งพล่านขึ้นมา เขาดึงหมอนออกมาอย่างรุนแรง ทุบไปสองครั้ง “เห้อ…”
ปล่อยลมหายใจออกมา ทั้งร่างกายของกู้ฉางชิงก็ทรุดลงไปบนเตียง
มองดูฝ้าเพดาน ก็เงียบลงได้ไม่น้อย
“ต้องเริ่มพูดกับเขายังไงดีนะ?”
กู้ฉางชิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเพื่อแม่แล้วคงต้องทำให้กู้หงเซินเชื่อใจก่อนเป็นอันดับแรก
เขากระแอมในลำคอ จินตนาการถึงภาพที่เฟิงจิงเหยากลับมาตอนกลางคืน
“จิงเหยา คือว่า คุณ คุณสามารถแบ่งหุ้นส่วนของบริษัทใหม่ให้พ่อฉันสักสามสิบเปอร์เซ็นต์ได้ไหม?”
“จิงเหยาฉันปรึกษาอะไรคุณหน่อย สร้างบริษัทใหม่ต้องการเงินทุนสนับสนุนใช่ไหมล่ะ พ่อฉันอยากจะถือหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์”
“จิงเหยา คือว่าพ่อฉันอยากจะเข้าร่วมบริษัทของคุณที่สร้างใหม่ เขาต้องการแบ่งหุ้นแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์”
……
“เห้อ ไม่ได้ ไม่ได้”
กู้ฉางชิงขยี้หัวอย่างบ้าคลั่ง ไม่ว่าจะเริ่มพูดยังไง เขาก็ยังรู้สึกว่าน้ำเสียงไม่ถูกต้อง
เขาลุกขึ้นจากเตียงอย่างคนหมดกำลังใจ กู้ฉางชิงเดินอย่างเชื่องช้าไปนั่งลงที่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ
เขาเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะ แล้วเปิดดูต้นฉบับออกแบบที่วางอยู่ตรงกลางบนโต๊ะ
“ช่างเถอะ แก้ไขต้นฉบับให้เสร็จก่อนดีกว่า”
กู้ฉางชิงคิดไปด้วย จับดินสอที่อยู่ข้างๆไปด้วย ตั้งใจแก้ไขอย่างละเอียด
รอจิตใจของเขาทั้งหมดเข้าไปอยู่ในการออกแบบ อารมณ์ของเขาก็ค่อยๆคงที่
ขณะที่รอเฟิงจิงเหยากลับมาทานอาหารมื้อค่ำ กู้ฉางชิงเหมือนจะมีความคิดดีๆ นำต้นฉบับออกแบบที่แก้ไขเสร็จให้กับเขา “คุณดูหน่อยสิ มีความคิดเห็นอะไรที่จะเสนอไหม?”
สำหรับผลงานของตัวเองนั้น กู้ฉางชิงยังคงมีความมั่นใจมาก
เฟิงจิงเหยาดูอย่างตั้งใจมาก ยิ่งดู รอยยิ้มที่มุมปากก็ที่ยิ่งชัดขึ้น “ดีมาก!ไม่มีตรงไหนที่ต้องแก้ไข”
เอาต้นฉบับออกแบบวางไว้ที่ด้านข้าง เขายิ้มเบาๆให้กู้ฉางชิง “ช่วงนี้ลำบากคุณแล้ว”
“ไม่หรอกค่ะ ก็แค่ต้นฉบับไม่กี่แผ่นเท่านั้นเอง”
กู้ฉางชิงกำมือทั้งสองข้างยันเอาไว้ใต้คาง ในใจคิดเตรียมการไปแล้วหลายรอบ อยากจะถามความต้องการของบริษัทจากเฟิงจิงเหยา
อยากจะพูดแต่กลับพูดไม่ออก ทำได้แค่ถาม “ช่วงนี้เห็นว่าคุณยุ่งมาก บริษัทสร้างไปถึงไหนแล้วเหรอคะ?”
“สถานที่ตั้งของบริษัทมีเป็นหลักแหล่งแล้ว ผมคิดไว้ว่าจะย้ายพนักงานส่วนหนึ่งจากสำนักงานใหญ่ไป ที่เหลือก็แค่เปิดรับสมัครดีไซเนอร์อีกไม่กี่คนก็พอ”
เฟิงจิงเหยาไม่ได้คิดอะไรมาก “ที่จริงแล้วไม่ได้เตรียมงานอะไรมากมาย”
กู้ฉางชิงพยักหน้า ดูๆแล้วเฟิงจิงเหยาจัดการไว้เกือบหมดแล้ว
ถ้ากู้หงเซินมาก็ถือว่าเอาเปรียบเขาที่ทำเอาไว้แล้ว ดูแล้วไม่ว่าพูดยังไงก็คงไม่ได้
คำพูดที่จะลองเชิงแต่แรกถูกเก็บกลับไปในท้อง
ทานข้าวเสร็จ เฟิงจิงเหยาก็ไปทำงานที่ห้องหนังสือ ส่วนกู้ฉางชิงก็กลับห้องนอน
ขณะที่รอเฟิงจิงเหยากลับมาจากห้องหนังสือ กู้ฉางชิงก็หลับไปซะแล้ว
ไม่กล้าจะรบกวนเขา เฟิงจิงเหยาก็เลยนอนข้างๆเขาอย่างระมัดระวัง
ใครจะไปรู้ถึงเวลากลางดึก กู้ฉางชิงรู้สึกว่าปวดท้อง เหงื่อไหลออกมาตามหน้าผากผิวขาวเนียนของเขา
เขาค่อยๆพลิกตัวแล้วลุกขึ้นมานั่ง รีบพุ่งลงจากเตียงไปยังห้องน้ำ
มีคราบสีแดงเลอะอยู่ที่กางเกงใน เขา นี่ประจำเดือนเขามา?
หลังจากจัดการแบบง่ายๆเสร็จ กู้ฉางชิงก็หาที่นอนเล็กๆ มาปูตรงที่เขานอน
“คุณเป็นอะไร? ปวดท้องเหรอ?”
เฟิงจิงเหยาเป็นคนนอนหลับไม่ลึก ท่าทางรีบร้อนของกู้ฉางชิงเมื่อกี้ ทำให้เขาตื่น
ถูกเขาถามกะทันหันแบบนี้ กู้ฉางชิงทำตัวไม่ถูก พูดติดอ่าง “ประ…ประจำเดือนฉันน่าจะมาแล้ว”
“……” เฟิงจิงเหยาเงียบ
กู้ฉางชิงนอนพิงอย่างเงียบๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดเรื่องนี้กับผู้ชาย ในใจรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย
ไม่กี่วันก่อนหน้านั้นเขาทั้งสองคนเพิ่งจะถูกคุณปู่เรียกตัวไป เขารู้สึกได้ว่าเฟิงจิงเหยาร้อนใจอยากมีลูกกับเขา
ครั้งนี้ ประจำเดือนก็มาแล้ว
มีลูกอะไรกัน
กู้ฉางชิงใจฝ่อ แอบดูเฟิงจิงเหยาสักนิด เห็นว่าเขาก็ไม่ได้มีท่าทีไม่ดีใจ
ยังพยายามดูต่อ ได้ยินเขาพูด “ไม่มีอะไรก็รีบพักผ่อนซะ”
กู้ฉางชิงพยักหน้า ปีนขึ้นบนเตียงอย่างช้าๆ
นอนพิงได้สักพัก ความรู้สึกปวดท้องบิดก็มาอีกแล้ว
กู้ฉางชิงนอนพลิกไปพลิกมา ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ได้ช่วยทำให้ผ่อนคลายลงเลย ใบหน้าเล็กๆนั้นขาวซีด
เขาพลิกไปพลิกมาแบบนี้ เฟิงจิงเหยาก็ไม่ค่อยสบายใจ ยื่นมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง
เขาเตรียมลุกขึ้นจะไปห้องพักแขก เพื่อไม่ให้กระทบกับการทำงานวันที่สอง
ใครจะไปรู้พอลุกขึ้น ก็พบว่ากู้ฉางชิงมีอะไรแปลกๆไป
“กู้ฉางซิน?” เฟิงจิงเหยาดึงกู้ฉางชิงให้หันมาทางตนเอง
ก็เห็นว่ามือสองข้างของเขากุมท้องน้อยอยู่ สีหน้าของเขาไม่มีสีเลือดฝาดเหลืออยู่เลย ยื่นมือไปลูบก็พบว่าเย็นยะเยือก ทันใดนั้นก็ถามอย่างกังวลทันที “คุณเป็นอะไรกันแน่?”