กู้ฉางชิงยิ้มอย่างอ่อนแรง “ชินแล้ว ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทนอีกสองวันก็ผ่านไปได้แล้ว”
“ได้ยังไงล่ะ คุณรอก่อนนะ!” เฟิงจิงเหยาลูบศีรษะเขาอย่างปลอบโยน
ด้านล่างนอกจากคนรับใช้ที่อยู่กะดึกสองคนแล้ว คนอื่นๆนั้นหลับกันหมด
ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวทั้งสองคนก็รีบยืนขึ้น “คุณชาย!”
“ไม่เป็นไร พวกเธอไปพักผ่อนเถอะ”
เฟิงจิงเหยาพลิกหายาแก้ปวดในกล่องยา คิดแล้วก็หันไปทางห้องครัวเพื่อจะต้มน้ำหวานบำรุงสักถ้วย
ดูเขายกถาดรองขึ้นไปชั้นสอง คนรับใช้สองคนมองตากัน ต่างคนต่างไม่อยากจะเชื่อ
ดึกดื่นขนาดนี้คุณชายต้องการทำอะไรกันนะ?
น้ำหวาน?
ต้มให้คุณนายรองเหรอ?
ข่าวใหญ่ไฟลุกโชนอยู่ในสายตาของสาวรับใช้สองคน
ยังไงซะเฟิงจิงเหยาในสายตาพวกเขานั้น อย่างกับการมีอยู่ของพระเจ้า กลับต้มน้ำหวานทำเรื่องแบบนั้นเพื่อหญิงสาว
“ดื่มน้ำหวานสักหน่อยเถอะ”
เฟิงจิงเหยาเอาถาดรองวางไว้ด้านข้าง แล้วเอาถ้วยส่งให้กู้ฉางชิง
กู้ฉางชิงรับมาดื่มไปเล็กน้อย กระแสอุ่นๆ ขึ้นมาจากกระเพาะเขาทีละนิด เริ่มแพร่กระจายไปด้านล่าง ทันใดนั้นก็สบายตัวขึ้นเยอะ
“ขอบคุณคุณมากค่ะ!”
เฟิงจิงเหยากระตุกริมฝีปาก “เกรงใจอะไรกับฉันกัน”
เสียงของเขามีความดึงดูด และทำให้ผู้คนรู้สึกจิตใจสงบ
กู้ฉางชิงรู้สึกว่าในใจสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น รอดื่มเสร็จถึงจะหลับลึกลงไป
วันต่อมา กู้ฉางชิงนั้นรู้สึกว่าตนเองนอนสายจนตะวันโด่ง
ขณะที่รอเขาตื่นนอน เฟิงจิงเหยาก็ไม่อยู่แล้ว
เขาเป็นคนที่จริงจังในการทำงานมาก ถึงแม้ว่าตอนกลางคืนจะพักผ่อนไม่เพียงพอ เขาก็ยังไปทำงานตามปกติ
กู้ฉางชิงมองเหม่อไปตรงที่ที่เขานอน ความทรงจำเมื่อคืนยังคงอยู่
คนอย่างเขาใส่ใจรายละเอียดแบบนี้เป็นด้วย
ลูบที่ท้องแล้ว กู้ฉางชิงถึงจะค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง
แต่เพราะเหตุผลที่ว่าเขามักจะนอนติดเตียง คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็ไม่มีงานเหลืออะไรให้ทำมากขนาดนั้น
เห็นได้ชัดว่าคฤหาสน์ของที่นี่สบายกว่าที่อื่นเยอะเลย
เสี่ยวเหลียนหาโอกาสแอบออกไปข้างนอกอีกแล้ว
ช่วงนี้ลู่ซือหยี่อยู่ที่บ้านรอทำงาน เห็นว่าเสี่ยวเหลียนมาแล้ว ก็ให้คนไปรับเข้ามา
“พูดมาสิ ครั้งนี้มีเรื่องอะไรอีก?”
หลายต่อหลายครั้งที่เสี่ยวเหลียนไม่มีข่าวดีมาให้ อารมณ์ของเขาก็ไม่ใช่ว่าจะดีอะไรมาก
เสี่ยวเหลียนถูฝ่ามือไปมา “ดิฉันได้ยินแม่หวางพูดมาว่าเมื่อวานคุณนายรองประจำเดือนมา คุณชายลงไปห้องครัวต้มน้ำหวานไปบำรุงด้วยตัวเองเลยค่ะ ทุกคนล้วนแต่พูดกันว่าคุณชายชอบคุณนายรอง”
เขาพูดจบก็ร้อนใจแทนลู่ซือหยี่ สำหรับเขาแล้วคุณลู่กับคุณชายเหมาะสมดั่งกิ่งทองใบหยก
เสี่ยวเหลียนพูดไปด้วย แอบสังเกตสีหน้าของลู่ซือหยี่ไปด้วย อย่างที่คิด สีหน้าของเขาเริ่มอึมครึม
“เธอพูดอะไร? เขาเนี่ยนะต้มของพันนั้นให้ผู้หญิงชั่วคนนั้น”
ลู่ซือหยี่กัดฟันกรอด “กู้ฉางชิงมันมีสิทธิ์อะไร?”
เพล้ง!
ถ้วยลายครามชุดหนึ่ง ถูกแขนข้างหนึ่งของเขาปัดลงไปที่พื้น
นี่เป็นซุปบำรุงที่หญิงรับใช้เพิ่งจะยกมาให้เขาโดยเฉพาะ ถึงขนาดต้องทำความสะอาดพรม
แต่ทว่ากลับไม่มีใครกล้าเข้ามา
หน้าอกของเขาขึ้นลงไม่หยุด เสี่ยวเหลียนตกใจ ดวงตากลมโตกลอกไปมาไม่หยุด
“คุณลู่ ความจริงแล้วคุณไม่ต้องโกรธหรอก เรื่องที่ดิฉันพูดอย่างน้อยก็เป็นเรื่องดี”
เขาพูดไปครึ่งหนึ่ง ก็มองไปที่หน้าราวกับจะกินคนของลู่ซือหยี่ คำพูดก็ค้างไว้ ทำได้แค่พูดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “นี่ก็หมายความว่าเขาไม่ได้ท้อง!”
ฟังเขาพูดแบบนี้ สีหน้าของลู่ซือหยี่ก็ดีขึ้น แต่ก็ยังคงแค้นอยู่
“ช่างเถอะ ช่วงนี้เธอก็จับตาดูให้ฉันแล้วกัน อย่าทิ้งร่องรอยไว้ล่ะ”
เขาไม่เชื่อหรอกว่ากู้ฉางซินจะโชคดีได้ตลอด
เวลาผ่านไปเร็วมาก ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว
ช่วงนี้กู้ฉางชิงมีเรื่องให้วุ่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เรื่องที่กู้หงเซินให้ทำ อยู่ในใจเขาเหมือนกับแพนเค้ก ที่โดนทรมานทั้งสองด้าน
“คุณนายรองมีโทรศัพท์เข้าค่ะ”
สาวรับใช้คนหนึ่งเตือนกู้ฉางชิงอย่างระมัดระวัง
โทรศัพท์นี้ดังอยู่สักพัก แต่เขาเห็นว่าคุณนายรองใจลอยอยู่นาน นึกว่าเขาไม่ได้ยิน
“อ้ะ โอเค” กู้ฉางชิงตอบรับ เป็นกู้หงเซินที่โทรเข้ามา
เขาไม่ได้อยากรับ แต่ไม่รับก็ไม่ได้ แล้วยื่นมือไปกดปุ่มรับสาย
เสียงของปลายสายในโทรศัพท์ไม่ค่อยน่าฟังสักเท่าไหร่ “ได้ยินมาว่าบริษัทใหม่ที่เฟิงจิงเหยาสร้างใกล้เสร็จแล้ว เธอได้คุยกับเขาเรื่องที่จะให้ฉันเป็นหุ้นส่วนแล้วหรือยัง?”
ฟังออกว่ากู้หงเซินเร่งรีบมาก แต่เขาจะเริ่มพูดยังไงไม่ให้ละอายใจล่ะ
“ยังไม่ได้คุย” กู้ฉางชิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ กู้หงเซินเห็นเขาเป็นอะไร
เห็นว่าเขาพูดประโยคเดียว แล้วเฟิงจิงเหยาจะฟังเหรอ?
“เธอรีบหน่อย ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้คิดเรื่องที่จะเจอแม่เธออีกเลย”
เสียงของกู้หงเซินค่อนข้างจะหงุดหงิด “ฉันบอกเธอไปตั้งนานแล้วนะ เธอกลับยืดเวลาจนถึงตอนนี้ กู้ฉางชิง อย่ามาท้าทายความอดทนของฉัน”
โทรศัพท์ถูกวางเสียงดัง กู้หงเซินกลับแสดงสีหน้าใส่เขา
กู้ฉางชิงโกรธจนตัวสั่น กลับไม่มีทางเลือก
คนรับใช้รอบตัวที่กำลังทำงานอยู่ก็หยุดมาดูกันตรงนี้ กลับไม่มีสักคนที่กล้าจะถาม
……
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ กู้ฉางชิงอาบน้ำเสร็จ เฟิงจิงเหยาก็ยังไม่ได้กลับมา
คิดถึงคำพูดของกู้หงเซินเมื่อกลางวัน กู้ฉางชิงทนไม่ไหวลุกเดินไปเดินมาเดินในห้อง
เขาน่ะไม่เป็นไร แต่อาการป่วยของแม่จะหยุดการรักษาไม่ได้เด็ดขาด
แต่นี่ก็ไม่ได้ช่วยให้เขาคิดวิธีดีๆออกเลย กลับยิ่งใจร้อนกว่าเดิม
เสียงแกร๊ก ประตูถูกเปิดออก เฟิงจิงเหยาเดินเข้ามาจากด้านนอก
เห็นว่าเขาเดินอยู่ยังไม่ได้นอน เฟิงจิงเหยาแปลกใจนิดหน่อย
เขางานยุ่งทุกวัน ตอนที่กลับมา กู้ฉางชิงมักจะหลับไปแล้ว
แต่วันนี้ดูท่าทางเขาแล้ว ในใจเหมือนว่ามีเรื่องอะไรอยู่
“ทำไมยังไม่นอนล่ะ?” เฟิงจิงเหยาเปลี่ยนชุดไปด้วย เตรียมจะเข้าห้องน้ำไปด้วย
“เดี๋ยวก่อน” เห็นเขาหันมา กู้ฉางชิงพูดอย่างลังเล “ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“เรื่องอะไร?”
เฟิงจิงเหยาหันมามองทางเขา บนตัวเขามีท่าทางเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานทั้งวัน แต่ดวงตาคู่นี้กลับสว่าง ราวกับว่าสามารถดึงดูดผู้คนให้เข้าไปในก้นบึ้งได้
“ฉัน ฉันยอมเป็นดีไซเนอร์ให้กับบริษัทของคุณ”
เฟิงจิงเหยากระตุกมุมปาก ปรากฏรอยยิ้มที่ยากนักที่จะได้เห็น “’งั้นบริษัทคุณยินดีต้อนรับ ถ้าคุณมีความต้องการอะไรก็สามารถเสนอกับผมตรงๆได้เลย”
“จริงๆยังมีอีกหนึ่งเรื่อง” กู้ฉางชิงพูด เขารู้สึกลำบากใจ
เฟิงจิงเหยากลับเข้าใจได้ทันที เลยถาม “เรื่องอะไร? พูดมาตามตรงเถอะ!”
ในบริษัทก็มักจะเชิญพนักงานที่มีความสามารถมากมาทำงาน คนพวกนี้โดยทั่วไปก็มักจะเสนอเงื่อนไขกับเขา
กู้ฉางชิงมีความสามารถมากขนาดนี้ สำหรับเขาแล้วการเสนอเงื่อนไขถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทเพิ่งจะสร้าง ก็มีพนักงานแบบนี้เลย มีแต่ได้รับประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย
“บริษัทนี้……บริษัทนี้สามารถให้พ่อฉันเข้าร่วมหุ้นส่วนด้วยได้ไหม”
เพื่อแม่แล้ว กู้ฉางชิงรวบรวมความกล้ากัดฟันพูดออกมา สายตาเขาประสานเข้ากับเฟิงจิงเหยา