“ฮัลโหล? “กู้ฉางชิงรับโทรศัพท์แล้วถาม “มีธุระอะไรหรือเปล่า?
ผู้ถือสายลังเลครู่หนึ่ง และกล่าว “ข้าคือฟู่หยุนชวน ขอโทษที่รบกวน โทรมาวันนี้แค่อยากถามว่า เรื่องที่เจ้ากำลังพิจารณาอยู่เป็นอย่างไรบ้าง”
น้ำเสียงของฟู่หยุนชวนสุภาพและนุ่มนวล ทำให้คนฟังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี
อย่างไรก็ตาม กู้ฉางชิงตอบกลับด้วยความสุภาพ “ขอโทษนะ ข้ายังไม่สามารถให้คำตอบได้! ”
คำพูดที่รุนแรงของเฟิงจิงเหยายังวนเวียนอยู่ในหัว
หลายวันมานี้เพราะปัญหานี้ทำให้ทั้งสองคนทะเลาะกัน นางไม่อยากมีปัญหาเพิ่ม
พูดจบนางก็จะวางสาย แต่ฟู่หยุนชวนห้ามไว้ก่อน
“คุณนายฉาง เจ้ายังกังวลเรื่องอะไรอยู่ ข้อเสนอของข้าไม่มากพองั้นหรือ? ถ้าหากใช่ นอกจากหุ้นแล้วเจ้าอยากได้อะไรอีก ถ้าฟู่หยุนชวนอย่างข้าหามาได้ ข้าจะทำให้เจ้าทุกอย่าง ”
ฟู่หยุนชวนพูดอย่างจริงใจ
กู้ฉางชิงได้ยินแล้ว สะดุ้ง ” ไม่ใช่ๆ จริงๆแล้วข้อเสนอของเจ้า… ข้าพอใจมากแล้ว แต่แค่……”
ฟู่หยุนชวนเริ่มรู้คำตอบ น้ำเสียงเบาลง “คุณนายฉางมีอะไรที่ไม่สามารถบอกข้าได้งั้นหรือ? ข้าชื่นชมในความสามารถของเจ้าจริงๆ หากขาดมันไปจะเป็นการสุญเสียของวงการออกแบบเลยก็ว่าได้ เพราะเหตุนี้ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ปฏิเสธข้า ”
กู้ฉางชิงหายใจเข้าลึกๆ ฟู่หยุนชวนพูดแบบนี้ทำให้นางเริ่มใจอ่อน
“ฟู่หยุนชวน ขอบคุณที่เลือกข้า”
นางเห็นถึงความจริงใจของอีกฝ่าย แต่ทว่านางตอนนี้ก็ไม่อาจทำตามใจตนได้
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าเห็นถึงความสามารถของเจ้า ข้าคิดว่าหากเราร่วมมือกัน แบรนด์ของเราต้องโด่งดังไปทั่วโลกทำกำไรได้มากมาย ข้ารับประกันได้เลยว่าเจ้าจะมีทั้งชื่อเสียงและเงินทอง”
ฟู่หยุนชวนพูดล่อใจหวังให้กู้ฉางชิงรีบตอบตกลง
กู้ฉางชิงเม้มริมฝีปากเบาๆ นางออกมาเป็นเวลานานแล้ว นางพูดเปลี่ยนเรื่อง “คุณฟู่ ตอนนี้ฉันไม่สะดวกจริงๆ ไว้ค่อยคุยกันใหม่นะ ”
ฟู่หยุนชวนอ่ำอึ่งไปสักครู่ “ต้องขออภัย ถ้าอย่างงั้นเรานัดคุยกันต่อหน้าดีไหม ”
ตรงข้ามประตู นางรู้สึกถึงบรรยากาศที่ผิดปกติในห้องอาหาร
“ขออภัยด้วย ข้าไม่สะดวกจริงๆ”
กู้ฉางชิงรีบวางโทรศัทพ์ และกลับไปที่ห้องอาหาร
เห็นนางถือโทรศัพท์เดินเข้ามา สีหน้าของคุณนายเฟิงก็เปลี่ยนไป พูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว เจ้ายังมีธุระมากมายเช่นนี้อีก ปล่อยให้ทุกคนรอเจ้าคนเดียว ”
“ขอโทษด้วยนะคะ! ” กู้ฉางชิงนั่งลงกับที่
เห็นสายตาทุกคู่มองมาที่นาง นางรู้สึกเกรงใจมาก
“ก็แค่รับโทรศัพท์แค่นี้เอง”
นายท่านเฟิงพูดปลอบกู้ฉางชิง น้ำเสียงฟังออกว่านายท่านเฟิงไม่พอใจกับคำพูดของคุณนายเฟิง
บรรยากาศควบแน่นทันที คุณนายเฟิงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แต่ไม่กล้าทำให้นายท่านขุนเคือง
นางไม่กล้าพูดอะไร นายท่านเฟิงทำให้บรรยากาศสงบลง ” เอาล่ะ รีบทาน รีบทาน เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นซะก่อน ”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ โทรศัพท์ของกู้ฉางชิงดังขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่แม้แต่สีหน้าของคุณนายเฟิงจะเปลี่ยนไป นายท่านเฟิงก็เริ่มไม่พอใจ
ลู่ซือยวี่พูดดูถูกเหยียดหยาม เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกู้ฉางชิง พึงพำเบาๆ ” คิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ ”
เสียงนางพูดเบามาก ทุกคนให้ความสนใจไปที่กู้ฉางชิง ไม่มีใครสังเกตนาง
หน้าจอโทรศัพท์ยังคงกระพริบ ชื่อของฟู่หยุนชวนปรากฏขึ้นที่หน้าจอ ทำให้เฟิงจิงเหยาตื่นตามาก
ใบหน้าที่เย็นชาตลอดเวลาของเขาเห็นได้ชัดขึ้น และจ้องมองไปที่กู้ฉางชิง
นางกับฟู่หยุนชวนมีธุระอะไรกันแน่ เมื่อกี้ก็โทรศัพท์ ตอนนี้ก็ส่งข้อความ?
กู้ฉางชิงสูดหายใจเข้าลึกๆ หยิบโทรศัพท์ ตอบกลับข้อความ
เธอรีบตอบกลับฟู่หยุนชวนด้วยข้อความสั้นๆว่า “ถ้าอย่างงั้นเจอกันพรุ่งนี้ตอนบ่าย”
ทันทีที่กู้ฉางชิงตอบกลับข้อความเสร็จ ลู่ซือยวี่ก็ลุกขึ้นจากอีกด้านของโต๊ะและคว้าโทรศัพท์ไปจากมือกู้ฉางชิง “ฉางซิน มีเรื่องอะไรก็เก็บไว้คุยหลังกินข้าวเสร็จ”
นางยิ้มและเขย่าโทรศัพท์พร้อมพูดว่า “ข้ายึดโทรศัพท์ชั่วคราว! ”
ลู่ซือยวี่พูดจบก็แกล้งวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ตั้งใจจะให้คุณนายเฟิงเห็นข้อความ
โทรศัพท์ยังไม่ได้ล็อค และหน้าจอยังแสดงอยู่ในหน้าที่กู้ฉางชิงตอบกลับฟู่หยุนชวน
คุณนายเฟิงหันไปเห็นข้อความ “เจอกันพรุ่งนี้ตอนบ่าย” ใบหน้านางบูดบึ้งและพูดออกมาอย่างโมโห “กู้ฉางซิน! ”
นางตะโกนออกมา สายตาทุกคนจับจ้องไปที่ตัวนาง
กู้ฉางชิงหันมองโทรศัพท์ของเธอแล้วจ้องไปที่
ลู่ซือยวี่ เข้าใจถึงสถานการณ์
นางก็ไม่ได้เขียนอะไร
คุณนายเฟิงก็ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
เมื่อเห็นกู้ฉางชิงแสดงอาการนิ่งๆ ทำให้คุณนายเฟิงหงุดหงิดขึ้นมา นางกำลังจะโจมตีแต่ถูกเสียงหนึ่งขัดจังหวะไว้ซะก่อน
“ท่านแม่ มีเรื่องอันใดค่อยคุยหลังทานข้าวเสร็จ” เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้วและขัดจังหวะคุณนายเฟิง
คุณนายเฟิงถูกเฟิงจิงเหยาขัด ทำได้เพียง
กัดฟันและอดทนไว้
ใบหน้าบึ้งตึงน่าเกลียด
บรรยากาศในห้องอาหารเงียบมาก ไม่มีใครกล้าคีบตะเกียบเลยสักคน
นายท่านเฟิงโกรธ “หมิงฮัว เจ้ามีเรื่องขัดข้องเกี่ยวกับงานแต่งของกู้ฉางซินกับจิงเหยาอย่างงั้นหรือ? หากมีก็พูดมากับข้า จะไปกดดันเด็กทำไม? ”
นายท่านโกรธมาก คุณนายเฟิงเงียบพร้อมอารมณ์ที่เต็มไปด้วยไฟและพูดว่า “ไม่กล้ามีหรอก! ”
“ถ้าอย่างงั้นก็รีบๆทานข้าวซะ”
นางยอมรับผิดแล้ว นายท่านเฟิงก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ
เสียงของนายท่านเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมทำให้ทั้งห้องอาหารเงียบลง
กู้ฉางชิงมองไปที่ปู่ของนางด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็รู้สึกอบอุ่นในใจ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ลู่ซือยวี่รู้สึกไม่พอใจ “กู้ฉางชิงเป็นแบบนี้แต่นายท่านยังเข้าข้างนาง แถมยังตำหนิคุณน้าหมิงอีก”
คุณนายเฟิงถูกนายท่านกดดันต่อหน้าคนอายุน้อยกว่าทำให้นางสงบลง นั่งทานอาหารโดยไม่พูดอะ ทำให้ทั้งห้องเงียบมากไม่มีใครกล้าออกเสียง
เวลาผ่านไปไม่นานก็แยกย้าย
“ท่านปู่ ข้าไปส่งท่านเอง”
เฟิงจิงเหยาเปิดประตูรถให้นายท่าน และขึ้นไปขับรถ
กู้ฉางชิงเดินตามไปที่รถนั่งข้างๆนายท่าน
ทันทีที่ขึ้นรถนายท่านก็เชิดหน้าเขามีสง่าผ่าเผยมาก
บรรยากาศบนรถเคร่งขรึม
รถขับผ่านไปครึ่งทาง นายท่านเฟิงก็ดุว่า “จิงเหยา เจ้าไม่พอใจฉางซินเหมือนกันงั้นหรือ? ให้นางเข้ากับแม่เจ้าแบบนี้อย่างงั้นหรือ? ในฐานะลูกชายเจ้าควรปรับความสัมพันธ์ระหว่างแม่เจ้าและภรรยา ทำไมปล่อยให้แม่เจ้ากดขี่ฉางซิน?
นายท่านโกรธมาก และไอออกมาสองสามที
กู้ฉางชิงรีบยื่นมือไปประครองนายท่าน
เฟิงจิงเหยาที่กำลังขับรถอยู่ตกใจ รีบยอมรับผิด “ขอโทษครับท่านปู่ ต่อไปข้าจะไม่ให้เป็นแบบนี้อีกแล้ว ! ”