เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ฟัง ก็ปรายตามองเธอ แล้วพยักหน้า แต่ไม่มีการตอบโต้กลับ
เขาเบือนสายตากลับมามองที่งาน
เมื่อลู่ซือหยี่เห็นท่าทาง ความริษยาภายในใจก็ยิ่งทวีคูณ
เธอกำมือแน่น จนเล็บจิกเข้าเนื้อโดยไม่รู้ตัว แต่สายตาก็ยังเพ่งมองไปที่มู่เฉาเกอ
กู้ฉางฉิงไม่ได้สนใจทั้งสองคนมากนัก เพราะสายตาจับจ้องอยู่แต่มู่เฉาเกอ
โดยเฉพาะเมื่อเห็นมู่เฉาเกอสวมใส่เสื้อผ้าที่เธอเป็นคนออกแบบเอง ที่เธอนำกลิ่นอายความโบราณกับความทันสมัยมาผสมผสานกันอย่างลงตัว แววตาจึงเปล่งประกายความดีใจออกมา
เฟิงจิ่งเหยาเผลอไปมองเธอ เห็นแววตาความดีใจของเธอ มุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อถึงตอนเย็น หลังจากถ่ายงานกันเสร็จเรียบร้อย เฟิงจิ่งเหยาก็ออกปากว่า ให้ทีมงานไปกินเลี้ยงที่ภัตตาคารหรูด้วยกัน
ในโต๊ะกลมใหญ่หนึ่งตัว ถูกพวกเขานั่งกันจนเต็ม
โดยมีเฟิงจิ่งเหยานั่งเป็นหลักก่อน ด้านซ้ายมือเป็นผู้จัดการหลี่ม่าน ถัดไปเป็นลู่ซือหยี่ ดีไซเนอร์ชวี่ชิงหยุนและคนอื่นๆเป็นลำดับถัดไป
ด้านขวาเป็นมู่เฉาเกอและผู้จัดการของเธอ
ส่วนตำแหน่งของกู้ฉางฉิงบังเอิญตรงข้ามกับเฟิงจิ่งเหยา
เมื่อทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมาก็สบตากันพอดี
แต่ทว่าท่าทางของทั้งคู่กลับปกติมาก เฉยมากจนแทบจะเดาไม่ออกเลยว่าเป็นสามีภรรยากัน
แต่ถึงอย่างงั้น มู่เฉาเกอก็ยังมองออก กับแววตาของทั้งคู่ที่มองกัน
เธอหันไปพูดหยอกกับเฟิงจิ่งเหยา
“ท่าทางของฉันเมื่อสักครู่เป็นยังไงบ้างคะ เข้ากับเสื้อผ้าของคุณหรือเปล่า ”
“เพอร์เฟ็คมาก เมื่อคุณใส่ชุดพวกนั้นก็รู้สึกเป็นเกียรติมาก ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์ดีหรือเปล่า เขาจึงพูดแสดงความชื่นชมออกมาไม่ยาก
มู่เฉาเกอเฉิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ:”งั้นเป็นเพราะ ฉันใส่ชุดไหนก็สวยหรือเปล่าคะ”
เฟิงจิ่งเหยายิ้มบาง บวกกับความหล่อของเขาแล้ว เพียงแค่เขานั่งอยู่เฉยๆก็ทำให้สาวๆหลงได้เลย
ความริษยาภายในใจของลู่ซือหยี่มากมายจะบรรยาเป็นคำพูดไม่ได้
เธอจ้องไปที่กู้ฉางฉิงอย่างโมโห ด้วยแววตาที่ซับซ้อน และ……. เกลียดชัง
ทุกอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงต่ำๆคนนี้ เธอต้องป้องกันไว้ก่อน กลัวว่าหล่อนจะแย่งพี่จิ่งเหยาไป
ขนาดตอนนี้มู่เฉาเกอเล่นหูเล่นตากับพี่จิ่งเหยา ผู้หญิงคนนั้นยังไม่คิดจะทำอะไรสักอย่างเลย
ไร้ประโยชน์จริงๆ
ด้านกู้ฉางฉิง สังเกตเห็นสายตาของเธอ ก็รู้สึกอธิบายไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง
ดูเหมือนว่าเธอจะไปยั่วโมโหคุณหนูคนนี้เข้า เหมือนจะมีจุดประสงค์ไม่ค่อยดีหรือเปล่า
ขณะที่เธอกำลังคาดเดาความคิดของลู่ซือหยี่อยู่ ลู่ซือหยี่ก็ดึงสายตากลับไป ยกแก้วไวน์ขึ้นมาให้ชูกับมู่เฉาเกอ
“ได้ยินชื่อเสียงของคุณมู่มานาน นึกไม่ถึงเลยนะคะว่าจะได้เจอกัน ขอบคุณคุณมู่มากนะคะ ที่มาเป็นแบบให้กับบริษัทเรา แก้วนี้ขอมอบให้กับคุณมู่ค่ะ”
เธอพูดจบก็ยกดื่ม แล้วหันไปมองทางมู่เฉาเกอ
“มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วค่ะ”
มู่เฉาเกอหรี่ตามองลู่ซือหยี่ แล้วยิ้มตอบกลับไป
ท่าทีเรียบเฉยนี้ ทำเอาลู่ซือหยี่แสดงสีหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว
แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ กัดฟันแน่น :”ถ้าพูดถึงคุณมู่แล้วเนี่ยถือเป็นตัวท้อปเรื่องแฟชั่นเลยนะคะ ดีไซเนอร์ของบริษัทเราชื่นชอบคุณกันทุกคนเลย”
พูดจบ เธอก็ส่งสายตาไปให้ชวี่ชิงหยุน
ชวี่ชิงหยุนเข้าใจความหมายของสายตานั้น ก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมา แล้วพูดว่า :”ใช่ค่ะ คุณมู่ พวกเราชื่นชมคุณตลอดเลยค่ะ”
เมื่อเธอเริ่มเปิด ดีไซเนอร์คนอื่นๆก็ร่วมยกแก้วขึ้นมาเพื่อชื่มชมมู่เฉาเกอด้วยเช่นกัน
ลู่ซือหยี่เห็นแบบนี้แล้ว ก็ฮึดฮัดเบาๆ
เธอตั้งใจให้เป็นแบบนี้ เพราะไม่อยากให้ผู้หญิงสกุลมู่คนนี้พูดจากระซิบกระซาบกับเฟิงจิ่งเหยา
เนื่องจาการแสดงความชื่นชมยกย่องเธอในตอนนี้ทำให้บรรยากาศภายในห้องวีไอพีดูจะอึดอัดมากขึ้น
หลี่ม่านที่เป็นผู้จัดการของบริษัท ถึงเวลาต้องแสดงท่าทีบ้าง เธอจึงยกแก้วขึ้นมา “คุณมู่ เจ้าหญิงแห่งวงการแฟชั่นได้รับความนิยมมาตลอด คราวนี้คุณมาเป็นแบบให้กับเรา สื่อต่างๆให้ความสนใจไม่น้อยเลยนะคะ”
เมื่อมู่เฉาเกอฟังคำสรรเสริญของทุกคนแล้ว ไม่ได้รู้สึกเขอะเขินมาก แต่ก็ยิ้มเบาๆ “จริงๆเป็นเพราะผลงานอันยอดเยี่ยมของดีไซเนอร์ทุกคนต่างหากค่ะ ที่ทำผลงานออกมาให้ฉันได้ใส่ แล้วได้รับความสนใจขนาดนี้”
พูดจบ เธอก็กวาดสายตาไปมองเฟิงจิ่งเหยา ยิ้มบาง “อีกอย่าง ฉันกับจิ่งเหยาเป็นเพื่อนกัน เขาเปิดบริษัท ฉันก็ต้องมาช่วยอยู่แล้วล่ะค่ะ”
หลี่ม่านได้ฟัง ดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่าง ไม่ได้เกี่ยวกับที่เธอเพิ่งพูด แต่เกี่ยวกับที่เธอพูดไปก่อนหน้านี้ “ใช่ค่ะ ดิฉันเชิญให้หัวหน้าดีไซเนอร์ที่ออกแบบงานสามมิตินี้มายกย่องคุณมู่สักแก้วนะคะ พอดีเลยถ้าคุณมู่มีอะไรอยากแนะนำเพิ่มเติม ก็บอกพวกเขาได้เลย จะได้นำไปปรับปรุงแก้ไข”
“ฉันไม่มีคำแนะนำอะไรหรอกค่ะ ผลงานออกมาดีมากๆอยู่แล้ว”
มู่เฉาเกอไม่ได้คิดจะวิจารณ์อะไรอยู่แล้วจึงพูดออกมาแบบนั้น
ชวี่ชิงหยุนอยากจะคลี่คลายสถานการณ์นี้ จึงยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ถ้าหากว่าคุณมู่บอกว่าดีมากๆ แสดงว่าคุณมู่พอใจผลงานของพวกเรามากๆ นั่นนับคำวิจารณ์ที่ดีที่สุดจากคุณมู่แล้ว แม้ว่าดิฉันจะยกย่องคุณมู่ไปแล้ว แต่ยังอยากแสดงความขอบคุณคุณมู่อีกครั้งค่ะ”
ในขณะที่เธอยืนพูดอยู่นั้ัน มู่ฉิงคงคิดว่าคงไม่ดีถ้าจะเงียบ จึงลุกยืนแล้วยกแก้วขึ้นมาดื่มเพื่อยกย่องด้วยเช่นกัน
สุดท้ายเมื่อมาถึงกู้ฉางฉิง ทุกคนต่างหันมามอง
ก่อนหน้านี้ที่ทุกคนยกแก้วขึ้นมา แต่กู้ฉางฉิงกลับไม่ยก ตอนนี้พวกเขาจึงอยากเห็นว่ากู้ฉางฉิงจะทำยังไง
อาจเพราะทุกคนมองมาเป็นตาเดียวทำให้กู้ฉางฉิงรู้สึกเสียวหลังวาบ
ก่อนอื่นคือเธอดื่มไม่ค่อยเก่ง แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอก็คงหนีไม่พ้น และปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องลุกขึ้นแล้วชูแก้วขึ้นมาดื่ม
เพียงแค่มองไปที่มู่เฉาเกอ เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
“เอ่อ……คุณมู่คะ การที่เชิญคุณมาเป็นแบบให้เราได้ ดิฉันรูสึกเป็นเกียรติมากเลยค่ะ หลังจากที่ได้ทำงานร่วมกับคุณมู่เแล้ว ทำให้ฉันได้แรงบันดาลใจเยอะมากค่ะ เชื่อว่าหลังจากนี้จะออกแบบผลงานที่ดีออกมาได้แน่นอนค่ะ ฉันจะพยายามนะคะ”
มู่เฉาเกอมองไปที่เธอ
“ผลงานที่คุณกู้ออกแบบต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆค่ะ พัฒนาได้เร็ว มีความพยายาม เชื่อว่าต่อไปต้องออกแบบผลงานดีๆได้แน่เลยค่ะ แต่ว่า…….”
เธอพูดค้างเอาไว้แค่นี้ แล้วก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา เธอยิ้มออกมา “ฉันกลับมาครั้งนี้ อย่างที่เคยบอกไปว่า คงเป็นเพราะหน้าตาของจิ่งเหยาค่ะ”
ประโยคนี้ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่พูดถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างเธอกับจิ่งเหยา
ตอนแรกกู้ฉางฉิงไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่ไม่รู้ทำไม เมื่อมองมู่เฉาเกอแล้ว รู้สึกว่าประโยคของเธอเหมือนอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง
ดูเหมือนว่าเธอพยายามบอกว่า ความสัมพันธ์ของเธอกับจิ่งเหยาไม่ธรรมดา
ไม่ใช่แค่เธอที่รู้สึกอย่างนั้น ลู่ซื่อหยี่ก็เข้าใจความหมายลึกๆของประโยคนี้ เธอกัดฟันด้วยความโมโห
กู้ฉางฉิงไม่ได้ใส่ใจมาก เธอเพ่งมองไปที่มู่เฉาเกอ ดูเหมือนสีหน้าเธอซ่อนอะไรบางอย่างไว้
แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่รู้ว่ามู่เฉาเกอแสร้งทำเป็นดีหรือเปล่า เธอดูไม่ออก เธอพยักหน้า ยิ้มตอบไป “ถ้างั้นก็ เชิญเลยค่ะ ”
เธอพูดจบ ก็หันมาดื่มจนหมดแก้ว
ชั่วพริบตา ความร้อนแรงของแอลกอฮอล์ที่ไหลลงไปในลำคอ ทำให้เธอแทบทนไม่ไหว
เธอไม่เคยลืมว่าเธอเป็นกู้ฉางซินที่ดื่มเก่ง