กู้ฉางชิงมองภาพด้านหลังที่เขาเดินจากไป ดวงตาเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง
เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้หมายความว่ายังไง?
โกรธหรือว่าไม่โกรธ?
เธอคิดๆแล้วสุดท้ายก็ละทิ้งความคิดเดิม แล้วคิดหาความคิดอื่น
ในเมื่อเขาไม่ซักถาม เธอก็ไม่ต้องหาคำอธิบายที่กลับจะยิ่งดูเหมือนว่ามีอะไรปกปิดอยู่
คิดอย่างนี้แล้ว เธอก็รีบเดินตามหลังเฟิงจิ่งเหยากลับไปที่ห้อง
แต่เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้อยู่ที่ห้อง เขาไปที่ห้องหนังสือ
หลังจากเขากลับมาที่ประเทศจีนได้ไม่นาน ก็ต้องจัดการกับเรื่องมากมาย
ในขณะที่เขากำลังตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับบริษัท โทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างๆก็ดังขึ้น
เขาเหลือบไปมองและหยิบมันขึ้นมา
“ว่าไง?”
“ท่านประธาน เรื่องของคุณนายรองที่ให้ไปสืบล่าสุดได้ผลสรุปมาแล้ว”
เสียงของชวี่ยี่ดังขึ้นทางโทรศัพท์
เฟิงจิ่งเหยา‘อืม’ด้วยน้ำเสียงเย็นชา และถามว่า:“ได้ผลสรุปว่ายังไง?”
“เรื่องโรงเรียนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ก็มีบางอย่างที่แปลกมาก”
ชวี่ยี่พูดถึงตรงนี้แล้วก็ชะงัก:“เพื่อนนักเรียนของคุณนายรองต่างก็บอกว่าคุณนายรองดื่มเป็นพันๆแก้วก็ไม่เมา แต่อาการของคุณนายรองทั้งสองครั้ง……”
เขาพูดถึงตรงนี้ แล้วก็ไม่ได้พูดต่อ
แต่เฟิงจิ่งเหยารู้ว่าเขาต้องการจะพูดอะไร
ข่าวลือข้างนอกบอกว่ากู้ฉางซินดื่มเป็นพันๆแก้วก็ไม่เมา แต่ที่บ้านดื่มแค่สามแก้วก็ร่วงแล้ว
ไม่ ไม่ถึงสามแก้ว
เฟิงจิ่งเหยาคิดอย่างนี้ ในตาก็ดูมืดครึ้ม
“เรื่องสุขภพล่ะ?มีปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารหรือเปล่า ?”
เขาถามอีกครั้ง
ชวี่ยี่ไม่ปิดปัง แล้วรีบบอกสิ่งที่เขาไปสืบออกมา
“คุณนายรองมีการตรวจสุขภาพเป็นประจำ และข้อมูลจากทางโรงพยาบาลยังชี้ให้เห็นว่าคุณนายรองสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่เคยป่วย และยิ่งไม่มีเรื่องของโรคกระเพาะอาหาร”
ในตอนท้ายของการพูดคุย แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ
ข้อมูลที่สืบมากับความใกล้ชิดของพวกเขา ทั้งหมดทั้งมวลแล้วดูเหมือนว่าจะมีคนสองคน
และความคิดนี้ไม่ใช่แค่เขาที่คิด เฟิงจิ่งเหยาก็คิดเช่นกัน
“คราวนี้ข้อมูลไม่ผิดแน่นะ?”
เขาขมวดคิ้วแน่นและถามราวกับว่าเขาไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงแตกต่างกันอย่างนี้
“ท่านประธานวางใจได้ ข้อมูลนี้ฉันไปหามาด้วยตัวเอง ไม่ผิดแน่”
ชวี่ยี่ตอบอย่างแน่ใจ เขาเข้าใจความหมายของท่านประธาน เขากลับเข้าเรื่องและเดาว่า:“แต่ว่าข้อมูลพวกนี้คือก่อนที่พวกเราจะกลับมาประเทศจีน เป็นไปได้ไหมว่าคุณนายรองเกิดปัญหาหลังจากที่พวกเรากลับมาที่นี่?”
เฟิงจิ่งเหยาเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไร
นี่เป็นการคาดเดาแต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
หลังจากที่เขากลับมาประเทศจีน ก็เกิดเรื่องขึ้นไม่น้อย และผู้หญิงคนนั้นก็เข้าโรงพยาบาลหลายครั้งเพราะเหตุนี้
ไม่ได้ตัดเรื่องของโรคกระเพาะอาหารที่เกิดขึ้นในเวลานั้นออกไป
“แต่เรื่องดื่มเหล้าล่ะ?คนคนหนึ่งจะเป็นโรคกระเพาะอาหารเพราว่าความสามารถในการดื่มเหล้าเปลี่ยนไปอย่างนั้นหรือ”
ชวี่ยี่พูดแล้วก็สำลัก
“นี่……ฉันคิดว่ามันก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ตามหลังเป็นโรคกระเพราะอาหารก็ดื่มน้อยลง ในช่วงนี้คุณนายรองไม่ได้ดื่มเหล้า หรือว่าเธอจะเลิกเหล้าแล้ว ฉันได้ยินว่าคนที่เลิกเหล้าจะมีอาการไม่สบายตัว บางทีคุณนายรองอาจจะเป็นเช่นนั้น”
เขาคิดอยู่นาน แต่ก็คิดแก้ต่างได้ไม่ดีเอาซะเลย
ไม่ต้องพูดถึงเฟิงจิ่งเหยา กล่าวได้ว่าเขารู้สึกว่าเข้าท่าจริงๆ
แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขามักจะรู้สึกว่ากู้ฉางซินผู้หญิงคนนี้ เธอมีความลับบางอย่างเก็บซ่อนไว้
“เรื่องนี้เป็นแบบนี้ไปก่อนละกัน ส่วนคุณก็หยุดสืบไว้ก่อน”
“ครับ”
ชวี่ยี่รับคำสั่ง จากนั้นทั้งสองก็คุยกันเรื่องของบริษัท
……
ในเวลาเดียวกันที่บ้านใหญ่
เฟิงจิ้งหยวนอยู่ที่ห้องกำลังดูแลผิวพรรณของเธออยู่ และไม่อยากให้สาวใช้คนสนิทของเธอรีบร้อนเข้ามา
“ตื่นตระหนกอย่างนี้ เกิดอะไรขึ้น”
เธอเหลือบมองขมวดคิ้วและถาม
“คุณหนูห้า เมื่อกี้ฉันเห็นคุณนายรองกับคุณชายคนนั้นของตระกูลฉินแอบนัดพบกันที่ในสวน”
คนใช้รีบตอบ และทำให้มือของเฟิงจิ้งหยวนหยุดขยับ”
“เธอพูดว่าอะไรนะ?กู้ฉางซินนังสารเลวนั่นแอบนัดพบกันที่ในสวน?”
เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตกใจแต่ก็แอบดีใจอยู่ในใจ
เธอกำลังกลุ้มใจว่าจะไม่มีโอกาสได้จัดการนังสารเลวนั่น คิดไม่ถึงว่าเธอจะส่งมาให้ถึงหน้าประตู
“ไป ตามฉันไปช่วยจับชู้!”
เธอรีบเดินไปที่ประตูอย่างไม่ทันได้คิด
ไม่คิดว่าเดินไปได้แค่สองก้าว ก็ถูกคนใช้หยุดไว้
“คุณหนูห้า ไม่มีประโยชน์ ตอนที่ฉันกลับมา พวกเขาก็แยกกันแล้ว”
เฟิงจิ้งหยวนได้ยินอย่างนั้น สีหน้าก็ดูผิดหวัง และตำหนิว่า:“เธอเห็นแล้วทำไมไม่รีบให้คนมาบอกฉัน ทำให้ฉันเสียโอกาสไปเปล่าๆ”
คนใช้ได้ยินอย่างนั้นแล้วก็ต้องกล้ำกลืน และไม่กล้าโต้แย้ง ได้แต่ก้มหน้าฟังเธอพูด
เฟิงจิ้งหยวนไม่คิดว่าสองสามประโยคหลัง จะทำให้ในหัวเธอมีแสงสว่างวาบและเกิดความคิดขึ้นมา
“ไป ตามฉันไปหาพี่สะใภ้”
เธอพูดจบก็เดินนำคนรับใช้มาที่บ้านใหญ่ สั่งให้คนรับใช้ไปตามคุณนายเฟิงลงมา
“จิ้งหยวน เธอมาหาฉันมีเรื่องอะไรหรอ?”
คุณนายเฟิงเดินลงมาที่ชั้นล่าง แล้วนั่งตรงข้ามกับเฟิงจิ้งหยวนและถาม
“พี่สะใภ้ คนรับใช้บอกว่าเห็นลูกสะใภ้ของคุณแอบนัดพบกับผู้ชายที่สวนหลังบ้าน ฉันคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ ดังนั้นจึงรีบมาบอกพี่สะใภ้ ดูว่าพี่สะใภ้จะจัดการยังไง ถ้าหากว่าเรื่องแพร่ออกไป กลัวว่าตระกูลเฟิงจะเสียชื่อเสียงเพราะกู้ฉางซิน”
เธอพูดใส่ไฟ คุณนายเฟิงโกรธจนตัวสั่น
“นั่งสารเลว!”
เธอกัดฟันพูดด้วยความโกรธ และเรียกให้พ่อบ้านไปตามคนมา
แต่เธอก็ต้องเก็บความกดดันนั้นไว้ เฟิงจิ้งหยวนมองเธอด้วยความสับสน
“พี่สะใภ้ คุณไม่ไปหาลูกสะใภ้เพื่อคิดบัญชีหรอ?”
ทำไมคุณนายเฟิงจะไม่เข้าใจความหมายของเธอ แต่เธอยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถจัดการกู้ฉางซินได้
“จิ้งหยวน เรื่องนี้พวกเราไม่มีหลักฐาน ถ้าจิ่งเหยายังคงเชื่อผู้หญิงคนนั้น พวกเราจะเอาอะไรไปโต้เถียง กลับจะยิ่งทำให้พวกเรากับจิ่งเหยาทะเลาะกันเสียด้วยซ้ำ และทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับจิ่งเหยาดีขึ้น เป็นการช่วยผู้หญิงคนนั้นซะเปล่าๆ
เฟิงจิ้งหยวนได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจนิดหน่อย
“ถ้าอย่างนั้นจะมองดูกู้ฉางซินทำเรื่องแบบนี้หรอ?”
คุณนายเฟิงส่ายหน้า:“ฉันจะต้องคิดหาวิธีไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นทำลายชื่อเสียงของตระกูลเฟิงและจิ่งเหยาเด็ดขาด”
เฟิงจิ้งหยวนได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นเธอก็คิดถึงเรื่องที่เธอเคยรับปากลู่ซือยวี่ไว้
ดูท่าพี่สะใภ้จะไม่อดทนกับกู้ฉางซินผู้หญิงคนนี้อีก ทำไมเธอไม่ใส่ไฟเพิ่ม ผู้หญิงคนนั้นจะได้ออกไปจากบ้านตระกูลเฟิง
ขณะที่เธอคิด ดวงตาก็เปล่งประกายด้วยความหวังดี:“พี่สะใภ้ แทนที่จะคิดหาวิธีมุ่งเป้าไปที่กู้ฉางซิน ไม่สู้เอาคนคนนั้นกลับมา”
“ฉันแค่คิด แต่ก็ไม่มีวิธี”
คุณนายเฟิงเม้มริมฝีปาก จากนั้นเธอก็มองไปที่เฟิงจิ้งหยวนราวกับว่าเธอสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
“คุณไม่ใช่มีวิธีที่ดีกว่ามาตลอดหรอ?”
เฟิงจิ้งหยวนได้ยินอย่างนั้นก็เม้มริมฝีปากแปลกๆ
“มีทางเดียว แต่ขึ้นอยู่กับว่าพี่สะใภ้เต็มใจหรือไม่”
คุณนายเฟิงขมวดคิ้ว:“คุณลองพูดมาก่อน ว่าคุณมีวิธีอะไร”
เฟิงจิ้งหยวนเห็นอย่างนั้นก็พูดความคิดเห็นของเธอออกมา
“ง่ายมาก เพียงแค่พี่สะใภ้จัดงานเลี้ยงการกุศลและเชิญกู้หงเซินมา คืนนั้นพวกเราจะทำตามแผน ให้คนเข้ามาเยอะๆ แล้วทำให้กู้ฉางซินขายหน้า จากนั้นพวกเราก็จัดการ เขากู้หงเซินกล้าที่จะเอาคนคืนกลับไปไหมา?”