ทั้งสองกลับมาถึงบ้านตระกูลเฟิง และทันทีที่พวกเขาเข้าประตู พ่อบ้านก็เดินเข้ามา
“ คุณชาย คุณนายรอง พวกคุณกลับมาแล้ว นายท่านกับคุณนายรอฟังข่าวดีของพวกคุณอยู่ที่ห้องรับแขก ”
กู้ฉางชิงได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
เธอรู้ว่าข่าวดีที่พ่อบ้านพูดหมายถึงอะไร
ขณะคิด ดวงตาของเธอก็เป็นประกายถากถาง
พวกเขาไม่ได้บอกใครเกี่ยวเรื่องที่ไปโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าเรื่องไปเข้าหูสองท่านนั้นได้ยังไง
ดูเหมือนว่าในบ้านนี้จะไม่มีความลับอะไรเลยจริงๆ
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้คิดมากขนาดนั้นเหมือนเธอ
เพียงแต่สีหน้าไม่ดีเอาซะเลย
สิ่งที่เขาและกู้ฉางชิงคิดเหมือนกันคือรู้ว่าคุณปู่และพวกเขารอข่าวดีอะไรอยู่ เพียงแต่เรื่องไม่ได้เป็นอย่างนั้น
“ฉันจะไปกับคุณ ฉางซินคุณกลับห้องไปพักผ่อนเถอะ”
เขาคิดเรื่องนี้และเตรียมการ
ไม่อย่างอย่างนั้นหากให้กู้ฉางซินไป พอถึงเวลาคงบอกความจริง กลัวว่าคุณแม่จะพูดอะไรที่มันไม่น่าฟัง ทั้งสองคนก็จะทะเลาะกันขึ้นอีก
เดิมทีกู้ฉางชิงก็ไม่ได้อยากไป เมื่อได้ยินที่เขาพูดก็ผ่อนคลายขึ้น
แต่เธอก็ยังแสร้งทำเป็นกังวลและถามว่า:“คุณไปคนเดียวได้ไหม?”
“ไม่เป็นไร ฉันไปคนเดียวได้”
เฟิงจิ่งเหยาตอบกลับ
กู้ฉางชิงรอคำพูดเหล่านี้ จากนั้นก็พยักหน้าแล้วหันเดินจากไป
หลังจากที่เธอไป เฟิงจิ่งเหยาก็เดินไปที่บ้านใหญ่
“จิ่งเหยามาแล้ว”
เฟิงเทียนหรูเห็นเขาเป็นคนแรก และยิ้มทักทาย
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้า เดินไปด้านข้างๆเขา และเรียกด้วยความเคารพ:“คุณปู่ คุณแม่”
“ทำไมคุณมาคนเดียว ฉางซินล่ะ?”
คุณนายเฟิงมองไปข้างหลังเขา ไม่เห็นกู้ฉางซินเดินเข้ามา ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจและถาม
“ฉางซินยังไม่สบายอยู่หรอ ฉันบอกให้เธอกลับไปพักผ่อนก่อน”
เฟิงจิ่งเหยาตอบอย่างยิ้มๆ
“ไม่สบาย เกิดอะไรขึ้น?ใช่สิ พวกคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลมา คุณหมอว่ายังไงบ้าง ไม่ใช่ว่ามี?”
นายท่านได้ยินเขาพูดก็มีคำถามมากมายตามมา
คุณนายฟิงยังมองไปที่เฟิงจิ่งเหยารอคำตอบของเขา
“เฮ้อ คุณปู่ อันที่จริงเรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิด ฉางซินแค่ท้องไส้ปั่นป่วน ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณคิด”
เฟิงจิ่งเหยาอธิบายสถานการณ์ทั่วไป นายท่านได้ฟังก็รู้สึกผิดหวัง
“ท้องไส้ปั่นป่วน ฉันยังคิดว่ามี”
ขณะที่เขาพึมพำ ก็ดูเหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ และหันไม่มองเฟิงจิ่งเหยาอีกครั้ง
“ฉางซินปกติก็ดีดีอยู่ไม่ใช่หรอ?ทำไม่จู่ๆถึงท้องไส้ปั่นป่วน หรือว่างานที่บริษัทเยอะเกินไป คุณทำให้เธอยุ่งจนไม่ได้ทานอาหารหรอ?”
คุณนายเฟิงได้ยินที่นายท่านตำหนิว่ากู้ฉางซินไม่สบายเป็นเพราะลูกชายของตัวเอง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้
เธออ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฟิงจิ่งเหยาพูดขึ้นมาเสียก่อน
“บางทีอาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ แต่ฉันบอกให้คนลดงานของเธอลงแล้ว วันหลังฉันจะระวังเรื่องนี้”
เขาพูดรับรองเพื่อให้นายท่านวางใจ
คุณนายเฟิงอยู่ข้างๆได้ยินเข้าก็ไม่พอใจ แต่อยู่ต่อหน้านายท่านเฟิงเธอก็พูดอะไรไม่ได้มาก
จากนั้นทั้งสามคนก็คุยกันสักพัก แล้วก็แยกกันจากไป
หลังจากที่พวกเขาไปกันหมดแล้ว คุณนายเฟิงที่นั่งอยู่บนโซฟาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ยังดีที่ไม่ได้ท้อง……
ที่บ้านหลังใหม่
หลังจากที่กู้ฉางกลับมา เธอก็ไม่ได้กลับไปที่ห้องในทันที แต่นั่งรอเฟิงจิ่งเหยาอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ระหว่างที่รอเธอรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นคนรับใช้เดินไปมา เธอก็หงุดหงิดมากเป็นพิเศษ
และไม่รู้ว่าเฟิงจิ่งเหยากับนายท่านพวกเขาพูดคุยอะไรกัน
เธอคิดฟุ้งซ่านคนเดียวอยู่บนโซฟา
หลังจากนั้นไม่นานเฟิงจิ่งเหยาก็กลับมา
พอเธอเห็นเขาก็รีบลุกขึ้นจากโซฟาและถามว่า:“เฟิงจิ่งเหยา คุณปู่พวกเขาพูดอะไรบ้าง?”
“ไม่ได้พูดอะไร เธอไม่ต้องกังวล”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นสีหน้าของเธอ ทำไมจะไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก แค่กลัวว่าคุณปู่จะผิดหวังมาก”
กู้ฉางชิงถอนหายใจด้วยความกังวล
เฟิงจิ่งเหยายิ้มและพูดว่า:“ แน่นอนว่าต้องผิดหวัง แต่เรื่องลูกไม่ใช่คุณหมอบอกแล้วหรือ ถ้าบีบบังคับจะไม่มา คุณก็ไม่ต้องรีบร้อน วันหน้าต้องมี”
กู้ฉางชิงฟังคำปลอบโยนของเขา และเมื่อมองไปที่เขาก็รู้สึกผิดต่อเขา
เธอรู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ท้อง ถึงอย่างไรยานั่นก็ไม่เคยหยุดเลยสักวันตั้งแต่มันปรากฏขึ้น
และยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นคนในตระกูลเฟิงหรือกู้หงเซินก็ไม่มีใครอยากให้เธอมีลูก
เธอเองก็รู้ดีว่าเด็กคนนี้ไม่สามารถมีได้
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว เธอก็รู้สึกผิดในใจ แต่เฟิงจิ่งเหยายังอยู่ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่ฝืนยิ้ม
“ใช่ วันหน้าต้องมี”
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สังเกตความผิดปกติของเธอ ฟังเธอพูดแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย:“คุณไม่ต้องคิดมาก พักผ่อนให้ดีดี ฉันยังมีเรื่องที่บริษัท คงต้องไปก่อน ถ้ามีเรื่องอะไรคุณก็โทรหาฉัน”
เขาพูดจบก็ก้าวไปข้างหน้ากู้ฉางชิง ก็จูบเธอที่หน้าผากเหมือนแมลงปอบินระน้ำแล้วก็จากไป
กู้ฉางชิงมองเขาจากไป ในใจรู้สึกขมขื่นอย่างบอกไม่ถูก
เธอส่ายหัว เหมือนรู้สึกว่าตัวเองไม่สบาย
จริงอย่างที่กู้หงเซินพูด ทุกอย่างที่นี่ไม่ใช่สำหรับเธอ แต่เธอมาที่นี่เพราะสิ่งผู้ชายคนนั้นพูด และไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงล่องลอยอย่างนี้
เธอสะกดจิตตัวเอง ไม่ต้องการคิดว่าเป็นเรื่องจริง
และไม่รู้ว่าการสะกดจิตของเธอจะมีใช้ได้ไหม สักพักคลื่นในใจของเธอก็สงบลง
เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วลุกขึ้นจากโซฟา
เดิมทีเธอตั้งใจจะกลับไปที่ห้อง แต่ไม่รู้ว่าทำไมกลับคุณถึงนายท่าน
ถ้าพูดถึงในบ้านหลังนี้นายท่านดีกับเธอที่สุด และเขาหวังว่าเธอจะสามารถมีหลานให้เขาได้ ตอนนี้ทำให้เขาต้องผิดหวัง กลัวว่านายท่านจะเสียใจ เธอเลยจะไปดูหน่อย
เธอคิดแล้วก็เดินไปที่ลานบ้านของนายท่าน
“นังหนู จิ่งเหยาบอกว่าเธอไม่ค่อยสบาย ทำไมไม่รู้จักอยู่บ้านพักผ่อน มาดูคนแก่อย่างฉันมีอะไรน่าดู?”
เฟิงเทียนหรูพอรู้ว่ากู้ฉางชิงจะมา ก็รีบออกมาจากห้องหนังสือ และอดไม่ได้ที่จะพูดรำพัน
กู้ฉางชิงได้ยินน้ำเสียงนั้นก็รู้สึกได้ถึงอบอุ่นในใจ
“อันที่จริงฉันไม่ได้เป็นอะไร จิ่งเหยาทำเป็นกระต่ายตื่นตูม แต่คุณปู่ ครั้งนี้ฉันไม่ได้……ท้อง ทำให้คุณปู่ดีใจเก้อแล้ว”
เธอพูดอย่างเศร้าๆ
ไม่ใช่ความรู้สึกผิดๆ แต่เป็นความเสียใจ
เพราะเธอรู้ว่าตราบเท่าที่เธออยู่ที่บ้านตระกูลเฟิง ก็จะไม่มีเด็กคนนี้ และความปรารถนาของคุณปู่ก็จะไม่เป็นจริง
เฟิงเทียนหรูไม่รู้ว่าเธอกำลังตำหนิตัวเองในใจ
เมื่อเห็นความเศร้าบนใบหน้าของกู้ฉางชิง เขายิ้มและตบไหล่ของเธอเพื่อปลอบโยน:“เธอไม่ต้องตำหนิตัวเอง เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่บอกว่ามีก็มี พวกเราก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่แน่วันหนึ่งอาจจะท้องก็ได้ไม่ใช่หรอ?”
กู้ฉางชิงได้ยินอย่างนั้น ในใจก็รู้สึกผิด
เธอบังคับตัวเองให้ทำตัวเป็นปกติ พยักหน้าแล้วยิ้ม:“คุณปู่พูดถูก บางทีวันหนึ่งไม่แน่ว่าอาจจะมี”
เฟิงเทียนหรูเห็นเธอสีหน้าดีขึ้นอีกครั้ง ก็รู้สึกผ่อนคลายเช่นกัน:“ใช่ถูกต้อง ดังนั้นเธอก็อย่ากดดันตัวเองมากจนเกินไป เพียงแค่ทำจิตใจให้เป็นปกติก็พอแล้ว”
กู้ฉางชิงได้ยินเขาพูดด้วยความเป็นห่วงก็รู้สึกซาบซึ้งใจ