สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 135 ใครให้เงินก็ขายคนนั้น

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

กู้ฉางชิงได้ฟังคำนี้ ก็หันไปมองจี้เฟิงหยุนโดยจิตใต้สำนึก

พอเธอคิดที่จะพูด อันเฉียวก็ดูดเหมือนจะนึกอะไรออก เบิกตาโพรงทันที

“ฉางชิง ถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่คิดจะสารภาพใช่ป่ะ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ฉันจะไม่สามารถทนดูต่อไปได้แล้ว สี่ปีที่มหาวิทยาลัยนั่นทำให้คุณเสียเวลาไปป่าวๆ ครั้งนี้ไม่สามารถทำให้คุณพลาดโอกาสอีก ประจวบเหมาะกับ คืนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติก็พอ คุณว่าไง?”

กู้ฉางชิงได้ยิน ฉับพลันก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

“อันเฉียว อย่าก่อเรื่อง”

บนความเป็นจริง จะสารภาพอะไร เมื่อก่อนเธอก็เคยคิด แต่ต่อมาเพราะเรื่องจุกจิกมากมายในบ้าน บวกกับยังต้องทำงาน ต้องดูแลแม่ ปล่อยใจให้คิดเรื่องนี้โดยไม่รู้ตัว

ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอรู้สึกว่าตนเองกับจี้เฟิงหยุนไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน

ชอบก็ส่วนชอบ แต่ช่องว่างระหว่างทั้งสองคนนั้นมีมาก แม้ว่าเธอจะพยายามไล่ตาม ก็ไม่สามารถตามทันอย่างแน่นอน

อีกทั้งจี้เฟิงหยุนดูท่าทางของเธอแล้วก็ไม่อยากให้คิดไปอย่างนั้น

ดังนั้นเธอคิดแล้ว เป็นเพื่อนกันที่จริงก็ดีมากแล้ว

เธอคิดเสร็จ อันเฉียวข้างๆก็ทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ

“คุณมันไม่มีคุณธรรม ฉันไม่คิดจะหาประโยชน์จากคุณ คิดไม่ถึงว่าคุณจะหาว่าฉันก่อเรื่อง หึ ไม่สนใจคุณแล้ว”

พูดจบ เธอก็หันข้างให้ เหมือนกับโกรธจริงๆ

กู้ฉางชิงเห็นเช่นนั้น จึงรีบไปง้อ

“ใช่ๆ ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรทำให้จิตใจของคุณอันต้องผิดหวัง”

อันเฉียวฟังคำพูดที่นุ่มนวลของเธอ ก็ค่อยๆอ่อนโยนลง

กู้ฉางชิงชำเลืองมอง ใช้ความพยายามอย่างที่สุด ในที่สุดก็ง้อคนสำเร็จ

เธอรู้สึกโล่งใจ ไม่เดถึงประเด็นเมื่อกี้นี้อีก หันไปพูด เรื่องอื่นๆ

เมื่อเวลาผ่านไป งานเลี้ยงก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ทุกคนชนแก้วกัน แต่กู้ฉางชิงไม่อยากดื่มมากนัก

เธอรู้ว่าถ้าตนเองดื่มไปแล้วจะมีพฤติกรรมอย่างไร อีกทั้งคืนนี้เธอบอกกับเฟิงจิงเหยาว่าจะกลับตระกูลกู้ หากว่าดื่มจนเมากลับไป ต้องจบเห่แน่นอน

เลยถือโอกาสโอนอ่อนตามทุกคนไป เวลานี้ไม่ได้พูดอะไร

พวกเขาดื่มไปพูดถึงเรื่องอดีตไป บางคนพูดถึงกิจการ

“จี้เฟิงหยุน ฉันได้ยินมาว่าคุณสืบทอดบริษัทของพ่อคุณตอนนี้ กลายเป็นบุคคลอัจฉริยะที่อายุน้อยสิบอันดับไปแล้ว สุดยอดเลยอ่า ต่อไปเพื่อนร่วมชั้นของเราต้องขอความสนับสนุนแล้ว”

ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตั้งประเด็นขึ้นมา ทุกคนก็แสดงความยินดีกับจี้เฟิงหยุน

จี้เฟิงหยุนตอบกลับอย่างถ่อมตัว

ทุกคนพูดจบ ฉับพลันก็นึกถึงกู้ฉางชิงที่เคียงบ่าเคียงไหล่จี้เฟิงหยุนในสมัยนั้น เปลี่ยนหัวข้อ ถามว่า : “ใช่แล้ว กู้ดาวโรงเรียนของพวกเราทำอะไรอยู่ตอนนี้?”

คำนี้หลุดออกมา คนอื่นๆก็มองไปที่กู้ฉางชิง

“ฉันหรอ? ตอนนี้ทำออกแบบอยู่”

กู้ฉางชิงหยุดเคลื่อไหวอุปกรณ์ในการทานอาหาร ยิ้มตอบกลับ

ทุกคนฟังแล้ว ก็ถามต่อว่า : “ทำงานให้บริษัทไหน?”

“เอ่อ……จริงๆแล้วไม่มีบริษัทตายตัว ฉันแค่ขายแบบร่างการออกแบบ ใครให้เงินก็ขายคนนั้น”

กู้ฉางชิงชะงักงัน ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เต็มใจที่จะบอก แต่รู้สึกว่าถ้าพูดไปจะเป็นปัญหาอย่ามาก ดังนั้นจึงเลือกปิดบัง

แต่คนอื่นๆกลับขมวดคิ้ว ยังอยากจะถามต่อ ทว่าถูกอันเฉียวขัดขวางไว้

“ทำไมพวกคุณถามอะไรมากมายขนาดนั้น? ความรู้สึกที่มีอยู่ล่ะ ฉางชิงต้องดูแลแม่ที่ป่วย เป็นธรรมดาที่จะไม่สามารถออกไปนั่งทำงานได้”

ทุกคนได้ฟังคำนี้ สีหน้าชะงักงัน

จี้เฟิงหยุนเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดี เลยเข้าไปไกล่เกลี่ย : “ทุกคนเป็นห่วงฉางชิง ถ้ามห้ฉันพูดนะ ฉางชิงเดินไปที่ไหน ก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม ถูกไหม”

มีขั้นบันไดแล้ว ทุกคนก็พูดคล้อยตามกันมา

“จริง ไม่ต้องสงสัยถึงความสามารถของกู้ดาวโรงเรียนของเรา สมบูรณ์แบบอย่างนั้น”

“ใช่แล้ว”

ทุกๆคนต่างพูดพร้อมกัน ในที่สุดบรรยากาศที่ตึงเครียดก็แตกสลายไป

และมื้ออาหารที่เหลือก็ราบรื่นดี

หลังจากคนกลุ่มหนึ่งอิ่ม ก็เสนอว่าจะออกไปร้องเพลง

กู้ฉางชิงเห็นว่าดึกแล้ว ก็พูดปฏิเสธว่า : “เวลาดึกมากแล้ว ฉันก็ไม่ไปแล้ว พวกคุณไปสนุกกันเถอะ”

“คุณไม่ไป งั้นฉันก็ไม่ไปแล้ว”

อันเฉียวฟังแล้ว ก็พูดคล้อยตามทันที

ทุกคนเห็นเช่นนั้น ก็ผลักให้หัวหน้าห้องพูดโน้มน้าว

“ฉางชิง คุณไม่ไปมันก็ไม่มีความหมายแล้วนะ……”

ยังพูดไม่ทันจบ จี้เฟิงหยุนทางนั้นก็พูดปฏิเสธ

“ฉันก็ไม่ไป บริษัทยังมีธุระ พวกคุณไปสนุกสนานกันเถอะ”

เขากวาดสายตามองไปที่ทุกคน ยิ้มแล้วพูดว่า : “ตั๋วร้องเพลงคืนนี้ ฉันซื้อแล้ว”

พูดอย่างนี้ ยากที่ทุกๆคนจะโน้มน้าวต่อไปอีก

“เอาเถอะๆ ครั้งนี้ก็ปล่อยพวกเขาไป แต่ครั้งต่อไปห้ามพลาดนะ”

หัวหน้าพูดติดตลก จร้เฟิงหยุนพยักหน้า

ทุกๆคนจึงแยกย้ายกันไป

พวกเขาตามๆกันออกไป เหลือทิ้งไว้แต่พวกกู้ฉางชิงสามคน

บรรยากาศเงียบสงบแปลกๆเล็กน้อย

ในที่สุดอันเฉียวก็ทำลายความเงียบ : “คุณจี้เดือนโรงเรียน คุณมีธุระที่บริษัท ก็ไปก่อนเถอะ ฉันกับฉางชิงจะไปเดินเล่นรอบๆ ไม่ได้เจอเธอตั้งนาน”

จี้เฟิงหยุนมองเธอ ยิ้มแล้วพูดว่า : “อันที่จริงบริษัทไม่มีธุระรีบร้อนอะไรหรอก แค่ไม่อยากไปร้องเพลงกับพวกเขา เราไปด้วยกันเถอะ ฉันกับฉางชิงก็ไม่ได้เจอกันนานแล้ว”

อันเฉียวได้ฟังคำนี้ ก็เล่นหูเล่นตาล้อเลียนกับกู้ฉางชิง

เธอไม่รอให้กู้ฉางชิงเอ่ย ฟังความคิดริเริ่มของเธอที่จะแยกย้าย

“เอ๊ะ รู้สึกว่าฉันอยู่ที่นี่จะเป็นส่วนเกินนะ เอาอย่างนี้ คุณจี้เดือนโรงเรียน ฉันไปชมวิวทางด้านหน้าก่อน คุณกับฉางชิงคุยเรื่องเก่าๆกันตามสบายเถอะ”

พูดจบ เธอก็วิ่งออกไปเลย

กู้ฉางชิงเห็นเธอจากไป ก็ทำอะไรไม่ถูก จากนั้นก็นึกถึงคนข้างๆ ก็ระมัดระวังตัวมากขึ้นเล็กน้อย

จี้เฟิงหยุนก็ไม่รู้ว่าเธอสังเกตุได้ถึงความไม่เป็นอิสระหรือไม่ ยิ้มแล้วพูดว่า : “อันฉียวไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด”

กู้ฉางชิงยิ้มพยักหน้า : “ใช่”

จี้เฟิงหยุนเห็นเช่นนี้ ก็อดยิ้มไม่ได้จึงชวนว่า : “เราไปเดินเล่นกันไหม?”

กู้ฉางชิงหมดทางปฏิเสธ ก็แค่ตามไป

ทั้งก็เดินบนทางเดิน ไฟถนนทอดเงาของทั้งสองคนจนยาวมาก

“ตลอดเย็นนี้เราไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย ช่วงนี้คุณสบายดีไหม?”

จี้เฟิงหยุนมองดูกู้ฉางชิงที่เงียบๆ จึงหาหัวข้อขึ้นมาคุยอีกครั้ง

“ก็ดี คุณล่ะ?”

กู้ฉางชิงตอบ แล้วถามกลับโดยจิตใต้สำนึก

“ก็ดี หลังจากเรียนจบก็ดูแลบริษัทก็ยุ่งตลอดเลย”

จี้เฟิงหยุนพูดจบ ฉับพลันก็หยุดเดิน มองไปที่กู้ฉางชิงด้วยดวงตาที่ลึกซึ้ง

กู้ฉางชืงถูกเขามองทำให้อึดอัดเล็กน้อย เม้มปากแล้วถามว่า : “เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่เป็นอะไร นึกถึงเรื่องงานนิดหน่อย”

เขาพูดจบ ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ จึงพูดต่อว่า : “ที่จริง……หลังจากเรียนจบ ฉันก็คิดจะติดต่อคุณตลอด เพียงแต่ไม่มีโอกาส”

กู้ฉางชิงไม่รู้ทำไม ได้ฟังคำนี้ ก็ตึงเครียดเล็กน้อย

“คุณตามหาฉันมีอะไรหรอ?”

จี้เฟิงหยุนเห็นเธอไม่สบายใจ ยิ้มแล้วพูดว่า : “ที่จริงก็ไม่มีเรื่องอะไร ก็เวลาอยู่มหาวิทยาลัย เดิมทีก็มีหลายเรื่องที่อยากจะพูดกับคุณ แต่ด้วยเหตุผลหลายประการทำให้ฉันพลาดโอกาสนี้ ฉันเห็นว่าบรรยากาศคืนนี้ก็ไม่เลว……”

พูดจบ เขาก็หยุดไป มองกู้ฉางชิงด้วยสายตาลึกซึ้ง

กู้ฉางชิงรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนในสายตาเขา เหมือนหัวใจหยุดเต้น มีการคาดเดานิดๆ

เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะรับมืออย่างไร จู่ๆโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท