#ธุระกิจไร้ยางอาย ทำเอาซุปเปอร์สตาร์สาวเข้าโรงพยาบาล#
#โศกนาฏกรรมจากเสื้อผ้าชุดเดียว#
#แบรนด์ชื่อไม่ดัง แต่ทำให้คนดังแย่งกันซื้อได้อย่างไร#
#เซอร์ไพรส์อีกครั้งกับแบรนด์ไร้จริยธรรม แอนตี้แฟนอยู่ที่ไหน?#
หลังจากผ่านไปคืนหนึ่ง เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวบันเทิงบนหน้าเว็บไซต์ต่างพาดหัวเกี่ยวกับข่าวสิงหย่าอันเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล
สิงหย่าอันเป็นดาราสาวชื่อดังที่กำลังเป็นที่น่าจับตามอง
จากการปรากฏของข่าวเหล่านี้ ทำให้ชาวเน็ตต่างพากันให้ความสนใจ
“เป็นไปได้อย่างไร? หย่าอันของพวกเราสวมชุดไม่มีแบรนด์?”
“ขอรายละเอียดเพิ่มเติมด้วย!”
“ฉันเป็นคนเดียวที่สนใจสถานการณ์ปัจจุบันของหย่าอันอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่ ไม่ใช่แค่คุณ ฉันก็อยากรู้สถานการณ์ของหย่าอันเช่นกัน ได้ข่าวว่าเป็นภูมิแพ้ผิวหนัง อยากรู้ว่าแพ้ได้อย่างไร อาการร้ายแรงไหม นักข่าวที่เขียนข่าวนี้เขียนให้มันชัดเจนหน่อย!”
“เห็นด้วยกับความเห็นข้างบน รีบอธิบายอาการของหย่าอันมาให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นเชื่อหรือไม่ว่าฉันจะร้องเรียนคุณแน่”
ผู้คนพากันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้อย่างมากมาย ที่เวยป๋อของสิงหย่าอันก็ยิ่งถล่มทลาย
แฟน ๆ ต่างแห่กันเข้าไปคอมเม้นต์ในช่องแสดงความคิดเห็น
“หย่าอัน นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“ใครรู้บ้างว่าหย่าอันใส่ชุดของยี่ห้ออะไร พวกเราต้องให้พวกเขาออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อหย่าอันให้ได้”
“ใช่ ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ”
“ตรวจสอบมาแล้ว เป็นบริษัทเสื้อผ้าที่เพิ่งจะเปิดตัว นี่คือเว็บไซต์ของบริษัทนั้น พวกคุณสามารถเข้าตรวจสอบดูได้”
ที่ใต้ความคิดเห็นนี้ยังมีลิงค์แปะอยู่ด้วย
ในเวลาอันรวดเร็วชาวเน็ตจำนวนมากก็พากันเข้าไปในเว็บไซต์ของบริษัทเสื้อผ้าของเฟิงซื่อกรุ๊ป
“โอ้ นี่มันบริษัทอะไรกันถึงได้เชิญระดับมู่เฉาเกอมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ได้”
“ทุกคน เราโฟกัสผิดที่หรือเปล่า เรามาที่นี่เพื่อจะต่อสู้”
“ใช่ เราต้องยืนหยัดเรียกร้องให้พวกเขาชดเชยความสูญเสียให้กับหย่าอันของพวกเรา”
“ไม่เพียงแค่ไอ้บริษัทเน่านี้เท่านั้น มู่เฉาเกอก็ควรออกมาแสดงความขอโทษต่อหย่าอันของพวกเราด้วย”
“นั่นน่ะสิ ต้องขอโทษ ตัวแทนแบรนด์อะไรกัน ทำให้ผิวหนังของหย่าอันของเราแพ้ได้ ไม่รู้ว่าจะกระทบกับงานอื่น ๆ ข้างหลังหรือเปล่า”
แฟนตัวยงบางคนก็ถึงกับพาลโกรธมู่เฉาเกอไปด้วย
ต่างเข้าไปโจมตีด้วยคำด่าต่าง ๆ นา ๆ ที่เวยป๋อของเธอ
ยิ่งเวลาผ่านไป เรื่องก็ยิ่งบานปลาย ชาวเน็ตต่างพากันประณามพวกเขา
หลี่ม่านซึ่งเป็นคนแรกที่ได้รับข่าวนี้ก็รู้สึกราวกับท้องฟ้าจะถล่มลงมาเสียให้ได้
เธอเฝ้าดูข้อความโจมตีอย่างดุเดือดบนอินเทอร์เน็ต ในใจรู้ดีว่าเรื่องนี้นั้นจัดการไม่ง่ายแน่
เพราะเรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ไปแล้ว และเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวพันกับศิลปินเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะดึงสำนักงานใหญ่ให้ลงมาเกี่ยวข้องด้วย
เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตามบริษัทก็อยู่ภายใต้เฟิงซื่อกรุ๊ป
เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ก็เลยรีบติดต่อเฟิงจิ่งเหยาทันที แต่เมื่อโทรศัพท์ไปกับพบว่าปิดเครื่องอยู่
ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปที่บริษัทเพื่อจัดการกับปัญหาไปก่อน
ในขณะเดียงกัน ณ บ้านตระกูลเฟิง
กู้ฉางฉิงกับเฟิงจิ่งเหยาตื่นนอนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย กำลังรับประทานอาหารเช้ากันที่ชั้นล่าง
คนหนึ่งเคยชินกับการหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านข่าวเศรษฐกิจ ส่วนอีกคนก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนดูข่าวสารประจำวัน
และในเวลานี้เองที่กู้ฉางฉิงพบเข้ากับข่าวบนอินเทอร์เน็ต สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไป ใบหน้าซีดเผือก
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้วเมื่อเห็นเธอดูแปลกไป
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? สีหน้าดูไม่ดีเลย”
กู้ฉางฉิงกลับมามีสติ และมองเขาอย่างว่างเปล่าในมือกำโทรศัพท์ไว้
“เฟิงจิ่งเหยาคะ เกิดเรื่องแล้ว”
เฟิงจิ่งเหยามองไปที่เธออย่างงุนงง
กู้ฉางฉิงรู้ว่าเขายังไม่รู้เรื่องจึงได้รีบยื่นโทรศัพท์ให้กับเขา
เขาก็สะดุดเข้ากับข่าวที่ปรากฎบนโทรศัพท์เรื่องที่สิงหย่าอันนั้นเข้าโรงพยาบาล รวมถึงการถูกประณามต่าง ๆ จากชาวเน็ต
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาเห็นแล้วใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมลง
เมื่อกู้ฉางฉิงเห็นสีหน้าเขาที่เปลี่ยนไป ในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความตึงเครียด
“ไหนบอกว่าปิดข่าวแล้วไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมถึงยังหลุดลอดออกมาได้?”
เธอถามด้วยความระมัดระวัง
เฟิงจิ่งเหยาชำเลืองมองเธอและไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ดวงตาของเขาวูบไหวและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่แน่ใจเหมือนกัน คุณอยู่ที่บ้านนี่แหละ ส่วนผมจะเข้าไปดูที่บริษัท”
เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่สนใจอาหารเช้าที่ยังทานไม่เสร็จก็ลุกขึ้นและออกไป
กู้ฉางฉิงมองตามหลังที่กำลังจากไปของเขา รู้สึกอึกอัดอยู่ในใจไม่น้อย
จริง ๆ แล้วเธออยากเข้าไปช่วยเหลือเกิน แต่ดูจากความหมายของเฟิงจิ่งเหยาแล้วคงไม่อยากให้เธอยื่นมือเข้ามา
แต่ในไม่ช้าเธอก็คิดได้ การที่เฟิงจิ่งเหยาไม่อยากให้เธอเข้ามายุ่งเรื่องนี้อันที่จริงแล้วก็เพื่อตัวเธอเอง
เพราะต้นตอของปัญหาอยู่ที่ผ้าที่สกุลกู้จัดหามาให้
ในฐานะที่เธอเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็คงจะไม่ได้รับการยอมรับจากคนอื่น และอาจทำให้เรื่องยิ่งยุ่งเหยิงมากขึ้น
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอก็ไม่มีอารมณ์ที่จะทานอาหารต่อเช่นกัน จึงได้กลับขึ้นไปที่ห้อง ตั้งใจจะไปวาดภาพออกแบบเพิ่มเติม ถือเป็นการตอบแทนที่เฟิงจิ่งเหยาคอยปกป้องเธอ
ในขณะนี้ ณ เฟิงซื่อกรุ๊ป
ชวี่ยี่ซึ่งรออยู่ใต้อาคารสำนักงานอยู่แล้ว เมื่อเห็นเฟิงจิ่งเหยาลงจากรถก็รีบเข้าไปต้อนรับทันที
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
เฟิงจิ่งเหยาถามขึ้นด้วยเสียงเย็นทันทีที่เห็นเขา
“ตอนนี้ข่าวถูกระงับไว้ชั่วคราวก่อนครับ แต่สำหรับการดำเนินการขั้นต่อไปยังไม่มีการตัดสินใจใดใด ก่อนหน้านี้ได้พยายามติดต่อท่านแต่โทรศัพท์ของท่านปิดอยู่ครับ”
ชวี่ยี่ตอบกลับด้วยความเคารพ เขารายงานสั้น ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ได้จัดการไปแล้ว
“โทรศัพท์แบตหมดน่ะ ไม่ทันสังเกต จัดการบรรเทาอารมณ์แฟน ๆ ของสิงหย่าอันได้แล้วหรือยัง?”
เฟิงจิ่งเหยาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างห่วงใยในความคืบหน้าของสถานการณ์
“ยังครับ แฟนคลับกลุ่มนี้เอาใจยากมาก”
ชวี่ยี่กล่าวด้วยสีหน้าที่ดูแย่ลง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาเห็นดังนั้นเขาก็หยุดเดิน ขมวดคิ้วและถาม
เมื่อชวี่ยี่เห็นดังนี้ก็รีบพูดความกังวลที่อยู่ในใจออกมา
“ท่านประธานครับ สิงหย่าอันคนนี้เป็นดารายอดนิยมมาโดยตลอด เราไม่อาจประมาทอิทธิพลของแฟนคลับของเธอได้ หากไม่มีวิธีที่ดีที่จะเอาใจบรรดาแฟนคลับได้ล่ะก็ พวกเขามีแนวโน้มที่อาจจะทำอะไรที่อาจส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเฟิงซื่อกรุ๊ปได้”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินเช่นนี้ก็นิ่งไป
และเขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจสั่งการอะไรในทันที แต่ได้เข้าไปในห้องทำงาน และอ่านข่าวจากอินเทอร์เน็ตอย่างผ่าน ๆ อีกรอบ
‘ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก’
เขานั่งเคาะโต๊ะทำงานด้วยใบหน้าที่เย็นชา แววตาของเขามืดมน ทำให้ไม่อาจเดาออกได้ว่าในใจเขากำลังคิดอะไร
ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ ก่อนที่ริมฝีปากบางของเขาจะเปิดออกและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณไปให้ดาราดังของคุณสร้างประเด็นข่าวออกมาให้เป็นกระแสเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสื่อมวลชน เมื่อพวกสื่อหันความสนใจไปแล้วก็ให้รีบปิดข่าวนี้ทันที”
“ครับ!”
ชวี่ยี่รับคำ และเมื่อกำลังจะหันออกไปทำตามคำสั่งก็กลับถูกเรียกให้หยุดไว้ก่อน
“ยังมีอีก ก่อนหน้านี้ผมเคยห้ามไม่ให้เรื่องนี้ถึงหูนักข่าวไม่ใช่เหรอ? คุณไปตรวจสอบดูว่าสำนักข่าวไหนที่เป็นคนทำข่าวนี้
เฟิงจิ่งเหยากล่าว นัยย์ตาเต็มไปด้วยประกายเย็นชา “ฉันอยากรู้นัก สำนักข่าวไหนที่ช่างกล้า”
ชวี่ยี่พยักหน้ารับคำและหันตัวจากไป
ไม่ต้องพูดเลยว่าเรื่องในครั้งนี้ทำให้เฟิงจิ่งเหยากับกู้ฉางฉิงนั้นต้องปวดหัวและขุ่นเคืองมากแค่ไหน ลู่ซือหยี่ที่อยู่ที่บ้านเห็นข่าวจากอินเทอร์เน็ต แววตาก็เต็มไปด้วยความสาแก่ใจยิ่งนัก
เธออยากจะเห็นนักว่าเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้แล้ว พี่จิ่งเหยายังจะปกป้องนังสารเลวกู้ฉางซินนั้นได้อย่างไรอีก
กู้ฉางฉิงไม่รู้เลยว่าเรื่องทั้งหมดนี้มีลู่ซือหยี่คอยจัดการอยู่เบื้องหลัง
เธออยู่ในห้อง แต่ก็ไม่สามารถที่จะสงบจิตใจลงเพื่อการออกแบบได้
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะยอมแพ้ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูความคืบหน้าของสถานการณ์
เมื่อเห็นข่าวในอินเทอร์เน็ตยิ่งปั่นป่วนมากขึ้น และทางเฟิงซื่อกรุ๊ปก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดใดออกมา ทำให้เธอรู้สึกไม่สามารถที่จะอยู่เฉยได้
ในขณะที่เธอเตรียมตัวจะทำอะไรบางอย่างนั้นเอง คุณนายเฟิงก็พุ่งเข้ามาที่เรือนหอของเธอด้วยความเดือดดาล