สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 164 ไม่ได้ท้อง

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

เมื่อเฟิงจิ่งเหยาพูดจบ แววตาของเฟิงซู่และนายท่านเฟิงก็มีประกายความยินดี

เช่นเดียวกับเฟิงจิ่งเหยา พวกเขามองทะลุปรุโปร่งถึงความสำเร็จของธุรกิจชิปนี้

“ไม่เลว ถือว่าไม่ขาดทุน”

เฟิงซู่ผงกศีรษะ ความไม่พอใจที่มีต่อกู้ฉางฉิงค่อย ๆ หายไป

ส่วนนายท่านเฟิงนั้นหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

“ฉางซิน ถ้าพ่อของหนูรู้ว่าเขาได้ทิ้งโครงการที่ทำกำไรนี้ไป ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธขนาดไหนกัน”

กู้ฉางฉิงยิ้มเงียบ ๆ เรื่องนี้แม้แต่ตัวเธอเองก็ประหลาดใจเหมือนกัน

ว่ากันตามหลักแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่กู้หงเซินจะมอบโครงการที่ทำกำไรเช่นนี้ให้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะเข้าใจผิด

เธอพยายามที่จะคาดเดาไปมาแต่ก็คิดหาคำตอบไม่ได้ จึงปล่อยวางเรื่องนี้ไว้ ตั้งใจทานอาหารต่อ

ในขณะที่คุณนายเฟิงมองดูความกลมเกลียวบนโต๊ะอาหาร ก็รู้สึกหมั่นไส้

เดิมทีเธอต้องการใช้เรื่องนี้มาสร้างปัญหากับกู้ฉางซิน แต่คิดไม่ถึงว่ากลับทำให้ผู้หญิงคนนี้ได้หน้าขึ้นไปอีก

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล

เห็นอยู่ว่าคุณพ่อยิ่งถูกใจนังผู้หญิงคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เธออยากจะไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปให้พ้น ๆ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะมีโอกาส

โดยเฉพาะเมื่อเธอคิดถึงบ้านตระกูลลู่ ด้วยความก้าวหน้าของคุณพ่อลู่ รวมถึงพื้นฐานที่ดีของบ้านตระกูลลู่ ทำให้มีคนมากมายที่ต้องการจะแต่งงานกับลู่ซือหยี่

ถ้าหากซือหยี่ถูกคนอื่นแย่งไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนักสำหรับบ้านตระกูลเฟิง

เพราะในความคิดของเธอ การเป็นทองแผ่นเดียวกันกับตระกูลลู่ถือเป็นการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่ง จะทำให้ตระกูลเฟิงยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

ในทางตรงข้าม ตั้งแต่พวกเขาสู่ขอกู้ฉางซินนังดาวอับโชคนั่นเข้ามา ตระกูลเฟิงก็มีแต่เรื่องเกิดขึ้นตลอด

เมื่อเธอคิดเช่นนี้ ก็ค่อย ๆ สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

เธอหันไปมองกู้ฉางฉิง ยิ้มขึ้นอยางมีเลศนัยและพูดขึ้นว่า “คุณพ่อคะ จะว่าไปจิ่งเหยาก็กลับมาได้สองเดือนแล้ว ดู ๆ แล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนก็ค่อนข้างดี ความปรารถนาของคุณพ่อเห็นทีคงจะใกล้เป็นจริงแล้ว”

เมื่อเธอพูดจบ ก็หันไปหากู้ฉางฉิงและถามว่า “ฉางซิน ช่วงนี้ได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลบ้างหรือเปล่า?”

กู้ฉางฉิงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เพิ่งจะได้สติว่าเธอกำลังถามถึงเรื่องการตั้งครรภ์ และเธอก็สังเกตเห็นแววตากระตือรือร้นที่จับจ้องมาจากนายท่านเฟิง

เธอรู้ว่าชายชราคาดหวังว่าจะได้อุ้มหลานชายอยู่เสมอ เธอมองไปที่นายท่านด้วยสายตาขอโทษ

“ขอโทษด้วยค่ะคุณปู่ หนูยังไม่ได้ท้อง”

พอเธอพูดจบ ก็เห็นแววแห่งความผิดหวังในดวงตาของชายชรา

ในขณะที่เธอกำลังคิดจะพูดปลอบใจ คุณนายเฟิงก็ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความไม่พอใจ

“จะเป็นไปได้อย่างไร ฉันก็ได้ส่งของบำรุงไปให้ตั้งมากมาย เธอกับจิ่งเหยาเองก็ไม่ได้มีอะไรขาดตกบกพร่อง ทำไมถึงยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก?”

เธอไม่อ้อมค้อม พูดออกมาตรง ๆ ทำให้กู้ฉางฉิงรู้สึกอับอาย

นายท่านเฟิงไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งนี้ แต่กำลังกังวลกับเรื่องที่ยังไม่ตั้งท้องมากกว่า

ท่านมองไปที่กู้ฉางฉิงด้วยความกังวลและเป็นห่วง “ฉางซิน เกิดอะไรขึ้น เป็นเพราะช่วงนี้มีความกดดันมากใช่ไหม? หรือว่ามีสาเหตุอื่น ๆ ”

เมื่อเธอได้ยินคำถามของท่าน แล้วมองไปที่คุณนายเฟิงที่แสดงออกว่ากำลังพึงพอใจ กู้ฉางฉิงก็หัวเราะเยาะอยู่ในใจ

เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคุณนายเฟิงกำลังเอาเรื่องลูกมาบีบ นี่ไม่คิดจะปล่อยเธอสักวินาทีเดียวเลยหรืออย่างไร

คุณนายเฟิงไม่รู้ว่ากู้ฉางฉิงนั้นเดาแผนการของเธอออก

เมื่อเห็นว่ากู้ฉางฉิงเงียบไม่พูดอะไร เธอจึงแสร้งทำเป็นห่วงและพูดว่า “ไม่มีวี่แววอะไรเลยได้ยังไงกัน จิ่งเหยาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลเรา ถ้าหากไม่มีสายเลือดสืบสกุล ก็จะไม่มีผู้มารับช่วงต่อน่ะสิ”

เมื่อเธอพูดจบ นายท่านเฟิงก็คิ้วขมวดขึ้น

เฟิงจิ้งหยวนเองก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงพูดสมทบขึ้นว่า “พี่สะใภ้พูดถูกค่ะ หลานสะใภ้ บ้านเราไม่ได้เรียกร้องเธอเหมือนบ้านอื่นที่ให้คลอดปีละคน แต่อย่างน้อยก็ควรมีสักหนึ่งคน แต่นี่ไม่มีวี่แววอะไรเลย มันไม่น่าจะเป็นไปได้นะ”

เมื่อคุณนายเฟิงเห็นเฟิงจิ้งหยวนเห็นด้วยกับตัวเองเช่นนี้ ก็มีรอยยิ้มเปล่งประกายขึ้นในดวงตาของเธอ

เธอมองดูสีหน้าของกู้ฉางฉิงที่แย่ลงเรื่อย ๆ มุมปากของเธอก็ยกขึ้นอย่างสะใจ

“ฉางซิน แม้คำพูดจะฟังดูน่าอึดอัดไปหน่อย แต่พวกเราก็แค่หวังอยากจะได้อุ้มหลานเร็ว ๆ ฉันเข้าใจดีว่าคนหนุ่มสาวอย่างพวกเธออยากมีพื้นที่ส่วนตัว ใช้เวลากันแค่สองคน แต่ถ้าหนึ่งปียังไม่มี สองปีก็ยังไม่ท้องก็คงจะไม่ได้ใช่ไหม?”

กู้ฉางฉิงฟังพวกเขาแต่ละคนพูด จะบอกว่าไม่โกรธก็คงจะไม่ใช่

ทำไมเธอถึงยังไม่ท้อง ไม่เชื่อว่าสองคนนี้จะไม่รู้อยู่แก่ใจ

เมื่อคิดแล้ว ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายด้วยความเยาะเย้ย แสร้งทำเป็นลำบากใจพูดว่า “ที่คุณแม่พูดมาก็ถูกค่ะ ที่จริงเรื่องนี้ลูกสะใภ้เองก็รู้สึกแปลก ๆ ค่ะ ทำไมถึงยังไม่ตั้งท้องอีก ทั้งที่หนูกับจิ่งเหยาก็เคยไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมาแล้ว ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ”

คุณนายเฟิงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพวกเขาเคยไปตรวจที่โรงพยาบาลมาแล้ว สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

เฟิงจิ่งเหยาที่นั่งฟังนิ่งไม่ได้ขัดมาตลอดก็รู้สึกถึงความผิดปกติ

เขาก้มลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรออก ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองที่กู้ฉางฉิง

กู้ฉางฉิงเองก็สบสายตาเข้ากับเขาพอดี จึงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะคิดว่าสายตาที่เขาส่งมาหมายความว่าอะไร เขาก็พูดแทนเธอขึ้นมาเสียก่อน

“เรื่องลูกนั้นไม่สามารถบังคับกันได้ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ และในตอนนี้บริษัทก็เพิ่งจะมั่นคง ยังมีหลายจุดที่ต้องการฉางซิน”

เมื่อพูดจบ เขาเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้อีกจึงเสริมขึ้นว่า “ฉางซินมีพรสวรรค์ด้านการออกแบบอย่างมาก ถ้าให้เวลาเพิ่มอีกสักหน่อย เธอจะต้องเปล่งประกายในโลกแห่งการออกแบบได้อย่างแน่นอน คนที่มีพรสวรรค์เช่นเธอไม่สมควรที่จะถูกฝังไว้และกลายมาเป็นเพียงแม่บ้าน”

เมื่อคำพูดนี้จบลง ทั้งนายท่านเฟิงและคุณนายเฟิงต่างก็ขมวดคิ้ว

“จิ่งเหยา ฉันเข้าใจเหตุผลของเธอดี แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องถ่วง รอคลอดลูกแล้ว ที่บ้านมีคนช่วยดูแลมากมาย ถ้าฉางซินชอบทำงานก็ค่อยกลับไปทำ ฉันก็จะไม่ห้ามอะไร”

นายท่านเฟิงกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย “อย่างไรก็เถอะ ฉันไม่สนว่าพวกเธอจะสนใจสร้างธุรกิจยังไง แต่เรื่องลูก จะล่าช้าไม่ได้”

เฟิงจิ่งเหยากับกู้ฉางฉิงมองหน้ากัน เห็นได้ชัดว่าชายชรายืนกรานในเรื่องนี้มาก

ทั้งสองไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก พวกเขาทำได้แค่เงียบ

ด้านคุณนายเฟิงก็รู้สึกไม่พอใจ

เพราะเธอไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ

เธอกวาดสายตามองไปยังนายท่านเฟิงและกู้ฉางฉิงที่นิ่งเงียบอยู่ จู่ ๆ เธอก็พูดเปลี่ยนเรื่องอย่างมีแผนขึ้นมา “ในเมื่อคุณพ่อกังวลมากขนาดนี้ พอดีว่าฉันมีหมอที่รู้จักอยู่คนหนึ่ง เป็นหมอเฉพาะทางที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงด้านนี้โดยเฉพาะ เพิ่งกลับมาจากอเมริกา เดี๋ยวฉันจะลองพาฉางซินไปตรวจดู”

เมื่อพูดจบ เธอก็มองไปที่กู้ฉางฉิงพร้อมยิ้มให้อย่างใจดี

“ถึงแม้จะเคยไปตรวจมาแล้ว แต่ก็อาจจะมีอะไรผิดพลาดได้ พวกเราลองไปตรวจดูกันอีกทีนะ”

กู้ฉางฉิงมองดูเธอด้วยคิ้วที่ขมวด

ไม่รู้ทำไม เธอถึงรู้สึกว่าการที่คุณนายเฟิงยกเรื่องนี้ออกมาพูดนั้นต้องมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงแน่ ๆ แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เห็นชอบของนายท่านเฟิง เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ จึงได้ตอบตกลงไป

“ก็ได้ค่ะ ต้องตรวจวันไหน รบกวนคุณแม่ช่วยแจ้งหนูล่วงหน้าด้วยนะคะ”

เมื่อคุณนายเฟิงเห็นเธอตอบตกลงแล้ว ก็แสร้งยิ้มและพูดเบา ๆ ว่า “ไม่ต้องห่วงจ้ะ ฉันจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”

เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินสิ่งนี้ ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับคำ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรลุเป้าหมายแล้วหรือเปล่า คุณนายเฟิงจึงไม่ได้คอยหาเรื่องอะไรขึ้นมาอีก บรรยากาศจึงกลับไปกลมเกลียวอีกครั้ง

ไม่นาน ทั้งครอบครัวก็รับประทานอาหารกันเสร็จ

หลังอาหาร นายท่านเฟิงจะไปเดินหมากกับเพื่อนเก่า ส่วนคนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันไป

กู้ฉางฉิงตามเฟิงจิ่งเหยากลับไปที่เรือนหอ

ขณะที่กำลังจะขึ้นไปชั้นบน เสียงของเฟิงจิ่งเหยาก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“เมื่อกี้คุณไม่จำเป็นต้องตอบตกลงไปตรวจร่างกายกับแม่เลย”

เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินดังนั้นก็หยุดเดินและพูดขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจนักว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ก็แค่ตรวจร่างกาย ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเสียหน่อย”

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท