เพราะว่าความผิดพลาดนี้ อาหารเช้ามื้อนี้ พูดได้ว่าตั้งแต่คุณนายเฟิงแต่งงานเข้าตระกูลเฟิงมาเป็นการกินที่น่าโมโหที่สุด
ถ้าไม่ใช่เพราะคุณพ่ออยู่ เธออยากจะออกจากงานเลี้ยงตรงกลับห้องไปโทรหาหมอเจี่ยงเลย
อยากถามว่าเธอทำเรื่องยังไง เหตุใดผลลัพธ์จึงแตกต่างจากที่เธอคาดไว้
น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถทำได้
เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารอย่างกลุ้มใจสุดขีด เมื่อฟังการสนทนาของคุณพ่อกับกู้ฉางฉิง
“ฉางซิน ในเมื่อร่างกายไม่มีปัญหา ฉันกำลังรอข่าวดีของคุณ”
กู้ฉางฉิงหัวเราะๆ ไม่รู้จะตอบกลับยังไง หันไปทางเฟิงจิงเหยาเพื่อขอความช่วยเหลือ
เฟิงจิงเหยารับสายตาของเธอ เช็ดมุมปากอมยิ้มแล้วพูดว่า : “คุณปู่ นี่เร่งรีบไม่ได้นะ ฉันเคยถามหมอมา เด็กคนนี้เป็นเรื่องของโชคชะตา คุณยิ่งโหยหา เขายิ่งไม่มา กลับกันบางครั้งคุณไม่คิด เขาก็จะมา”
นายท่านเฟิงได้ฟังคำนี้ ก็เข้าใจเหตุผลนี้
“โอเคๆ ฉันไม่เร่งแล้ว เพียงแต่พวกคุณก็อย่าละเลยล่ะ ฉันจะรอ”
คำพูดของเขาจบไป หัวข้อนี้ก็ถูกเปิดเผย ชายทั้งสามคนก็คุยเรื่องบริษัทขึ้นมา
กู้ฉางฉิงฟังการสนทนาของพวกเขา นึกถึงคำตอบของเฟิงจิงเหยาเมื่อกี้นี้ ก็อดยิ้มไม่ได้
ก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไปถามหมอตอนไหน เธอไม่เคยได้ยินคำพูดเช่นนี้ แน่นอนว่าเป็นการเถียงช้างๆคูๆของเขา
อืม ก็เป็นเช่นนี้
ทางด้านพวกเขานี้ปรองดองซึ่งกันและกัน คุณนายเฟิงกับเฟิงจิ้งหยวนกินอาหารเช้าเหมือนกับเคี้ยวขี้ผึ้ง
โชคดีที่ว่า ไม่นาน อาหารเช้านี้ที่แสนทุกข์ทรมานของพวกเธอก็หมดไป
หลังจากคุณนายเฟิงส่งทุกคนแล้ว ก็แทบรอไม่ไหวที่จะกลับไปที่ห้องเพื่อโทรไปที่โรงพยาบาล
“คุณนายเจี่ยง คุณทำยังไง? ทำไมผลที่ส่งมาในมือฉันทำไมถึงมาได้เปลี่ยนแปลง?”
คุณนายเจี่ยงจู่ได้ฟังคำต่อว่า ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
หลังจากรอเธอสติกลับมา นึกออกว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร อดทนความไม่พอใจไว้ในใจ อธิบายว่า : “จะไม่เปลี่ยนได้ยังไง เมื่อคืนฉันก็ใส่ของปลอมไว้ในประวัติคนไข้”
คุณนายเฟิงทำเสียงไม่พอใจ : “แต่ว่ารายงานในมือของฉันบอกว่าไม่มีปัญหา”
คุณนายเจี่ยงขมวดคิ้ว คาดเดาในใจ
“หรือถูกคนสับเปลี่ยนไป?”
คุณนานเฟิงได้ฟังคำนี้ ก็ขมวดคิ้วแน่น
พูดตามหลักการเรื่องนี้พวกเขาแอบทำอย่างลับๆ ไม่น่าจะมีคนรู้……เดี๊ยวนะ!
เธอนึกถึงเมื่อวานตอนโทรศัพท์อยู่ที่โรงพยาบาล ฉับพลันกู้ฉางฉิงก็ปรากฏตัวอยู่ข้างหลัง
หรือว่าผู้หญิงคนนั้นจะได้ยิน
เธอคาดเดาเสร็จ ก็ส่ายหัว
ถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้ก่อนแล้ว เมื่อกี้นี้จะไม่สามารถเครียดขนาดนั้น
เธอมองออกว่า นั่นไม่ใช่การแกล้ง และไม่สบายใจจริงๆ
คิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกว่าน่าจะเป็นคุณนายเจี่ยงเพื่อหาข้ออ้างกับตนเอง
ชั่วขณะ เธอก็โกรธไม่หยุด โกรธจนตัวสั่น
จริงไม่กลัวคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่กลัวเพื่อนร่วมขบวนการที่อ่อนแอมากกว่า
แผนการดีดี ก็ทำลายผู้หญิงคนนี้ได้แล้ว
“ถึงแม้ว่าจะถูกสับเปลี่ยนไป นั่นก็เพราะว่าเป็นปัญหาของทางคุณ ฉันไม่เกี่ยว ตอนนี้เป็นเพราะคุณ เรื่องนี้ถึงได้ทำพังไปโดยสิ้นเชิง คุณก็ไปอธิบายกับซือหยี่เองเถอะ!”
เธอพูดจบ ก็ไม่ให้โอกาสคุณนายเจี่ยงได้พูด วางสายไปเลย
อนึ่งกู้ฉางฉิงที่แยกออกไป หลังจากส่งเฟิงจิงเหยา นั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะทำงานหวนคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า
ดูจากท่าทีของคุณนายเฟิง เธอก็เดาได้ว่ารายงานผลการตรวจนั่นน่าจะถูกคนสับเปลี่ยนไป
ท้ายที่สุดเป็นใคร คำตอบนั้นไม่ต้องพูดก็ชัดเจน นอกจากกู้หงเซินก็ไม่ได้คิดว่าเป็นคนอื่น
แต่อันที่จริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ
เมื่อคืน คุณนายเจี่ยงทำข้อมูลผลรายงานปลอมแล้วยัดลงในแฟ้มประวัติคนไข้ เพียงแต่กู้หงเซินให้ผู้ช่วยติดสินบนพยาบาลของโรงพยาบาล ให้สับเปลี่ยนใบรายงาน
หลังจากเหตุการณ์นั้น คุณนายเจี่ยงไม่ได้คิดจะตรวจสอบอีกครั้ง จึงส่งมันมา ก็เลยมีข้อผิดพลาดตามมา
แม้ว่ากู้ฉางฉิงจะไม่รู้เรื่องราวอย่างละเอียด เพียงแต่สามารถคาดหารณ์ได้ อดยิ้มไม่ได้พูดว่า : “เสียแรงไปโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ”
กำลังพูด เธอก็นึกถึงเรื่องที่กู้หงเซินสัญญากับเธอเมื่อวานนี้ ก็เลยโทรไป
“มีเรื่องอะไร?”
ไม่นาน น้ำเสียงที่ไม่แยแสของกู้หงเซินก็ดังขึ้นในโทรศัพท์
กู้ฉางฉงคุ้นชินไปแล้ว ถามอย่างไม่ใยดีว่า : “เมื่อวานคุณรับปากว่าจะให้ฉันเจอแม่ คุณจัดการได้เมื่อไหร่?”
กู้หงเซินหยุดหงืดเล็กน้อย
“ถ้าตอนนี้ว่าง ก็ไปเถอะ ฉันจะแจ้งโรงพยายาลให้”
พูดจบ เขาก็วางสายไป
กู้ฉางฉิงมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่ดำไปแล้ว ทำปากเสียดสีเล็กน้อย
เธอไม่ได้โกรธ ถึงอย่างไรก็เข้าใจชัดเจน พวกเธอแม่ลูกไม่ได้อยู่ในสายตาของกู้หงเซิน
เธอโยนทิ้งเรื่องที่ไม่มีความสุขเหล่านี้ไว้ ลักขึ้นเก็บของของตัวเอง ก็ออกไปโรงพยาบาลทันทีหลังจากนั้น
……
และในเวลาเดียวกันนี้ ลู่ซือหยี่ก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณนายเจี่ยง
“คุณน้า เป็นยังไงบ้าง?”
เธอถามอย่างน่าเอ็นดู คุณนายเจี่ยงได้ฟังก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
“ซือหยี่ อันนั้น เรื่องที่ฝากใงให้น้าทำ มันพังหมดแล้ว”
ลู่ซือหยี่ได้ฟังคำนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็หยุดชะงักลงทันที
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอควบคุมตนเองได้ดี จำไว้ว่าคนในโทรศัพท์คือผู้อาวุโสของเธอ เธอก็ระเบิดออกมาแล้ว
เธอเพียงแค่หายใจเข้าลึกๆ กัดฟันถามว่า : “ท้ายที่สุดนี้เกิดเรื่องขึ้นได้อย่างไร?ทำไมถึงพังได้?”
คุณนายเจี่ยงไม่ได้ยินความโกรธที่เธอเก็บไว้ในใจ พูดรู้สึกผิดเสียใจที่ทำให้เกิดเรื่อง
“ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเกิดเรื่องขึ้รได้อย่างไร? ชัดเจนว่าฉันใส่ผลการรายงานปลอมเข้าไปแล้ว ผลที่ส่งมาที่ตระกูลเฟิง ก็กลับกลายเป็นว่าปกติดี”
ลู่ซือหยี่ฟังขั้นตอนทั้งหมด ปฏิกิริยาแรกเหมือนกันกับที่คุณนายเจี่ยงคาดเดา
ถ้าคุณน้าใส่ผลรายงานปลอมไปแล้ว งั้นก็ต้องมีคนเปลี่ยนใบรายงานของพวกเขาอย่างแน่นอน
นึกถึงตรงนี้ เธอก็นึกถึงอีกเรื่องหนึ่ง
“คุณน้า เวลานั้นที่คุณให้คนส่งผลรายงานมา ก็ไม่ได้ตรวจดูอีกครั้งใช่ไหม?”
“เอ่อ……เวลานั้นยุ่งนิดหน่อย ฉันเลยลืม”
ประโยคที่คุณนายเจี่ยงพูดท้ายสุด ก็ยิ่งไม่มั่นใจในตัวเอง
และลู่ซือหยี่ก็โกรธมากๆแล้ว
เธอกลัวตัวเองโกรธมาก ภาพลักษณ์ที่เชื่อฟังผู้ใหญ่ก็พังทลาย อดกลั้นความโกรธอย่างที่สุด พูดว่า : “ช่างเถอะ เรื่องนี้ฉันคิดว่าไม่เป็นจริงตั้งแต่แรกแล้ว เป็นคุณน้าหมิงที่ยืนกราน ในเมื่อพังไปแล้ว ก็คิดซะว่าไม่เคยทำ คุณน้าก็ไม่ต้องคิดมาก ทางนี้ฉันมีเรื่องที่ต้องทำ วางสายก่อน”
พูดจบ เธอไม่ให้โอกาสคุณนายเจี่ยงได้พูด ก็วางสายไปเลย
“สวะ!”
หลังจากตัดสายไป เธออดไม่ได้ที่จะกัดฟันด่าใส่โทรศัพท์
แผนการดีขนาดนี้ถูกเธอทำพัง ยังถูกกู้ฉางฉิงรู้แผนการ
ใช่ คนที่เปลี่ยนผลการรายงานในใจเธอ นอกจากกู้ฉางฉิงหรือตระกูลกู้ ก็ไม่มีคนอื่นแล้ว
และตอนนี้พวกเขาตื่นตกในสองคนนี้ แค่กลัวว่าหลังจากนี้พวกเขาจะวางแผนยากยิ่งขึ้น!
เธอกำลังคิดอยู่ ผู้ช่วยของคุณพ่อลู่ก็อยู่รับใช้ ก็รีบเข้าไปในสวน
“คุณหนู ตอนก่อนที่ท่านให้ฉันจับตาดูกู้ฉางซินไว้ พบเค้าเรื่องเล็กน้อยที่นี่แล้ว”
ลู่ซือหยี่ได้ฟังคำนี้ ชั่วขณะก็ถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น : “ห๊ะ? เค้าเรื่องอะไร?”
“ลูกน้องพบว่ากู้ฉางฉิงแอบไปที่โรงพยาบาล ดูเหมือนว่าจะไปพบใคร พฤติกรรมดูระมัดระวังเป็นพิเศษ”