สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 191 นี่คือเขารักและทะนุถนอมเธอ

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ใช้เวลาอย่างสงบสุขตลอดทั้งคืน

วันต่อมา กู้ฉางฉิงสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวข้างๆ ตื่นขึ้นมาตามด้วยความมึนงง

เพียงแค่ผ่านการพักผ่อนมาตลอดทั้งคืน ไม่เพียงแต่แผลของเธอยังไม่หายดี กลับกันกลับยิ่งปวด ทำให้เธอหายใจยังเจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน

“ร่างกายไม่สะดวกสบายก็อย่าฝืนเลย วันนี้อยู่บ้านเถอะ”

เฟิงจิงเหยาบังเอิญเห็นเข้าพอดี เลยพูดห้ามปราม

กู้ฉางฉิงส่ายหัว : “ช่างเถอะ ตอนนี้กำลังทำงานเข้าขากับซูตี้ได้ดี ถ้าไม่ไป คาดว่าเธอจะได้ทีวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อีก”

เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้ว เห็นเธอกัดฟันด้วยท่าทางฝืนทำ พูดยืนยันว่า : “คุณทำงานอยู่บ้านก็ไม่ต่างกัน ทางด้านบริษัทนั้นฉันสามารถจัดการได้”

กู้ฉางฉิงได้ยิน ก็นิ่งอึ้งมองเขา

เห็นในแววตาเขาที่ไม่ยินยอม รู้เลยว่านี่คือเขารักและทะนุถนอมตน ในใจอดไม่ได้ที่จะมีความสุข

“โอเค งั้นก็ฝากคุณด้วยแล้วกัน”

เธอก็เลยถือโอกาสกลับไปที่เตียง มองไปที่เฟิงจิงเหยาด้วยรอยยิ้ม

เฟิงจิงเหยาพยักหน้า จากนั้นก็แต่งตัวและลงไปรับประทานอาหาร

กู้ฉางฉิงรอเขาออกไปแล้ว พักผ่อนอยู่บนเตียงสักครู่ ก็ลุกขึ้นล้างหน้าบ้วนปาก

จากนั้น เธอเห็นว่าด้านนอกมีแดดดี ให้คนรับใช้ช่วยเธอย้ายเครื่องมือไปที่สวน วางแผนที่จะใช้เวลาตลอดทั้งวันนี้ในสวน

ก็ไม่รู้ว่าเฟิงจิงเหยาจัดการอย่างไร เธอเพิ่งจะเตรียมพร้อม ทางด้านซูตี้นั้นก็เริ่มติดต่อเธอทางอินเตอร์เน็ต สานต่องานเมื่อวานที่ยังทำไม่เสร็จ

ในขณะที่พวกเขาพูดคุยสอบถามกัน กู้ฉางฉิงก็อดไม่ได้ที่จะหมกมุ่นครุ่นคิดอยู่กับงาน

แต่ไม่รู้ว่ามีบางคนดูการกระทำการเคลื่อนไหวของเธออยู่

ไม่รู้เมื่อไหร่ที่มู่เฉาเกอยืนมองอยู่ไม่ไกลอย่างเงียบๆ ในแววตารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ

แต่กู้ฉางฉิงไม่รู้ เธอจดจ่อกับงานที่กำลังทำในมือ

ก็ไม่รู้ว่ายุ่งกับงานนานแค่ไหน เธอจึงทำงานของบริษัทจนสิ้นสุดลง

พอดีกับที่เธออยากจะยืดเส้นยืดสาย ก็เลยเห็นมู่เฉาเกอที่ยืนอยู่ไม่ไกล จึงตกตะลึงเล็กน้อย

“คุณมู่ คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

มู่เฉาเกอได้ยิน ก็ละสายตากลับ แล้วเดินเข้าไปด้วยท่าทีสุขุมสง่างาม

“เพิ่งมา เห็นว่าคุณยุ่งอยู่ ก็เลยไม่อยากรบกวน”

เธอไม่ได้บอกว่าเธออยู่ที่นี่มานานแล้ว อมยิ้มแล้วกวาดสายตามองไปที่โต๊ะทำงานของกู้ฉางฉิง

“คุณกู้นี่คือทำเสร็จแล้วหรอ?”

กู้ฉางฉิงพยักหร้าอย่างงงๆ : “เกือบแล้ว ขาดลงสี”

มู่เฉาเกอพยักหน้ารับ แล้วดูแบบร่างการออกแบบทันที ยิ้มแล้วพูดว่า : “มิน่าล่ะจิงเหยาถึงให้ความสำคัญกับคุณกู้ขนาดนี้ คุณกู้มีความสามารถอย่างนี้ ดูภาพการออกแบบนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่ฉันอยากจะได้เสื้อผ้าอย่างนี้สักชุดเลย สวยมากๆ”

เธอกล่าวชื่นชม แต่กลับทำให้กู้ฉางฉิงรู้สึกแปลกๆ

ดูเหมือนว่าเฟิงจิงเหยาให้ความสำคัญกับเธอจากความสามารถในการทำงานของเธอ

แต่เธอพูดได้อย่างสุภาพมาก นี่ทำให้กู้ฉางฉิงอดคิดมากไม่ได้ เธอคิดมากไปหรือเปล่า?

เธอมองไปที่มู่เฉาเกออย่างลังเลใจ ยิ้มเจื่อนๆพูดว่า : “คุณมู่ชมเกินไปแล้ว ได้ฟังคุณพูด ดูเหมือนจะเข้าใจจิงเหยาเป็นอย่างดี คาดว่าพวกคุณจะรู้จักกันมาหลายปีแล้ว?”

มู่เฉาเกอได้ฟังคำพูดนี้ ตกตะลึงไปชั่วขณะ

บางทีเธอก็คาดไม่ถึงว่ากู้ฉางฉิงจะโต้งแย้งได้ขนาดนี้

เพียงแต่เธอก็ไม่ได้คิดจะชี้แจง กลับกันยังพูดอย่างไม่รู้ไม่ชี้ว่า : “ก็ประมาณนั้น เราโตมาด้วยกัน พูดได้ว่ารักใคร่กันมาตั้งแต่เด็กๆ ต่อมาก็ยังเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันในต่างประเทศ”

เธอพูดจบ เหมือนว่าไม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของกู้ฉางฉิง ยิ้มแล้วพูดว่า : “คุณน่าจะนึกไม่ถึง ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย นิสัยของเฟิงจิงเหยาสันโดษเอาแต่ใจยิ่งกว่าตอนนี้ ไม่มีเพื่อนที่พูดคุยถูกคอเลย เวลานั้นก็เพียงเพียงแค่ฉันที่สามารถพูดคุยกับเขาได้”

ดูเหมือนว่าเธอจะพูดเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับอดีตของเฟิงจิงเหยา โม้โอ้อวดสิ่งเหล่านี้ให้กู้ฉางฉิงฟังโดยปริยาย แต่ทั้งหมดเธอไม่ได้มีส่วนเข้าไปร่วมด้วยเลย

เป็นธรรมดาที่กู้ฉางฉิงจะสังเกตเห็น ถึงแม้ว่าจะอึดอัดในใจ แต่เธอไม่ได้แสดงออกมา

อันที่จริงก็แค่พูดในฐานะเพื่อน แล้วก็พูดอย่างสุภาพ หากเธอมุ่งเป้าตรงประเด็น ก็ดูเหมือนว่าเธอจะใจแคบไปหน่อย

“จริงหรอ? ฉันยังคิดว่าจากรูปลักษณ์ของจิงเหยาแล้ว อยู่โรงเรียนน่าจะเป็นคนดัง ต้องมีรุ่นพี่รุ่นน้องที่แอบชอบไม่น้อย”

เธอตอบกลับ ก็ดูเหมือนมู่เฉาจะมีการตอบสนองต่อคำพูดของเธอ จึงเริ่มพูดคุยเรื่องการศึกษาของพวกเขา

“ที่คุณกู้พูดก็ไม่ผิด ถึงแม้ว่าเวลานั้นเฟิงจิงเหยาจะมีนิสัยชอบสันโดษ แต่คนก็ชอบเขามากมากแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฉันยังจำเรื่องราววุ่นวายในตอนนั้นได้”

มู่เฉาเกอดูเหมือนจะนึกถึงเรื่องที่น่าสนใจอะไรออก จู่ๆก็’หัวเราะก๊าก’ออกมา

“ฉันจำได้ตอนนั้นมีรุ่นพี่คนหนึ่งกล้าหาญมาก สารภาพรักอย่างไม่หวาดกลัวความเย็นชาของจิงเหยา คุณว่าเกิดอะไรขึ้น?”

เธอพูดเองเออเอง แล้วก็ไม่ลืมลากกู้ฉางฉิงเข้าไปด้วย

กู้ฉางฉิงมองรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ความเบื่อหน่ายในใจก็สะสมมากขึ้น ทว่าจำเป็นต้องรักษารอยยิ้มบนหน้าไว้

“เกิดอะไรขึ้นหรอ”?

เธอตอบกลับไปโดยจิตใต้สำนึก

“ตาจิงเหยานั่น ก็ตัดขาดจากรุ่นพี่คนนั้น ที่มากกว่านั้นคือ เพื่อที่เขาจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต ก็ไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาทันที บอกว่ารุ่นพี่คนนั้นมีผลกระทบต่อการเรียนเขา ทำให้รุ่นพี่คนนั้นถูกทำทัณฑ์บน จากนั้นก็ไม่มีใครในโรงเรียนกล้าสารภาพรักกับเขาอีก ก็กลัวจะถูกทำทัณฑ์บน”

กู้ฉางฉิงได้ฟังคำนี้ แววตาก็ผิดแปลกไป

เรียกได้ว่าตอนจบนี้ เธอคาดไม่ถึง

เธอพูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปชั่วขณะ แต่มู่เฉาเกอที่อยู่ข้างๆทว่าอดทอดถอนหายใจไม่ได้

“ตอนนี้วันเวลาผ่านไป คาดไม่ถึงว่าผู้ชายที่ไม่เข้าใจความรักมาก่อน ก็รู้จักความรักแล้ว”

กู้ฉางฉิงได้ฟังคำนี้ ไม่รู้ว่าเธอหมายความว่าอะไร เพียงแต่ตั้งใจฟังอย่างเงียบๆเหมือนเดิม

มู่เฉาเกอเห็นว่าเธอไม่พูดไม่จา ดวงตาก็เป็นประกาย พูดขอโทษว่า : “คุณกู้ ขอโทษนะ ฉันคนนี้บางทีก็นึกสนุกขึ้นมา แล้วก็ชอบพูดเรื่องเมื่อก่อน เพียงละเลยไป คุณอย่าใส่ใจเลยนะ”

กู้ฉางฉิงฟังคำพูดของเธอจบ ก็ไม่สบายใจเล็กน้อย

ชอบพูดเรื่องอดีต ยังชอบพูดเรื่องอดตีของเฟิงจิงเหยาด้วย คาดว่ามีเธอเองเท่านั้นที่เข้าใจ

เธอบ่นอยู่ในใจ ใบหน้าไม่แสดงออกพูดว่า : “ไม่เป็นไร ที่คุณมู่พูดเมื่อกี้ก็ทำให้ฉันรู้อดีตของจิงเหยา ฉันยังต้องขอบคุณคุณมู่ด้วย หากไม่ใช่คุณมู่เล่าให้ฟัง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจิงเหยามีอดีตที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้”

มู่เฉาเกอเห็นว่าเธอมีความคิดไม่แตกต่างกัน ขมวดคิ้วแวบหนึ่ง ยิ้มทันทีแล้วพูดว่า : “คุณอย่าใส่ใจก็พอ เอาล่ะ ไม่พูดแล้ว ฉันรบกวนคุณนานแล้ว คุณทำงานต่อเถอะ”

พูดจบ เธอก็ลุกขึ้นออกไป

กู้ฉางฉิงไม่รั้งให้อยู่ต่อ ลังจากมองเธอจากไปจึงกลับมานั่งที่เดิม ในเวลาเดียวกันใบหน้าก็หม่นหมองลง

ถึงแม้ว่ามู่เฉาเกอจะแสดงออกว่าเธอคุ้นเคยกับเฟิงจิงเหยาโดยไม่ได้ตั้งใจ และเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น แต่เธอมักจะมีวิกฤตที่อธิบายไม่ถูก

ไม่รอให้เธอสงบจิตใจลง เสียงหัวเราะเยาะก็ดังขึ้นข้างหู

“จุ๊ๆ กู้ฉางซิน อารมณ์โกรธของคุณเปลี่ยนเป็นดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถูกปรารถนาสามีต่อหน้าก็ไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เหมือนไม่ใช่คุณเลย?”

กู้ฉางฉิงได้ฟังน้ำเสียงนี้ ก็หันไปโดยจิตใต้สำนึก จึงเห็นเฟิงจิ้งหยวนเดินออกมา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท