สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 207 ต้องการให้เธอตายทั้งเป็น

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ู้ฉางฉิงถูกดึงโดยไม่มีการบอกล่วงหน้าแม้แต่น้อย โซซัดโซเซไปสองสามเก้าจึงได้สติกลับมา

เธอเห็นร่างสูงใหญ่ตรงหน้าเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับไป

ไม่อยากเห็นสายตาของลู่ซือหยี่ที่จ้องมองเธออย่างดุดัน

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ยกยิ้มมุมปากของเธอเพื่อเหยียดหยาม แล้วตามเฟิงจิ่งเหยาออกไปทันที

ลู่ซือหยี่เห็นรอยยิ้มที่ยั่วยุเช่นนั้น ก็โกรธจนแทบระเบิด

แต่เป็นเพราะนายท่านเฟิงอยู่ด้วย เธอก็ได้แค่อดกลั้นความโกรธไว้

เธอเพียงแต่ปฏิญาณในใจ รอให้เรื่องนี้ผ่านไป เธอจะทำให้นังสารเลวนี่ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!

อีกด้านหนึ่ง กู้ฉางฉิงยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะการยั่วยุของเธอ ทำให้ลู่ซือหยี่โกรธอย่างที่ที่สุด

หลังจากที่เธอออกจากห้องรับรองมากับเฟิงจิ่งเหยา เฟิงจิ่งเหยาใบหน้าเคร่งขรึมตลอดทาง ทำให้น่าตกใจกลัวอย่างมาก

“เอาน่า อย่าโกรธเลย”

เธออดไม่ได้ที่จะปลอบเขา ทำให้เฟิงจิ่งเหยามองมา

เฟิงจิ่งเหยาเห็นกู้ฉางฉิงสีหน้าปกติ ก็คิ้วขมวดเล็กน้อย

“เกิดเรื่องเช่นนี้ คุณไม่โกรธเลยหรอ?”

กู้ฉางฉิงรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ก็ตกตะลึงเล็กน้อย ยิ้มเบาๆพูดว่า : “ใครบอกว่าไม่โกรธล่ะ”

เธอพูดจบ น้ำเสียงก็เปลี่ยนไป พูดอย่างจนปัญญาว่า : “แต่เรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการโกรธ ยังจะหาโทษมาให้ตนเอง ใจเย็นๆน่าจะดีกว่านะ”

เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังเหตุผลข้างๆคูๆของเธอ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ : “คุณนี่ใจกว้างดี”

กู้ฉางฉิงยักไหล่ : “ก็คุณไม่ได้พูดหรอ ว่ารอสามสัปดาห์ หลังจากสามสัปดาห์ ทุกอย่างก็จะเห็นผลเอง อีกอย่างฉันก็เชื่อคุณ”

ประโยคสุดท้าย เธอจ้องมองเฟิงจิ่งเหยาแล้วพูด

เฟิงจิ่งเหยามองไปที่ดวงตาที่จริงจังของเธอ ในใจก็ไม่รู้ว่าทำไม ถึงหวั่นไหวไปแล้ว

ผู้หญิงซื่อบื้อคนนี้……

เขาอดที่จะยิ้มไม่ได้ มองผู้หญิงตรงหน้า กวาดสายตามองไปที่งานเลี้ยงแสนคึกคักที่อยู่ไม่ไกล ฉับพลันก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

เขาดึงหูกระต่ายออก มองกู้ฉางฉิง สายตาที่เคลื่อนไหวจนกู้ฉางฉิงมองอารมณ์ไม่ออก

กู้ฉางฉิงตกตะลึง เมื่อน้ำเสียงที่เย็นชาของเขาดังขึ้นข้างๆหู

“เป็นวันเกิดที่หาได้ยากของคุณ ทว่ากลับเกิดเรื่องที่ไม่มีความสุขเช่นนี้ ไปเถอะ ฉันจะพาคุณไปเดินเล่นข้างนอก”

กู้ฉางฉิงสติกลับมา นึกถึงเรื่องเมื่อกี้นี้ ก็ไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ต่อไปอีกแล้ว

แต่เธอมองไปที่งานเลี้ยงที่คึกคักข้างหน้า พูดอย่างกังวลใจว่า : “เราไปกันเช่นนี้ แม่จะไม่ว่าอะไรหรอ?”

เฟิงจิ่งเหยาทำน้ำเสียงไม่พอใจ ไม่ได้ตอบเธอกลับ แต่ลากเธอเดินออกไปโดยตรง

กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ก็เข้าใจความหมายของเขา ชั่วขณะความไม่สบายใจในใจก็ถูกโยนทิ้งไว้ข้างหลัง

เธอเดินตามเฟิงจิ่งเหยาออกไปจากโรงแรมอย่างเงียบๆ

เดิมทีเธอคิดว่าชายคนนี้จะพาเธอไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าในระแวกนั้น ใครจะรู้ว่าชายคนนี้จะขับรถออกมาไกล เธอมองไปที่ถนนด้านนอกที่มืดสนิท อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจขึ้นมา

“นี่เราจะไปไหนกัน?”

เฟิงจิ่งเหยาหันมามองเธอ พูดอย่างลึกลับว่า : “รอให้ไปถึง แล้วคุณจะรู้เอง”

พูดจบ เขาก็คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดเสริมว่า : “ถ้าหากว่าล้า คุณก็เอนนอนไปสักพักได้นะ”

กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าจริงๆ ก็เลยเอนเบาะหลังหลับตาพัก

เฟิงจิงเหยามองไปที่ใบหน้าที่หลับใหลของเธอ ค่อยๆปรับความเร็วรถให้คงที่ ในเวลาเดียวกันก็ปรับอุณหภูมิในรถให้สูงขึ้นเล็กน้อย

สิ่งเหล่านี้กู้ฉางฉิงไม่ได้สังเกตุเห็น

เดิมทีเธอแค่อยากพักผ่อนสักพัก ก็ไม่รู้ว่าเพราะคนข้างๆเป็นเฟิงจิ่งเหยาหรือเปล่า ทำให้เธอสบายใจอย่างบอกไม่ถูก จึงได้หลับไป

ก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เฟิงจิงเหยาขับรถขึ้นไปบนยอดเขาในเขตชานเมือง จากนั้นก็หยุดรถและมองไปที่คนข้างๆ

เห็นกู้ฉางฉิงเอนกายนอนหลับพิงพนักเก้าอี้โดยไม่ได้ระวังเลยแม้แต่น้อย แก้มนวลๆขาวอมชมพูรางกับเยลลี่ กลิ่นหอมๆฟุ้งออกมาในเวลาเดียวกันก็ทำให้คนอดไม่ได้ที่อยากจะกัดสักคำหนึ่ง

เฟิงจิ่งเหยามองดูอย่างหลงใหล กู้ฉางฉิงที่หลับอยู่ ก็รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งกำลังจ้องมองตนเองอยู่

ในชั่วพริบตา เธอลืมตามาก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อเห็นใบหน้าที่ขยายใหญ่ ก็ตกใจจนกระโดด

“ฟู่……เฟิงจิ่งเหยา รู้ไหมว่าตกใจแทบตายเลย!”

หลังจากที่เธอเห็นว่าใครอยู่ตรงหน้า เธอก็โกรธจนอารมณ์เสีย

เฟิงจิ่งเหยาสติกลับมา ชั่วขณะก็มีสีหน้าไม่สบายใจ แต่ก็รีบหยุดยั้งไว้

“ใครจะรู้ว่าจู่ๆคนจะตื่นขึ้นมา”

เขาพูดอย่างเย็นชา แต่ในน้ำเสียงยังคงมีรอยยิ้มที่ปิดบังไว้

ดูเหมือนว่าเมื่อเห็นกู้ฉางฉิงตื่นตกใจแล้ว ทำให้อารมณ์เขาดีขึ้นไม่น้อย

แน่นอนว่ากู้ฉางฉิงยังคงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้

เธอทำท่าผลักเฟิงจิงเหยาด้วยท่าทางโกรธเพื่อลงจากรถ ทว่าเห็นเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ก็อดประหลาดใจไม่ได้

“ทำไมคุณมาบนภูเขาล่ะ?”

เฟิงจิ่งเหยามองความหลาดใจในแววตาของเธอ เลิกคิ้วพูดว่า : “ไม่ได้บอกว่าพวกผู้หญิงชอบดูดาวหรอ?”

เขาพูดจบ ก็เงยหน้าขึ้นมองบนหัว เห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด ดวงดาวมากมายเต็มท้องฟ้า กระพริบระยิบระยับสวยงาม

เป็นธรรมดาที่กู้ฉางฉิงจะถูกปรากฏการณ์ทำให้ประหลาดใจ

เดิมทีอารมณ์ที่หงุดหงิดในเวลานี้ก็ผ่อนคลายลงมาก

จะมีก็แต่เรื่องที่บกพร่องเล็กๆน้อยๆ เวลานี้เธอสวมชุดราตรีอยู่ ลมพัดผ่านโดยรอบ ไม่นาน เธอก็หนาวจนตัวสั่น

ในเวลานี้ เสื้อโค้ทอุ่นๆก็ถูกคลุมไว้บนตัวเธอ

กู้ฉางฉิงหันกลับไปมอง ก็เห็นเฟิงจิ่งเหยาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สองมือล้วงกระเป๋ายืนอยู่ข้างๆเธอ

เธอมองดูแล้ว ก็อดหัวเราะไม่ได้

“คุณหัวเราะอะไร?”

เฟิงจิ่งเหนาได้ยินเสียงหัวเราะของเธอ ก็มองไปอย่างสงสัย

กู้ฉางฉิงกระพริบตา อมยิ้มพูดว่า : “อืม……ไม่ได้หัวเราะอะไร ก็แค่รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย”

เฟิงจิ่งเหยาเลิกคิ้ว ในแววตาก็สงสัยมากขึ้น

กู้ฉางฉิงหัวเราะพูดว่า : “ก็ไม่ใช่ว่าคุณพาฉันมาดูดาวหรอ? ฉันรู้สึกว่านี่ไม่เหมือนกับสิ่งที่คุณสามารถจะทำได้สักนิด”

เฟิงจิ่งเหยียนได้ยิน ก็หัวเราะเบาๆ

“นี่จะมีอะไร บางครั้งฉันมีบางอย่างที่ต้องคิดเงียบๆ ก็จะมาที่นี่”

กู้ฉางฉิงไก้ฟังคำพูดนี้ ไม่รู้ว่าทำไม ในใจก็แอบมีความสุขเล็กน้อย

นี่นับว่าเธอได้แอบมาถึงฐานที่ลับของเฟิงจิ่งเหยาแล้วใช่ไหม?

เธอกำลังคิดเพ้อเจ้ออยู่ เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว

ไม่นาน ก็ดึกมากแล้ว และวันเกิดของกู้ฉางฉิงก็ผ่านไปแล้ว

กู้ฉางฉิงถูกลมเย็นๆพัดมา อดไม่ได้ที่จะจาม

“เป็นหวัดหรอ?”

เฟิงจิ่งเหยามองเธออย่างเป็นห่วง

“น่าจะไม่นะ”

กู้ฉางฉิงพูดอย่างลังเล

เฟิงจิ่งเหยาเม้มปาก ตัดสินใจกลับ

กู้ฉางฉิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถึงอย่างไรเวลาก็ดึกมากแล้ว

เมื่อพวกเขากลับไปที่เขตเมือง ทว่ากู้ฉางฉิงก็หิวเล็กน้อย

“อือ……ฉันหิวนิดหน่อย เราไปหาอะไรกินกันหน่อยดีไหม?”

เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้ปฏิเสธ เอ่ยถามว่า : “คุณอยากกินอะไรล่ะ?”

กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดนี้ ก็อดที่จะครั่นคิดไม่ได้

เวลานี้ เกรงว่าหลายๆร้านจะปิดหมดแล้ว

“ช่างเถอะ จุดนี้น่าจะไม่มีร้านอะไรเปิดแล้ว เรากลับไปทำอาหารกินเองเถอะ”

เธอพูดอย่างยอมแพ้ ใครจะรู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้ขับรถกลับไป แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร

เขาวางสายไป แล้วเขาขับรถพากู้ฉางฉิงไปที่ร้านอาหารตะวันตกระดับไฮเอนด์

เห็นว่าร้านอาหารตกแต่งอย่างวิจิตรและหรูหรามาก ในความหรูหราก็ไม่สูญเสียสไตล์ไป

ที่สำคัญคือในร้านมีพวกเขาแค่สองคน อีกทั้งโดยรอบดูเหมือนจัดวางไว้อย่างดี จุดเทียนไว้จำนวนมาก มีกุหลาบโปรยปรายอยู่ในนั้น

เฟิงจิ่งเหยาจูงกู้ฉางฉิงเดินเข้าไปในห้องอาหารแล้วนั่งลง บริกรที่รออยู่ก็เริ่มเสิร์ฟอาหารในเวลานี้

เสิร์ฟทีละจานๆจนครบ ไวโอลินก็เดินเข้ามาแสดงสดข้างๆพวกเขาด้วยเสียงดนตรีเบาๆอย่างไพเราะ

กู้ฉางฉิงจ้องมองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความงุนงง ถูกสภาพแวดล้อมราวกับฝันเช่นนี้ทำให้หัวใจเต้นแรงไม่หยุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นผู้ชายที่หล่อเหลาตรงหน้า เดิมทีทะเลที่เงียบสงบในใจก็เริ่มก่อคลื่นกระเพื่อมขึ้นมา

ถ้าเป็นไปได้ ฉันไม่ปรารถนาที่จะตื่นจากความฝันนี้เลย

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท