สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 245 เบาหน่อย

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

เฟิงจิ่งเหยาชำเลืองมองไปยังกู้ฉางฉิง สายตายิ่งเพิ่มความดุดัน

ทว่าต่อให้เขารู้สึกมีอารมณ์แต่กลับเขาก็ไม่กล้าที่จะลงมือกับคนเจ็บ

ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะอดทน ดึงเอวเธอเข้ามาแล้ววางลงบนเตียงผู้ป่วย

กู้ฉางฉิงพอล้มตัวลงบนเตียงก็รีบเอาผ้าห่มมาคลุมตัว แก้มทั้งสองข้างแดงยิ่งกว่ากุ้งต้มสุกซะอีก

ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ แต่ว่าเมื่อคิดว่าผู้ชายคนนี้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าของเธอแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายขึ้นมา

“คุณหันไปหน่อยสิ ฉันจะใส่เสื้อผ้า”

ใบหน้าเธอแดงปลั่ง จ้องมองเฟิงจิ่งเหยาแล้วพูดออกมา

เฟิงจิ่งเหยาดูออกเลยว่าเธอกำลังเขินอาย ท่าทีทำตัวไม่ถูกจนเขาอดไม่ได้ที่จะเย้าหยอก

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า?”

“ไม่ต้อง!”

กู้ฉางฉิงรีบปฏิเสธทันที

เฟิงจิ่งเหยาหลุดยิ้มออกมาในความอ่อนช้อยของเธอ ในที่สุดก็หันตัวกลับไป

ไม่นาน ด้านหลังของเขาก็มีเสียงเบาๆดังออกมา ทำเอาเขาต้องเก็บความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้อีกครั้งอย่างยากลำบาก

ราวกับว่าในตาของเขายังเต็มไปด้วยภาพเมื่อสักครู่

คิดถึงตรงนี้ ริมฝีปากก็แห้งผาก ดึงเน็คไทที่คอให้คลายออก

และในตอนนี้ กู้ฉางฉิงใส่เสื้อผ้าอย่างยากลำบากจนเสร็จ พูดออกมาว่า “เสร็จแล้ว”

เฟิงจิ่งเหยาหมุนตัวไปมองกู้ฉางฉิงที่อยู่ในชุดของโรงพยาบาลที่รัดกุม ก็รู้สึกหมดหวัง

ดีว่าเขาก็ไม่ใช่คนที่มีความต้องการสูงอะไร ยับยั้งจิตใจตัวเองเอาไว้ เมื่อเห็นใบหน้าขาวซีดของกู้ฉางฉิงจึงถามออกไปอย่างเป็นห่วงเป็นใยว่า “ที่ล้มเมื่อกี้นี้เธอไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม?”

กู้ฉางฉิงส่ายหน้าไปมา “ฉันไม่เป็นอะไร แต่ว่าน่าจะต้องทำแผลใหม่แล้วล่ะ”

ได้ยินแบบนั้นเฟิงจิ่งเหยาก็รีบเรียกพยาบาลมาทำแผลให้เธอใหม่

แต่เนื่องจากยาชาหมดฤทธิ์แล้ว ในตอนที่ต้องทำแผลใหม่กู้ฉางฉิงเจ็บจนร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว

เฟิงจิ่งเหยาที่กำลังมองอยู่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในใจถึงได้รู้สึกเจ็บแบบนี้

“คุณออกไปก่อนนะคะ ฉันจะทำแผลให้เธอสักครู่”

เขาก็เดินออกไปข้างหน้าหลังจากพยาบาลพูดจบ

พยาบาลคนนั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง สายตาเย็นชาของเขาบ่งบอกว่าจะไม่ออกไปไหน

และเป็นกู้ฉางฉิงเมื่อถูกเขาทำแบบนี้ก็อึ้งไป

ยิ่งทำให้เธอใจสั่นอีกก็คือพอเฟิงจิ่งเหยาออกห่างพยาบาลแล้วก็มุ่งตรงไปข้างเตียงแล้วก็มากุมมือข้างที่เธอเจ็บอย่างระมัดระวังเพื่อทายาให้เธอ

“ถ้าเจ็บก็บอกฉัน ฉันจะเบามือให้”

เขาพูดไปพลางเป่าแผลให้กู้ฉางฉิงไปพลาง

กู้ฉางฉิงมองเขาอย่างอึ้งๆ กำแพงในใจของเธอค่อยพังทลายลง ราวกับว่ามีอะไรข้างในกำลังเติบโตในใจเขา

เฟิงจิ่งเหยารับรู้ถึงสายตาของเธอ เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปแต่ทว่ามุมปากกลับยกยิ้มอยู่

“โชคดีนะที่เธอได้รับบาดเจ็บข้างขวา ถ้าเป็นข้างซ้ายล่ะก็ ชีวิตดีไซเนอร์ของเธอคงจบสิ้น”

น้ำเสียงตำหนิของเขาราวกับต้องการดึงสติกู้ฉางฉิงให้กลับมา ในความยุ่งเหยิงนี้ทิ้งความรู้สึกประหลาดใจไว้ในใจ

“โชคดีจริงๆแหละ”

เธอยกยิ้มมุมปาก ชัอนตามองแผลที่แขน นัยน์ตาก็ฉายแววหวาดกลัว

ความจริงแล้วตอนเพิ่งจะมีเรื่อง เธอเจ็บจนชาจึงไม่ทันระวังแผล แต่ต่อมาถูกปิดแผลเอาไว้

แต่พอมาดูตอนนี้ ยิ่งเห็นแผลก็รู้สึกสยดสยอง ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะทิ้งแผลเป็นไว้หรือเปล่า

ในตอนที่เธอกำลังปล่อยจิตใจล่องลอย ทันใดนั้นประตูห้องพักก็ถูกเคาะเสียงดัง

“เข้ามา”

เฟิงจิ่งเหยาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นประตูก็ถูกผลักให้เปิดออก กู้ฉางฉิงตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาด

“คุณปู่ มาได้ยังไงคะเนี่ย”

เห็นเพียงคุณปู่เฟิงเดินเข้ามาเท่านั้น

เขามองไปที่แผลที่ยังไม่ได้ปิด สายตาเต็มไปด้วยห่วงใย

“ฉันได้ยินมาว่าเธอล้มจนได้เลือด เลยมาเยี่ยมเธอสักหน่อย ทำยังไงถึงล้มจนได้เลือดหนักขนาดนี้ล่ะ”

กู้ฉางฉิงพอได้ยินคำพูดแสดงความห่วงใยอย่างจริงใจ ความรู้สึกอบอุ่นก่อขึ้นในใจ

ทั้งตระกูลเฟิงก็มีแต่คุณท่านนี่แหละที่เป็นห่วงเขาจริงๆ

“คุณปู่คะ ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะแค่แผลอาจจะลึกจนดูน่าตกใจเท่านั้น”

เธอพูดปลอบ ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างจริงใจ

เมื่อได้ยินว่าเธอไม่เป็นไร จึงถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างโล่งใจ

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ”

พูดไปตาก็มองเฟิงจิ่งเหยาที่กำลังทำแผลให้เธอแล้วพูดเตือนไปว่า “จิ่งเหยา ในเมื่อฉางซินได้รับบาดเจ็บแบบนี้ ช่วงนี้อย่ามัวแต่ดูแลงานบริษัทอย่างเดียว ต้องอยู่ข้างๆคอยดูแลเธอด้วยล่ะ”

แน่นอนที่เขาพูดแบบนี้เพราะว่ามีจุดประสงค์แอบแฝง

เขาหวังว่าจะอาศัยช่วงที่กู้ฉางฉิงได้รับบาดเจ็บทำให้พวกเขาสองคนค่อยๆใกล้ชิด

เฟิงจิ่งเหยารู้ไม่ทันความคิดของเขา แต่ไม่ได้คันค้านคำขอของเขาแต่อย่างใด พยักหน้าตกลง

“ทราบแล้วครับ คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วง”

คุณท่านตระกูลเฟิงมองใบหน้าเคร่งขรึมของเขา ฮึมฮัมอย่างไม่สบอารมณ์

“ถ้าฉันไม่เป็นห่วง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฉันจะได้อุ้มหลานสักที”

พูดไปก็กลัวว่ากู้ฉางฉิงจะคิดมาก เปลี่ยนสีหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉางซิน เธอไม่ต้องคิดมาก ฉันไม่ได้จะกดดันอะไรเธอ ก็แค่อยากให้จิ่งเหยาเก็บเรื่องนี้ไปพิจารณาหน่อย”

กู้ฉางเห็นแบบนี้พยักหน้าเข้าใจอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขณะเดียวกันก็เหมือนรู้สึกวูบโหวงในใจอย่างบอกไม่ถูก

เธออดไม่ได้ที่จะมองไปยังเฟิงจิ่งเหยา ทว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สังเกต เพียงแต่เอือมกับความสองมาตราฐานนี้ของคุณปู่

……

ในเวลาเดียวที่บ้านตระกูลเฟิง

เนื่องจากการทะเลาะตบตีครั้งที่แล้วมู่เฉาเกอสร้างความเสียหายให้กู้ฉางฉิงไม่น้อย เฟิงจิ้งหยวนจึงไม่ได้ต่อต้านที่จะดึงเธอมาเป็นพวกขนาดนั้นแล้ว

ทั้งสองนั่งคุยเรื่องกู้ฉางฉิงที่ต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่ในสวนดอกไม้

“แปลกจริงๆ คนดีๆที่ไหนเขาจะไปล้มลงบนเศษแก้วแตกกัน”

มู่เฉาเกอกระพริบตาถี่ พูดอย่างจนปัญญา

“ใครจะไปรู้ล่ะ”

เฟิงจิ้งหยวนตอบกลับอย่างไม่พอใจ ทันใดนั้นท่าทีเหมือนคิดอะไรออก พูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “ไม่แน่ว่าสองพ่อลูกนี้อาจจะมีแผนอะไรอยู่ก็เป็นได้ คนบ้านนี้เจ้าแผนการกันทั้งนั้น”

มู่เฉาเกอได้ยินแบบนั้น ยกยิ้มมุมปาก “ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ฉันพอจะเดาออกแล้วล่ะว่าพวกเขาวางแผนนี้มาเพื่ออะไร”

เฟิงจิ้งหยวนได้ยินแบบนั้นจึงมองไปที่เธอ “เธอเดาว่าไงล่ะ?”

มู่เฉาเกอหันไปมองเธอแวบหนึ่ง พูดสนุกๆขึ้นมาว่า “ฉันได้ยินมาว่าช่วงตระกูลกู้กำลังหาเงินทุนก้อนนึง อย่างต่ำก็ร้อยล้าน ในสายตาฉันทั้งปักกิ่งจะมีใครเหมาะไปกว่าเฟิงจิ่งเหยาอีกล่ะ”

เฟิงจิ้งหยวนฟังจบ พอรวมกับสิ่งที่เธอคาดการณ์แล้วไฟโทสะก็ลุกท่วมทันที

“คนตระกูลกู้เลือดเย็นจริงๆ ไม่จบไม่สิ้น ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ ฉันจะไม่ให้แผนของพวกเขาสำเร็จเด็ดขาด”

เธอพูดแล้วลุกขึ้นอย่างมีน้ำโห “ต้องรีบเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่สะใภ้ แล้วก็คุณพ่อด้วย จะปล่อยให้พวกตระกูลกู้มาเกาะจิ่งเหยาไม่ได้เด็ดขาด”

พูดจบ เดินออกไปโดยไม่ได้สนใจมู่เฉาเกอ

กลับไม่ได้รู้เลยว่าพอเธอเดินห่างออกไป มู่เฉาเกอยกยิ้มร้าย

สายตาวูบไหวจ้องไปยังแผ่นหลังเฟิงจิ้งหยวน ดวงตาแฝงไปด้วยนัยยะ

ที่เธอเอาเรื่องนี้มาแฉก็เพราะเธอคิดไว้อยู่แล้วว่าหลังจากที่เฟิงจิ้งหยวนทราบเรื่องต้องโกรธเป็นฝืนเป็นไฟแน่ๆ และจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณนายเฟิงอย่างแน่นอน

ยิ่งบวกกับเดิมทีที่พวกเขามีอคติกับกู้ฉางซินอยู่แล้วด้วย จะต้องระเบิดความขัดแย้งในครอบครัวอย่างแน่นอน

และกู้ฉางซินจะต้องโต้ตอบ ไม่นานทั้งสองฝั่งต้องแตกแยก แค่รอให้ตระกูลเฟิงหมดความอดทนกับตระกูลกู้

เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าเฟิงจิ่งเหยา หรือคุณท่านที่แสนจะรักกู้ฉางซินหนักหนา ก็คงผิดหวังในตัวกู้ฉางซินไม่น้อยเลยทีเดียว

และนี่ก็เป็นจุดประสงค์ที่เธอมาบ้านตระกูลเฟิง

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท