ู้ฉางฉิงหลังจากที่พวกเขาออกจากโรงแรม ขับรถออกไปที่อนุสาวรีย์เสรีภาพ
เวลานี้มีนักท่องเที่ยวพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากแล้ว ดูคึกคักมาก
โดยเฉพาะทางด้านอนุสาวรีย์นั้น มีคนถ่ายรูปตลกๆมากมาย
กู้ฉางฉิงเห็นแล้วจู่ๆก็อยากถ่ายรูปขึ้นมา
ดูเหมือนว่ารู้จักกับเฟิงจิ่งเหยามานานขนาดนี้ เธอกับเขายังไม่เคยถ่ายภาพร่วมกันเลย
ถึงแม้ว่าในภายหลังเธอจะต้องจากไป อย่างน้อยเธอยังมีภาพให้คิดถึงได้
คิดเช่นนี้แล้ว เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่ผู้ชายข้างๆ
แต่เมื่อคำพูดมาถึงปากแล้วหันไปเห็นรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีจนไม่อาจบรรยายได้ของเฟิงจิ่งเหยา ทว่ากลับพูดไม่ออก
เขาสูงส่งเช่นนี้จะสามารถเหมือพวกเธอคนธรรมดาๆได้อย่างไร เลยถ่ายรูปข้างถนนไปเรื่อยเปื่อย
“ทำไมหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยาสังเกตได้ถึงสายตาของกู้ฉางฉิง เลยก้มหน้าไปถาม
กู้ฉางฉิงสติกลับมา กลืนคำพูดลงไป ส่ายหัวพูดว่า : “ไม่เป็นไร เราไปดูทางด้านนั้นกัน”
เธอพูดจบ ก็ดึงเฟิงจิ่งเหยาไปอีกด้านหนึ่ง
เฟิงจิ่งเหยามองเธอจากด้านหลัง กวาดสายตาไปมองสถานที่ที่เธอมองเมื่อกี้นี้ ในแววตาก็เป็นประกาย จู่ก็หยุดเดิน
กู้ฉางฉิงที่เดินอยู่ด้านหน้า ก็พบว่าคนด้านหลังดึงไม่ไป อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง
“คุณ……”
เธอยังพูดไม่ทันจบ เฟิงจิ่งเหยาก็พูดตัดบทเธอ
“ตามฉันมา”
พูดจบ เขาก็ดึงกู้ฉางฉิงกลับไปที่อนุสาวรีย์
กู้ฉางฉิงตามหลังเขาไป รู้สึกตกใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร
จากนั้นก็ได้ยินเขาใช้ภาษาอังกฤษสนทนากับคู้รักที่อยู่ใต้อนุสาวรีย์
เธอฟังออก
ก็เพราะว่าเธอฟังออก เธอถึงได้ตกตะลึงมองไปทางเฟิงจิ่งเหยา
เพราะว่าตาหมอนี่ขอให้คู่รักถ่ายรูปให้พวกเขา
“แฟนของคุณสวยมากเลย”
สามีภรรยาคู่นั้นทำตามคำพูดของเขา มองมาทางเฟิงจิ่งเหยา แล้วชมเชยด้วยความจริงใจ
เฟิงจิ่งเหยามองกู้ฉางฉิง จับไหล่ของเธอแล้วตอบกลับว่า : “เธอเป็นภรรยาของฉัน”
กู้ฉางฉิงได้ยินเข้าแนะนำเธอว่าเป็นภรรยาของเขาอย่างเปิดเผย ฉับพลันหัวใจก็พองโต เหมือนถูกปุยฝ้ายยัดไว้จนเต็ม ทั้งอิ่มเอมทั้งมีความสุข
เธออดยิ้มไม่ได้ เฟิงจิ่งเหยาก็สังเกตเห็น โอบกอดเธอแล้วหัวเราะเบาๆ บอกใบ้ให้คู่รักคู่นั้นถ่ายรูปให้
ไม่นาน ทั้งสองคนก็ถ่ายออกมา กู้ฉางฉิงรับมันมาจากมือของคู่รักแล้วขอบคุณ
เธอมองดูภาพที่ทั้งสองโอบกอดกัน ก็ยิ้มขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“ตอนนี้มีความสุขแล้วใช่ไหม?”
เฟิงจิ่งเหยามองดูรูปถ่าย แล้วกลับไปมองที่กู้ฉางฉิง
กู้ฉางฉิงถูกเขาพูดเช่นนี้ นึกถุงความหดหู่เมื่อกี้นี้ ก็เขินอายเล็กน้อย
“ที่ไหนล่ะ”
เธอไม่ยอมรับ แต่ใส่รูปถ่ายไว้ในกระเป๋าสตางค์ของตนเองอย่างระมัดระวัง
บางทีนี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่เธอจะนึกถึงได้ต่อจากนี้
เธอดูรูปถ่ายของทั้งสองคน อดไม่ได้ที่จะคิดขึ้นมาอย่างเศร้าใจ
เธอส่ายหัวทันที ไม่อยากคิดถึงเรื่องที่ไม่มีความสุขในวันแห่งความสุขนี้
เช่นนี้ เธอจึงระงับความกังวลทั้งหมดในใจ ลากเฟิงจิ่งเหยาไปเล่นเพลินเพลินรอบๆ
ครึ่งวันต่อมา ทั้งสองคนก็เหนื่อยล้าเล็กน้อย เลยไปหาร้านกาแฟนั่งพักผ่อน
“จิ่งเหยา คุณอยากดื่มอะไร?”
หลังจากเดินเล่นในตอนเช้าแล้ว กู้ฉางฉิงดูเหมือนจะปล่อยความกังวลทั้งหมดในใจออกไปแล้วจริงๆ อดไม่ได้ที่จะใกล้ชิดสนิทสนมกับเฟิงจิ่งเหยาขึ้นมาไม่ได้
เฟิงจิ่งเหยากำลังคิดจะตอบกลับ ทันใดนั้นมุมตาก็กวาดไปที่มุมถนนตรงข้ามร้านกาแฟ สีหน้าก็เคร่งขรึม
ฉันเห็นชายผิวดำร่างใหญ่สามคนยืนอยู่ที่มุมถนนนั้น สายตาดูเหมือนจะมองๆมาทางพวกเขาตลอด
ตอนแรก เขายังคิดว่าตนเองเข้าใจผิด แต่ไม่นานก็พบว่ามันไม่ใช่
เป้าหมายของคนเหล่านั้นคือพวกเขาจริงๆ
กู้ฉางฉิงไม่รู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาพบความผิดปกติ รอแล้วไม่มีการตอบกลับ อดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองไปยังเขา
“จิ่งเหยา?”
เธอกล่าวถามอย่างงุนงง
เฟิงจิ่งเหยาดึงสายตากลับ เผชิญกับสายตาที่ไม่เข้าใจของกู้ฉางฉิง
เขาไม่ได้อธิบาย คว้าข้อมือของกู้ฉางฉิง พาเธอเดินไปยังประตูใหญ่
“กาแฟไม่ดื่มแล้ว ครั้งหน้ามีโอกาสฉันจะมาเป็นเพื่อนคุณอีกครั้ง”
พูดจบ เขาพากู้ฉางฉิงออกจากร้านกาแฟ ในเวลาเดียวกันก็เลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆด้านข้าง
ชายผิวดำที่เดิมทีจ้องมองมาที่พวกเขาเห็นพวกเขาจากไป ก็เปลี่ยนสีหน้และตามไปทันที
กู้ฉางฉิงที่เริ่มแรกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกเฟิงจิ่งเหยาพาเดินไปอย่างงุนงง
เมื่อพบว่าสถานที่ที่เฟิงจิ้งเหยาพาเธอเดินมาเป็นตรอกเล็กๆที่คดเคี้ยว ก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติ
โดยเฉพาะคือเฟิงจิ่งเหยาที่แสดงออกอย่างเคร่งขรึม ในใจก็รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แต่เธอไม่ได้ไต่ถามได้ทันที แต่พยายามเร่งฝีเท้าตามเฟิงจิ่งเหยาให้ทัน เพื่อให้ให้ถ่วงเขา
เฟิงจิ่งเหยาพาเธอไปตามตรอกซอกซอยหลายแห่ง จึงสามารถหลุดพ้นจากชายผิวดำได้
คนทั้งสองต่างก็หอบเล็กน้อย ยืนหยุดพักตรงทางแยก
“เกิดเรื่องอะไรหรอ?”
เวลานี้ กู้ฉางฉิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกไป
เฟิงจิ่งเหยามองเธอ กล่าวด้วยดวงตาที่เคร่งขรึมว่า: “คุณไม่ต้องกังวล มีฉันอยู่จะไม่เกิดเรื่องขึ้น”
พูดพลาง เขาดึงกู้ฉางฉิวเดินไปอีกครั้ง
เป้าหมายครั้งนี้ของพวกเขาคือโรงแรม
และเหตุผลที่เขาไม่บอกกู้ฉางฉิงว่าเกิดอะไรขึ้นก็คือ ไม่อยากให้เธอต้องเข้ามารับผลกระทบด้วย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาได้พัฒนาอยู่ที่ต่างประเทศ และสร้างศัตรูไว้ไม่น้อย
อย่างรวดเร็ว คนทั้งสองก็เดินมาถึงโรงแรม
เพียงเข้าห้อง เฟิงจิ่งเหยาก็ปล่อยกู้ฉางฉิงแล้วไปโทรศัพท์ที่ระเบียง พูดอะไร กู้ฉางฉิงก็ฟังไม่ได้ยิน
แต่เธอเห็นสีหน้าเฟิงจิ่งเหยาจริงจังอย่างมาก เดาว่าเป็นเรื่องราวที่จัดการยาก
เธอนั่งลงบนโซฟา รอเฟิงจิ่งเหยาอย่างสงบนิ่ง
ไม่นาน เฟิงจิ่งเหยาโทรศัพท์เสร็จก็เดินเข้ามา
“ฉางซิน คุณไปเก็บของสักเล็กน้อย เย็นนี้เราจะไปสถานที่อื่น”
กู้ฉางฉิงนิ่งอึ้งเล็กน้อย: “แล้วคุณมู่ล่ะ?”
เธอไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะร้ายแรงถึงขนาดที่ต้องให้พวกเขาจากไป
เฟิงจิ่งเหยาตอบกลับว่า: “ฉันติดต่อไปยังเฉาเกอแล้ว ให้เธออย่ากลับมา ข้าวของของเธอ เดี๋ยวฉันค่อยให้คนเข้ามาเก็บ”
กู้ฉางฉิงพยักหน้า แล้วก็ไปเก็บข้าวของ
โชคดีที่ของไม่มากก ไม่ถึงสิบนาที เธอก็เก็บเสร็จ
เฟิงจิ่งเหยารีบพาเธอออกจากโรงแรม
ใครจะรู้ว่าพอออกจากโรงแรมพวกเขาก็ถูกคนติดตามอีกครั้ง
“นั่งดีๆ!”
เฟิงจิ่งเหยากำชับสั่งกู้ฉางฉิงอย่างเด็ดขาด ในเวลาเดียวกันก็เร่งความเร็วออกไป
เป็นครั้งแรกที่กู้ฉางฉิงเจอเรื่องราวแบบนี้ คนก็ตึงเครียดขึ้นมา
โดยเฉพาะความเร็วที่มากเกินไป ทำให้สีหน้าของเธอค่อยๆเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
เฟิงจิ่งเหยาสังเกตเห็น หลังจากผ่านไปหลายรอบ แน่ใจว่าจะกำจัดคนที่สะกดรอยตามได้ เขาก็ยื่นมือข้างหนึ่งไปตบเบาๆที่นิ้วขาวๆของกู้ฉางฉิงเพื่อปลิบโยน
“ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นไร”
กู้ฉางฉิงได้ยิน ก็เอียงหน้าไปมองเขา เพราะคำพูดนี้ของเขาใจที่เดิมทีอันตราย ก็สงบลงมา
พอถึงตอนเย็น เฟิงจิ่วเหยากผ้พากู้ฉางฉิงมาถึงบ้านพักหลังหนึ่งทาชานเมือง
“นี่คือบ้านพักชั่วคราวตอนฉันอยู่ต่างประเทศ สองสามวันนี้พวกเราก็พักที่นี่กัน คุณขึ้นไปเก็บของชั้นบนก่อน ฉันจะไปห้องหนังสือหน่อย”
เฟิงจิ่งเหยาพาเธอเข้าไปในห้องรับแขก จัดการเล็กน้อย แล้วก็เดินขึ้นไปยังชั้นบน
กู้ฉางฉิงเห็นภาพด้านเขาจากไป ไม่นานก็สังเกตรอบด้านอย่างละเอียด
ก็พบว่าคฤหาสน์นี้เป็นเหมือนที่เฟิงจิ่งเหยายอกไว้จริงๆว่า เป็นบ้านพักชั่วคราวหลังหนึ่ง
ด้านในตกแต่งอย่างง่ายมาก หรือจะได้ว่าทั่วๆไป แต่สะอาดสะอ้านดีเยี่ยม