สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 263 ไม่ได้กัดปากตนเองแตก

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

กู้ฉางฉิงนำกระเป๋าเดินทางเดินออกจากสนามบิน มู่จิ่นก็มารออยู่ด้านนอกก่อนแล้ว

“ฉางซิน ทางนี้”

เขายกมือเรียก ให้กู้ฉางฉิงหาเขาเจอในฝูงชน

จากนั้นทั้งสองคนก็ขึ้นรถ มู่จิ่นก็พากู้ฉางฉิงไปพักผ่อนที่โรงแรม

กู้ฉางฉิงเข้าไปในห้อง ไม่ได้อาบน้ำทันที แต่โทรไปหาเฟิงจิ่งเหยา รายงานการเดินทาง

เฟิงซื่อกรุ๊ป เฟิงจิ่งเหยากำลังประชุมอยู่ก็เห็นเธอโทรมา โบกมือให้กับผู้บริหารระดับสูงที่กำลังรายงานอยู่หยุดชั่วคราว

“ชวี่ยี่ คุณบันทึกการประชุมให้ดีๆ อีกสักครู่ฉันจะมาดู”

เขาหยิบมือถือแล้วลุกขึ้นเดินไปทางห้องประชุม

จากนั้นก็ออกไป พวกผู้บริหารระดับสูงก็อดไม่ได้ที่จะซุบซิบกันขึ้นมา

แล้วก็กล้าที่จะสอบถามข่าวคราวจากชวี่ยี่

“ผู้ช่วยพิเศษชวี่ ท่านประธานของเรามีความรักหรอ”

พร้อมกับคำนี้ที่ออกมา หลายๆคนก็มองไปที่ชวี่ยี่

“ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน พวกคุณสังเกตเห็นไหม วันนี้มุมปากของท่านประธานแตก ในฐานะคนที่เคยผ่านประสบการณ์มาก่อน ฉันกล้ายืนยันว่านั่นท่านประธานไม่ได้กัดปากตนเองแตกอย่างแน่นอน”

“นี่ยังต้องให้คุณพูดด้วยหรอ?”

ผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้กำลังพูดคุยกัน ทำให้ชวี่ยี่ค้นพบอีกครั้งหนึ่ง ว่าที่แท้ผู้บริหารระดับสูงเฟิงซื่อกรุ๊ปของพวกเขาเดิมทีก็ไม่ได้เย็นชาเหมือนที่ปรากฏอยู่ภายนอก

“อะแฮ่ม……ฉันรู้ว่าทุกท่านให้ความสนใจกับท่านประธานอย่างมาก เพียงแต่นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของท่านประธาน ตอนนี้เราต้องพูดเรื่องของบริษัทก่อน มิเช่นนั้นอีกสักครู่ท่านประธานกลับมา ไม่จัดเก็บข้อมูลให้เป็นระเบียบ พวกเราต้องรับผิดชอบผลที่ตามมานะ”

ชวี่ยี่กระแอมแล้วเตือนทุกคน ถึงอย่างไรการซุบซิบนินทาท่านประธานก็ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่นัก

ทุกๆคนก็มีสติกลับมา เริ่มกลับสู่สถานการณ์เดิม รายงานการทำงาน แต่ไฟแห่งการนินทาในใจยังคงมีอยู่ตลอด

และสิ่งเหล่านี้ เดิมทีเฟิงจิ่งเหยาไม่รู้

หลังจากที่เขาออกไปจากห้องประชุม ก็เดินไปที่ระเบียงเพื่อรับโทรศัพท์

“ถึงแล้วหรอ?”

เขายิ้มเอ่ยถาม

“อืม ถึงแล้ว ตอนนี้อยู่ในโรงแรม”

กู้ฉางฉิงพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของเธอ เฟิงจิ่งเหยาฟังอย่างเงียบๆ

ท้ายที่สุดเขายังไม่วางใจสั่งกำชับอีกครั้ง : “อยู่ต่างประเทศคนเดียว อย่าไปวิ่งเล่นวุ่นวาย ระวังความปลอดภัยด้วย”

กู้ฉางฉิงฟังคำบอกเล่าที่ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยของเขา ก็อบอุ่นในใจ

“ฉันรู้แล้ว”

ทัเงสองคนพูดกันสองสามประโยค จึงวางสายไป

เฟิงจิ่งเหยาเก็บมือถือแล้วเดินไปที่ห้องประชุม ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าก็ไม่สามารถเก็บซ่อนไว้ได้

เมื่อเขาเข้ามาในห้องประชุม ทุกๆคนก็มองไปทางเขา

ในตอนแรก เฟิงจิ่งเหยาไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาพบว่าผู้บริหาระดับสูงหลายคนมักจะมองมาที่บาดแผลที่มุมปากของเขา ทำให้จู่ๆเขาก็ไม่สบายใจขึ้นมา ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย

เพียงแต่เขาไม่ได้พูดอะไร ประชุมจนเสร็จโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

จากนั้นก็เลิกประชุม เขาก็กลับมาที่ห้องทำงาน

พอดีเขากำลังจัดการงานอยู่ มู่เฉาเกอก็หยิบเอกสารหนึ่งฉบับเดินเข้ามา

“จิ่งเหยา ลองดูเอกสารนี้หน่อย ถ้าไม่มีปัญหาก็ลง……นาม”

คำพูดสุดท้ายของเธอเป็นเพราะว่าเห็นบาดแผลที่มุมปากของเฟิงจิ่งเหยา พูดอย่างลังเลใจ

“มุมปากคุณเป็นอะไร?”

เธอแสร้งถามอย่างมองไม่ออก

เฟิงจิ่งเหยาก็ไม่ได้พบความประหลาดใจบนใบหน้าเธอ ลูบๆคลำๆปาก ในหัวก็อดนึกถึงฉากเมื่อคืนไม่ได้ เผยรอยยิ้มที่ลุ่มหลงโปรดปราน

“ถูกแมวกัดนะ”

ในความคิดของเขา เวลานั้นกู้ฉางฉิงก็เหมือนแมวที่โกรธเกรี้ยวตัวหนึ่ง

มู่เฉาเกอมองยิ้มหวานบนใบหน้าของเขา แค่รู้สึกไม่เข้าตาเป็นพิเศษ

ความอิจฉาริษยาฉายขึ้นในดวงตาของเธอ ใช้แรงจิกนิ้วมือที่ถือเอกสารจนกลายเป็นสีขาว

“หรอ? งั้นคุณก็อย่าลืมทายาล่ะ แมวป่าในช่วงฤดูกาลนี้ ร่างกายแฝงไปด้วยเชื้อไวรัส”

เธอพูดจบ ก็แสดงออกถึงความไม่วางใจ กล่าวต่อไปว่า: “ไม่เช่นนั้นตอนเย็นฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาลฉีดวัคซีน”

แน่นอนว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่ยินยอม

“ไม่ต้องหรอก เมื่อคืนวานฉันจัดการแล้ว”

พูดจบ เขาก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก เปลี่ยนเรื่องไปพูดถึงเอกสารส่งส่งมอบมาให้เมื่อกี้นี้

และเรื่องเหล่านี้กู้ฉางฉิงล้วนไม่รู้

เธอวางสายโทรศัพท์แล้ว หลังจากอาบน้ำ ก็จัดการสัมภาระตนเองอยู่ที่ห้อง

หลังจากที่เธอพักผ่อนไปหนึ่งคืน อาการเจ็ตแล็กของเธอก็ดีขึ้น

พอถึงตอนเที่ยง มู่จิ่นเลิกมางานก็รับเธอไปรับประทานอาหารด้านนอกด้วยกัน

ร้านอาหาร คนทั้งสองก็พูดถึงการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้

“การประชุมแลกเปลี่ยนมิลานครั้งนี้ คุณไม่ต้องตึงเครียดจนเกินไปนะ จุดประสงค์หลักของคนเหล่านั้นที่จัดงานรวมตัวครั้งนี้ขึ้นคือหวังให้คนที่มีความสามารถมาสร้างมิตรภาพต่อกันในแวดวง ได้จังหวะ คุณสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงตัวในแวดวง เพื่อปูทางการเชื่อมต่อของธุรกิจในอนาคต”

มู่จิ่นแนะนำวัตถุประสงค์หลักการรวมตัวครั้งนี้ให้กู้ฉางฉิงฟัง

กู้ฉางฉิงฟังอย่างตั้งใจอย่างมาก

มู่จิ่นก็ไม่ได้ปิดบัง เขาพูดเรื่องที่รู้ทั้งหมดออกมา ในระหว่างนั้นก็ไม่ลืมที่จะให้ข้อคิดเห็นกู้ฉางฉิง

“ถ้าจังหวะโอกาสดีล่ะก็ บางทีอาจจะได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่บ้าง สำหรับคุณแล้วนี้เป็นผลประโยชน์อย่างมากแน่นอน”

กู้ฉางฉิงก็พยักหน้าแสดงการรับรู้

จริงๆ ถึงอย่างไรสำหรับประสบการณ์นักออกแบบแล้ว เป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน พวกเขามีวิสัยทัศน์ที่เฉียบคม และยังสามารถชี้ปัญหาที่คุณอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการค้นพบให้เห็นอย่างตรงประเด็นในทันที

“คุณพูดไม่เลวเลย ฉันอะ หวังเพียงว่าโอกาสแบบนี้ยิ่งดียิ่งขึ้น สามารถทำให้ประหยัดการเดินบนเส้นทางที่อ้อมของฉันไม่น้อย”

เธอตอบกลับมู่จิ่นอย่างหยอกล้อ

หลังจากคนทั้งสองรับประทานอาหารเสร็จ มู่จิ่นก็เสนอจะพาเธอไปเยี่ยมชมที่บริษัท

กู้ฉางฉิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ

บอกไว้ก่อนเลยว่าแม้ว่า RC จะเป็นแบรนด์ใหญ่แบรนด์ใหม่ในต่างประเทศ แต่วัฒนธรรมภายในของพวกเขาก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก

การเยี่ยมชมครั้งนี้ กู้ฉางฉิงก็ได้รับประโยชน์มาก

หลังจากกลับไป เธอก็ขบคิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของมู่จิ่นโดยตลอด รวมทั้งประทับใจหลังจากเยี่ยมชมที่บริษัทมู่จิ่น

ทันใด ในใจของเธอก็รากฎแรงบันดาลใจ ทำให้เธออยากวาดมันออกมาโดยไม่รีรอ

นึกแล้วก็ทำเลย กู้ฉางฉิงพลิกกระเป๋าสะพายโดยตรง เดิมทีก็อยากจะหยิบสมุดวาดภาพและดินสอ แต่คาดไม่ถึงว่าในกระเป๋าสะพายจะมีแฟลชไดร์ฟอันหนึ่ง

เธอมองแฟลชไดร์ฟนี้ ในสายตาก็มีความไม่เข้าใจและไม่คุ้น

เพราะเธอจำไม่ได้ว่าสิ่งของของตนเองมีสิ่งนี้

อีกทั้ง ถ้าไม่ใช่ของๆเธอจะมาอยู่ในกระเป๋าเธอได้ยังไง?

เธอคิดแล้วไม่เข้าใจ รู้สึกงุนงงเล็กน้อย

หรือว่าเป็นของเฟิงจิ่งเหยามาอยู่ที่เธอ?

เธอหยิบมาพิจารณา ทันใดก็คาดเดาภายในใจ แต่ก็ถูกเธอส่ายหน้าปฏิเสธ

นี่ไม่น่าจะเป็นของเฟิงจิ่งเหยา

ถึงอย่างไรก็ตามเธอไม่เคยเห็นเฟิงจิ่งเหยาใช้สิ่งเหล่านี้ และถ้าเขามีข้อมูลเอกสาร ทั้งหมดก็ถูกเก็บไว้โดยชวี่ยี่

ชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียว เธอก็เต็มไปด้วยความแปลกใจกับแฟลชไดร์ฟอันนี้

เธออดไม่ได้ที่จะนำคอมพิวเตอร์เข้ามา หลังจากนั้นก็เสียบแฟลชไดร์ฟเข้าไป เปิดดูว่าด้านในมีข้อมูลอะไร

ใครจะรู้ว่า คาดไม่ถึงว่าแฟลชไดร์ฟนี้จะมีการตั้งรหัสผ่าน อีกทั้งดูแล้วยังเป็นแบบขั้นสูงด้วย

เป็นรหัสผ่านที่เป็นภาษาต่างดาว จำเป็นต้องดึงรหัสผ่านจากในภาษาต่างดาวนี้ออกมา และยังมีเวลาที่จำกัดอีกด้วย

กู้ฉางฉิงไม่ยอมแพ้ ทดลองสองสามครั้ง สุดท้ายก็ล้มเหลว

เธอมองไปที่กล่องโต้ตอบคำเตือนในหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างงงงวย ยิ่งเพิ่มความแน่ใจว่าแฟลชไดร์ฟนี้ไม่ใช่ของเธอแน่นอน

ถึงอย่างไรของของเธอแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีความซับซ้อนขั้นสูงถึงขนาดนี้

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท