สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 265 รับประกันได้ว่าเธอจะไม่มีอันตรายใดๆ

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

“อืม?”

เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ ทุกคนก็หันไปมองชายหนุ่มคนนั้น

ชายหนุ่มกอดดาบยาวไว้ที่หน้าอก สีหน้าของเค้าเย็นชาเหมือนดาบ ดวงตาของเค้ามีสีแดงเข้มจางๆ มันดูน่าเกรงขามอย่างแปลกๆ

“ฉันมีหน้าที่รับผิดชอบในการนำทีม” โจวติ่งพูดขึ้นมาอย่างเฉยชา “เรื่องอื่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”

“มันก็จะบอกว่า ต่อให้มีคนตาย ก็สมควรแล้วอย่างงั้นสินะ?” ชายหนุ่มยังคงถามต่อ

“ใช่” โจวติ่งพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา

ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วพูดว่า: “แล้วถ้าซูหยู่หรือฮั่นจิ่วเถียนตายล่ะ?”

สีหน้าของโจวติ่งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เค้าพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “อย่าไร้สาระให้มันมาก”

ช่างเป็นเรื่องตลกซะจริงๆ โจวติ่งเพิกเฉยต่อความปลอดภัยของคนอื่นได้ แต่เค้าจะไม่มีวันนิ่งเฉยต่อลูกหลานของตระกูลใหญ่พวกนี้

สีหน้าของซูหยู่ก็เย็นชาลงเหมือนกัน เค้ามองไปที่ชายหนุ่มแล้วพูดว่า: “แกชื่ออะไร?”

“เย่อจุน” สีหน้าของชายหนุ่มก็ไม่เปลี่ยนไปเลย

ซูหยู่ก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา: “เย่อจุน? เอาหล่ะ ฉันจะจำชื่อแกไว้”

เมื่อทุกคนเห็นแบบนี้ พวกเค้าก็ไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาในใจ

เย่อจุนอะไรกัน? มีตระกูลใหญ่ในเมืองจิงตูที่มีนามสกุลเย่ออย่างงั้นด้วยเหรอ?

นอกจากเย่อชิงยุนแล้วในสำนักงานความมั่นคงดูเหมือนว่าไม่มีคนที่มีฝีมือคนไหนที่นามสกุลเย่อเลย?

ไม่มีคุณสมบัติอะไรเลย ยังจะกล้ามาอวดดีอีก?

ซูหยู่ไม่สนใจเย่อจุนเลย แต่เค้ากำลังมองไปที่หยูเหม่ยเหริน

ใบหน้าที่สวยงามของหยูเหม่ยเหรินก็เปลี่ยนไปในทันที หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นมา

หลังจากนั้น ซูหยู่ก็ยื่นมือออกมาและลูบผมของหยูหม่ยเหริน

มันเห็นเพียงแค่ซูหยู่ที่ใช้กำลัง ส่วนหยูเหม่ยหรินก็สั้นทั้งตัวด้วยความกลัว

“หยิบของขึ้นมา” ซูหยู่พูดอย่างเย็นชา “คุกเข่าลง”

สีหน้าของหยูเหม่ยเหรินก็เปลี่ยนไปในทันที แววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

และซูหยู่กระชากเข้าไปที่ผมของหยูเหม่ยเหริน สิ่งที่เค้าทำมันก็ค่อนข้างที่จะชัดเจนแล้ว

ซูฉีไห่เองก็ทำแบบนี้มาโดยตลอด ส่วนซูหยู่ที่เป็นลูกชายของเค้าก็ทำแบบเดียวกันกับพ่อของเค้าเป็นงานอดิเรก

ฉินเฉิงตะโกนด่าขึ้นมาอย่างเย็นชา: “ซูหยู่แกยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม แม้แต่ผู้หญิงแกยังรังแกอีกเหรอ?”

ซูหยู่เยาะเย้ย: “ในความคิดของฉัน ไม่ว่าจะชายหรือหญิงมันก็ไม่มีความแตกต่างอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าฉันจะทำอะไรกับใคร ฉันก็ไม่จำเป็นต้องสนใจความคิดแก”

หลังจากพูดจบ ซูหยู่ก็ออกแรงแล้วบังคับให้หยูเหม่ยเหรินเปิดปากออก

“ในสายตาของทุกคน การที่คุณชายซูทำแบบนี้ มันก็ไม่ถูกนะ”

ในตอนนี้เอง จู้เหยาจากตระกูลจู้ก็พูดขึ้นมา

แม้ว่าใบหน้าของเธอจะถูกคลุมด้วยผ้าคลุม แต่ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงท่าทีและความรู้สึกของเธอ

ซูหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เค้าหันกลับมาแล้วพูดว่า: “ถ้าคุณหนูจู้ไม่อยากเห็น งั้นก็หันไปทางอื่นสิ”

จู้เหยาก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา: “ในฐานะคุณชายตระกูลซู นายจะมาทำเรื่องหยาบคายในที่สาธารณะแบบนี้เนี่ยนะ นายไม่กลัวที่จะถูกหัวเราะเยาะเหรอ?”

“ที่คุณหนูจู้พูดมันก็จริง” เถิงเอ๋อร์พยักหน้าและหัวเราะ

เถิงอาวคนนี้ เค้าแอบรักคุณหนูจู้มาหลายปีแล้ว นี่มันก็ทำให้เค้าเห็นด้วยกับคำพูดของคุณหนูจู้อย่างไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย

ซูหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย การคนสองคนจากตระกูลชนชั้นนำพูดออกมาแบบนี้ แม้แต่ซูหยู่เองก็ยังต้องรักษาหน้าตาของตัวเอง

“เอาหละ” ซูหยู่ปล่อยหยูเหม่ยเหรินทิ้งไป เค้าเยาะเย้ยว่า “ไม่ต้องห่วง โอกาสยังมีอีกมาก”

หยูเหม่ยเหรินนั่งยองๆอยู่ที่พื้น สีหน้าของเธอซีดด้วยความกลัว เธอหอบครั้งแล้วครั้งเล่า

จากนั้นเธอก็รีบลุกขึ้นแล้วพูดกับจู้เหยาว่า: “ขอบคุณนะคะ คุณหนูจู้”

อย่างไรก็ตาม จู้เหยาก็ไม่สนใจเธอเลย

“ได้เวลาแล้วหละ เข้าไปได้แล้ว” ในตอนนี้เอง โจวติ่งก็พูดขึ้นมา

ดังนั้น ทุกคนก็เลยเดินไปที่สถานที่แห่งประสบการณ์ที่โชกโชนนี้ด้วยกัน

หยูเหม่ยเหรินก็ประคองฉินเฉิงขึ้นมาอย่างยากลำบาก ในตอนที่ยืนอยู่ที่ทางเข้านี้ หยูเหม่ยเหรินก็ไม่ค่อยแน่ใจ

“เธอจะไปก่อนไหม” ฉินเฉิงขมวดคิ้วแล้วมองไปที่หยูเหม่ยเหริน

แต่หยูเหม่ยเหรินก็ส่ายหัวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า: “มันไม่ง่ายเลยนะที่จะมาที่นี่ การจะไปแบบนี้ มันก็ง่ายไปหน่อย”

ฉินเฉิงเงียบไปอยู่ซักพัก จากนั้นเค้าก็ส่ายหัวขึ้นมาอย่างไม่รู้ว่าจำทำยังไงดี

เมื่อมองไปที่ซูหยู่ ในใจฉินเฉิงก็เป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย

หยูเหม่ยเหรินมีความทะเยอทะยานมาก มันไม่รู้เลยว่าเธอใช้เงินไปเท่าไหร่เพื่อให้ได้มาที่สถานที่แห่งนี้

เธอจะไม่มีวันยอมปล่อยมันไปง่ายๆอย่างแน่นอน

ดังนั้นเธอก็เลยประคองฉินเฉิงขึ้นมาแล้วไล่ตามไปด้วยกัน

สถานที่แห่งประสบการณ์ที่โชกโชนนี้มันใหญ่โตมากและโลหิตแห่งจิตวิญญาณที่โจวติ่งพูดขึ้นมานั้นมันก็ยังไม่ปรากฎขึ้นมา

เนื่องจากที่นี่มันเป็นโบราณสถาน พลังหยินก็เลยมีทั้งตามขวางและตามนอนแล้วมันก็ยังครอบคลุมพลังโลหิตแห่งจิตวิญญาณโดยตรง

ภายใต้การนำทางของโจวติ่ง พวกเค้าก็เลยสามารถหลีกเลี่ยงรูปแบบของกับดักสังหารได้อย่างง่ายดาย การเดินทางมันก็เลยค่อนข้างราบลื่น

แต่ด้วยการรบกวนของพลังหยิน ร่างกายของทุกคนเริ่มแสดงอาการไม่สบายตัวขึ้นมา แม้แต่จอมยุทธ์เองก็ยังเหนื่อยหอบ

“ทุกคนหยุดพักที่นี่ชั่วคราวหละกัน” โจวติ่งพูดขึ้นมาเบาๆ “เพื่อให้แน่ใจว่าการเดินทางของทุกคนจะราบรื่น สมาคมศิลปะการต่อสู้ได้เตรียมยาเพื่อต่อต้านพลังหยินมาเป็นพิเศษ”

ทันทีที่เค้าพูดจบ มันก็เห็นฝ่ามือของโจวติ่งที่พลิกกลับมาแล้วเม็ดยามากกว่า ยี่สิบเม็ดก็ตกลงมาบนฝ่ามือของเค้า

“หัวหน้าโจว ทุกคนจะได้รับยานี้เหรอนครับ” มีคนถามขึ้นมา

โจวติ่งพยักหน้าแล้วพูดว่า: “คนละเม็ด ยกเว้นสามคน”

เมื่อมองไปรอบๆโจวติ่งก็ชี้นิ้วไปที่ฉินเฉิง หยูเหม่ยเหรินและเย่อจุน

เย่อจุนก็ขมวดคิ้วและพูดว่า: “หัวหน้าโจว ถ้าฉันจำไม่ผิด สมาคมศิลปะการต่อสู้ได้เตรียมมันไว้สำหรับทุกคนอย่างพอดี ทำไมเราสามคนถึงไม่ได้มันล่ะ?”

“ก็ไม่ทำไม” โจวติ่งพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “เพราะว่าฉันไม่ชอบพวกเธอก็แค่นั้น”

เย่อจุนพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ: “ในฐานะหัวหน้าทีม การที่คุณพูดออกมาอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ คุณไม่ละอายแก่ใจของตัวเองบ้างเลยเหรอ?”

“รนหาที่ตาย!” โจวติ่งโกรธจัด เค้าตบเข้าไปที่หน้าอกของเย่อจุนอย่างแรง!

ร่างของเย่อจุนกระเด็นออกไปในทันที มันไม่รู้เลยว่ามีหินกี่ก้อนที่ถูกร่างของเค้ากระแทกขนแหลกเพื่อให้เค้าหยุดการกระเด็นออกไปได้

“ถ้าแกยังกล้าพูดเรื่องไร้สาระอีก ฉันจะฆ่าแกซะ” โจวติ่งพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

เย่อจุนก็ลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างยากลำบาก เค้าเช็ดเลือดที่มุมปากของตัวเองแล้วก็ไม่พูดอะไรออกมา

หลังจากนั้น โจวจิ่งก็ได้มอบยาในมือให้กับสมาชิกในทีมที่เหลือ

หลังจากกินยาเข้าไปแล้ว พลังหยินในร่างกายก็สั่นไหวและความรู้สึกอบอุ่นมันก็ไหลไปทั่วร่างกายของพวกเค้า

“ท้องฟ้ามันมืดแล้ว ทุกคนพักที่นี่ชั่วครามก่อนก็แล้วกัน” โจวติ่งพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

หลังจากพูดออกมาแบบนี้แล้ว โจวติ่งก็เหลือบมองไปที่ซูหยู่

ซูหยู่ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มในทันที

สถานที่แห่งประสบการณ์ที่โชกโชนนี้ มันอยู่ห่างไกลมาก บริเวณรอบๆก็ไม่มีใครอยู่เลย

ภายใต้อิทธิพลของพลังหยิน ทุกคนดูเหมือนจะหมดแรงแล้วเผลอหลับไป

“ฉันทนไม่ไหวแล้ว” หยูเหม่ยเหรินจับไปที่หัวของตัวเอง เธอดูอ่อนแรง

ฉินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เค้ายกมือขึ้นมาแล้ววางมันลงบนหน้าผากของหยูเหม่ยเหริน จากนั้นพลังปราณก็ค่อยๆไหลเข้าไปหาเธอ

ในตอนนี้เอง ซูหยู่ก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ดี

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท