กู้ฉางฉิงสติกลับมา รีบถามว่า
“ประธานฟู่ ทำไมต้องเลื่อนไปวันหลังด้วย เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอ?”
ฟู่หยุนชวนก็ไม่ได้ปิดบัง พูดตามความจริงว่า : “มีคนทางบริษัทโทรคมนาคมนั้นเปลี่ยนใจชั่วคราว”
กู้ฉางฉิงขมวดคิ้ว
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เมื่อคืนบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วไม่ใช่หรอ?”
“ฉันก็ไม่เข้าใจ ฉันคิดว่าจะไปคุยกับพวกเขาคนที่รับผิดชอบ ดูว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง คุณรอข่าวจากฉันอยู่ที่บริษัทก่อน”
ฟู่หยุนชวนบอกความคิดเห็นของตนเอง แต่กู้ฉางฉิงไม่คิดว่าตนเองจะรอได้
“ฉันจะไปด้วยกันกับคุณ เช่นนี้แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีเงื่อนไขอะไร เราจะได้ปรึกษาหารือกันได้โดยตรง”
เธอพูดเสนอ ฟู่หยุนชวนไตร่ตรองสักนิด แล้วก็เห็นด้วย
“ได้ เช่นนั้นเราก็ไปเจอกันที่บริษัทโทรคมนาคม”
กู้ฉางฉิงตอบตกลง วางสายไป แล้วเดินไปที่ลิฟท์
ทว่าไม่รู้ ไม่นานหลังจากที่เธอออกไป ชวี่ชิงหยุนก็เดินออกมาจากมุมทางเดิน
“ความร่วมมือมีการเปลี่ยนแปลงหรอ?”
ชวี่ชิงหยุนนึกถึงคำพูดที่ได้ยินเมื่อกี้นี้ แววตาก็เป็นประกาย
เธอรู้ว่าครั้งนี้บริษัทให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับบริษัทโทราคมนาคมมาก ถ้าหากได้ผลดี บางทีอาจมีวิธีที่จะขับไล่กู้ฉางฉิงออกไปได้
แน่นอน เธอไม่มีความสามารถนี้ ดังนั้นเธอจึงเฝ้าดูกู้ฉางฉิงหายไปในลิฟต์ จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาลู่ซือหยี่
“ซือหยี่ ช่วงนี้สบายดีไหม?”
เมื่อรับสาย เธอก็พูดอย่างห่วงใยก่อนเลย
แต่ว่าลู่ซือหยี่ในสาย ดูเหมือนอารมณ์ไม่ดี น้ำเสียงอ่อนล้า : “มีเรื่องอะไร?”
ชวี่ชิงหยุนได้ยิน ก็ไม่ไร้สาระต่อไป พูดจุดประสงค์ออกมา
“ช่วงนี้บริษัทร่วมมือกันกับฟู่ซื่อกรุ๊ป ตอนนี้ดูเหมือนว่าความร่วมมือมีการเปลี่ยนแปลง กู้ฉางฉิงไปปรึกษาหารือกับฝ่ายการตลาดของฟู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว ฉันอยากบอกว่า ถ้าเราดำเนินการ อาจจะมีโอกาสทำให้กู้ฉางฉิงออกจากบริษัทได้ ถึงเวลาก็จะสามารถแก้แค้นให้คุณได้”
ลู่ซือหยี่ได้ฟัง จากสีหน้าท่าทางที่ดูอ่อนล้าก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อย
“ข่าวนี้เชื่อถือได้หรอ?”
เธอถามให้แน่ใจอีกครั้ง
“เชื่อถือได้ ตอนนี้กู้ฉางฉิงได้ไปพบกับฟู่หยุนชวนแล้ว”
ลู่ซือหยี่ได้ยิน ก็ยิ้มเลย
“โอเค ฉันรู้แล้ว คุณรอข่าวจากฉัน”
เธอพูดจบ ก็วางสายไป
ชวี่ชิงหยุนมองไปที่โทรศัพท์ที่วางสายไป ในสายตาก็เต็มไปด้วยความมืดครึ้ม
เธอมองที่ที่กู้ฉางฉิงออกไปอีกครั้ง หัวเราะเยาะแล้วเดินออกไป
และเธอออกไปไม่นาน ตำแหน่งที่เธอเพิ่งยืนอยู่เมื่อกี้นี้ ก็มีคนหนึ่งเดินออกมา
น่าแปลกใจว่าเป็นมั่วหลีที่ถูกเฟิงจิ่งเหยาส่งมาเพื่ออารักขากู้ฉางฉิง
เธอหรี่ตามองชวี่ชิงหยุนที่เดินจากไป นึกถึงคำพูดของเธอเมื่อกี้นี้ ตาเป็นประกายเล็กน้อย แล้วไม่ได้ทำอะไรเดินออกไปเลย
ถึงอย่างไรเธอก็ปรารถนาให้ผู้หญิงกู้ฉางซินนั่นได้เจอกับความซวย แล้วจะช่วยได้อย่างไร
เธอทำเสียงเยาะเย้ยเบาๆ ออกจากบริษัท ตามกู้ฉางฉิงไป ตามคำสั่งของคุณผู้ชาย อยู่อารักขาข้างหลังเธอ
เพียงแต่การอารักขาอย่างไม่ใส่ใจนี้ ก็มีแต่เธอเองที่รู้
……
และเวลานี้ ลู่ซือหยี่ที่วางสายไป สายตาก็เต็มไม่ด้วยการวางแผนอยู่กับโทรศัพท์
“กู้ฉางฉิง ฟู่หยุนชวน……”
เธอพึมพำเบาๆ ไม่นานก็ดูเหมือนมีความคิดอะไร เธอก็ยิ้มขึ้นมาอย่างร้ายกาจ
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดหมายเลขโทรออก
“เว่ยยาง ว่างไหม? ฉันอยากคุยธุระกับคุณ”
เธอออมยิ้มแล้วเอ่ยปาก แต่ถูกคนอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์กล่าวยั่วเย้าว่า: “ซือหยี่ คนอย่างคุณเนี่ยไม่มีเรื่องไม่มาหาจริงๆ ปกติก็ไม่โทรมาหาฉัน โทรมาก็คือมีเรื่อง”
ลู่ซือหยี่อดยิ้มไม่ได้ ตอบกลับว่า: “นั่นก็ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะรบกวนโลกส่วนตัวของคนทั้งสองระหว่างคุณกับคุณฟู่หรอ? คุณกล้าพูดไหมว่าถ้าฉันนัดคุณตอนคุณออกเดท คุณจะสนใจฉัน?”
ไม่ผิด คนที่ลู่ซือหยี่ไปหาคือคู่หมั้นของฟู่หยุนชวน
หลิวเว่ยยางถูกลู่ซือหยี่พูดหลอกล้ออยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ต้านทานไม่ไหว กล่าวอย่างให้อภัยว่า: “เอาล่ะ เถียงคุณไม่ชนะ วันนี้มาหาฉันมีเรื่องอะไรล่ะ?”
ลู่ซือหยี่จึงพูดเรื่องจริงขึ้นมา
“ทางลู่ซื่อกรุ๊ปของพวกเรานี้มีโครงการที่อยากจะทำความร่วมมือกับฟู่ซื่อกรุ๊ป คุณก็รู้ว่า ฉันกับคุณฟู่ของคุณไม่ได้คุ้นเคยกันมาก ดังนั้นอยากจะขอให้คุณเป็นคนกลาง อีกสักครู่ไปเป็นเพื่อนฉันไปที่เฟิงซื่อกรุ๊ปหน่อยสิ”
หลิวเว่ยยางฟังแล้ว สีหน้าก็ลังเลขึ้นมา
“นี่ฉันโทรไปลองถามก่อน ดูว่าเขาว่างไหม?”
ลู่ซือหยี่ได้ยิน อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว
“เว่ยยาง ไม่ใช่แล้วมั้ง คุณจะไปพบคู่หมั้นของตนเองยังต้องโทรศัพท์ไปนัดล่วงหน้าอีกหรอ”
หลิวเว่ยยางฟังออกถึงความแปลกใจในคำพูดของเธอ ก็ทอดถอนใจอย่างจนปัญญา
“ก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้หยุนชวนกำลังยุ่งอะไร ทุกครั้งที่ฉันไปหาเขาล้วนก็ไม่พบคน โทรศัพท์เขาก็ไม่มีเวลา ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถรับประกันกับคุณได้ว่าจะได้พบคน”
ลู่ซือหยี่หรี่ตา นึกถึงแผนการภายในใจ อดไม่ได้ที่จะแสดงสายตาที่ลึกลับขึ้นมา
“ดังนั้นฉันก็ไม่ใช่จะสร้างอากาศให้คุณหรอ ทำให้พวกคุณได้พบหน้ากัน”
“หืม?”
หลิวเว่ยยางไม่ตอบสนองไปชั่วขณะ
“ฉันไปเจรจาความร่วมมือกับคุณฟู่ของคุณ เขาก็คงไม่สามารถปฏิเสธที่จะไม่พบหรอกใช่ไหม?”
ลู่ซือหยี่อธิบาย หลิวเว่ยยางคล้ายกับได้ฟังเรื่องนี้แล้ว ก็เห็นด้วย
“ได้ งั้นคุณรอฉันครึ่งชั่วโมง ฉันแต่งตัวสักหน่อย”
ลู่ซือหยี่รับปาก ให้เธอไม่ต้องรีบร้อน
แต่เรื่องเหล่านี้ กู้ฉางฉิงล้วนไม่รู้
เธอรีบไปทางด้านฟู่ซื่อกรุ๊ป เข้าพบฟู่หยุนชวน
“อีกฝ่ายมีข้อเรียกร้องอะไรใหม่หรอ? ทางด้านของฉันจัดทำสัญญาเสร็จแล้ว ต้องการให้พวกเราทำใหม่อีกฉบับหรือไม่?”
ขณะเดินทางเธอก็ครุ่นคิดถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายเปลี่ยนใจ นอกจากอีกฝ่ายจะต้องการที่จะกดต้นทุนของพวกเขา เธอก็นึกไม่ออกจริงๆว่ามีสาเหตุอะไรที่ทำให้เปลี่ยนใจ
“สิ่งนี้ไม่จำเป็นในชั่วคราว อีกอย่างการกระทำของพวกเราที่สร้างผลกำไรให้คนอื่น จะสูญเสียการควบคุมการเจรจา ซึ่งนี่เป็นข้อห้ามใหญ่ในสาขาธุรกิจ”
ฟู่หยุนชวนส่ายหน้าไม่ปฏิเสธความคิดเห็นของกู้ฉางฉิง ในเวลาเดียวกันก็สอนเธอถึงวิธีการเจรจา
กู้ฉางฉิงคิเว่าที่เขาพูดมีเหตุผล และคิดบางอย่างขึ้นมา
“ดังนั้นความหมายของคุณคือ พวกเขากำลังจงใจหยั่งเชิงพวกเรา ดูว่าพวกเราจะสามารถเปลี่ยนราคาได้อีกไหม”
ฟู่หยุนชวนพยักหน้า: “ก็ไม่ปฏิเสธว่าสิ่งนี้เป็นไปได้ แต่รายละเอียดต้องรอให้พวกเราไปพบคนก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้พวกเราก็ร่วมมือกันเตรียมการไปก่อน”
เขาพูดแสดงเจตนาเมื่อกู้ฉางฉิงมาถึงด้านหน้าโต๊ะทำงาน: “ถึงแม้พวกเราจะไม่ยินยอม แต่ในใจของพวกเราก็ต้องมีราคาที่ต่ำสุด หลังจากที่พวกเราสามารถชักกลับไปกลับมารอบหนึ่งแล้ว แสร้งทำเป็นอ่อนข้อให้ ทางด้านของคุณสามารถปรับได้ไหม?”
กู้ฉางฉิงพยักหน้า: “หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ผู้จัดการใหญ่น่าจะเห็นด้วย ฉันจะไปบอกเธอสักหน่อย”
พูดจบ เธอก็ดึงมือถือออกมาติดต่อหลี่ม่าน
หลี่ม่านไม่คาดคิดว่าเรื่องที่เจรจราเสร็จแล้ว จะเปลี่ยนใจ ทันทีก็เป็นกังวลขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น?”
เธอกล่าวถามอย่างกังวลใจ กู้ฉางฉิงอธิบายอย่างไม่ได้ปิดบัง
หลี่ม่านรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มุ่งเป้าไปยังบริษัทของพวกเขา ก็วางใจ
“ในเมื่อฟู่ซื่อกรุ๊ปสามารถทำได้ ทางด้านของพวกเราก็เหมือนกันกับเขา ต้องเอารายการธุรกิจนี้มาให้ได้”
กู้ฉางฉิงพยักหน้า ไม่นานก็จัดทำหนังสือสัญญาใหม่กับฟู่หยุนชวน