กู้ฉางฉิงได้ยินประโยคนี้ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะในใจ
อย่างที่เธอบอกกู้หงเซินไม่มีทางใจดีขนาดนี้ ที่แท้ก็กลัวคนอื่นว่าไม่ดี
“ฉันเข้าใจแล้วล่ะ”
เธอพูดจบ ทำท่าทีจะวางโทรศัพท์
กู้หงเซินรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงของเธอ สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“กู้ฉางฉิง เธออยากเจอแม่เธอหรือเปล่า?”
ประโยคนี้ ทำให้กู้ฉางฉิงหยุดมือที่จะวางสายทันที
“คุณจะให้ฉันไปเจอหรือไง?”
เขาพูดอย่างปกปิดไม่มิด ความรู้สึกแปลกๆที่ยากจะเยียวยาในใจกลับมาอีกครั้ง
เธอรู้ดีว่าทุกครั้งที่เธอต้องการจะพบแม่ล้วนต้องข่มขู่เขาทุกครั้ง หรือไม่ก็ต้องตอบรับข้อเรียกร้องที่แสนจะเกินไปของเขา ครั้งนี้กลับเริ่มที่จะยกเรื่องนี้มาเสนอก่อน
สัญชาตญาณบอกเธอว่าครั้งนี้กู้หงเซินต้องมีแผนการที่ใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน ขนาดที่ว่าเขาต้องมาประจบประแจงเธอ
ส่วนคำที่กู้หงเซินเพิ่งบอกเธอเมื่อสักครู่ ในความคิดเธอนี่อาจจะเป็นข้ออ้างปลอบขวัญเธอ
“พูดเถอะ ตกลงคุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ หรือว่าคิดจะวางแผนให้ฉันไปหาผลประโยชน์จากตระกูลกู้อีกล่ะสิ”
กู้หงเซินได้ยินคำพูดของเธอ ใบหน้าดำคร่ำเครียด
พอเขาทำดีกับยัยเด็กคนนี้ด้วยหน่อย ในสายตาของเธอคงจะมีเพียงแค่ผลประโยชน์เท่านั้นสินะ
แม้ว่าเรื่องจริงจะเป็นแบบนั้นแต่เขาก็ไม่ยอมรับหรอก
“ถ้าหากเธอคิดว่าฉันทำไปเพราะผลประโยชน์จริงๆจะไม่ไปก็ได้นะ”
เขาพูดเสียงเย็น ในขณะเดียวกันก็เตรียมจะวางสาย นั่นทำให้กู้ฉางฉิงใจสั่นขึ้นมา
“เดี๋ยวสิ!”
เธอเรียกกู้หงเซินเอาไว้ กัดฟันพูดออกไป “ฉันอยากพบแม่ของฉัน”
ไม่ว่ากู้หงเซินจะใจดีจริงๆหรือเสแสร้งก็ตาม แต่เธออยากไปเจอแม่
ครั้งล่าสุดที่เจอแม่ก็ผ่านมานานแล้ว เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้แม่เป็นยังไงบ้าง ไม่รู้ว่าอาการแม่จะดีขึ้นบ้างไหม
เธออยากไปให้เห็นกับตาตัวเองว่าเขาดูแลแม่เธอดีหรือเปล่า เธอถึงจะเบาใจ
“วุ่นวาย!”
กู้หงเซินคิดไว้แล้วว่าเธอต้องตกลง ฮัมเบาๆในคอ พูดต่อไปว่า “เธอขับรถไปโรงพยาบาลเองสิ ฉันจะบอกทางโรงพยาบาลไว้ให้”
กู้ฉางฉิงได้ยินแบบนั้น ตอบตกลงทันที แต่แค่ครู่เดียวเขาก็คิดได้ว่าเฟิงจิ่งเหยาส่งมั่วหลีมาตืดตามเธอ สายตาครุ่นคิด
“ฉันขับรถไปไม่ได้ คุณต้องส่งคนมารับฉัน”
เธอจึงพูดเรื่องมั่วหลีออกไปด้วย
กู้หงเซินได้ยินแบบนั้น ถึงแม้ว่าจะดุด่าว่าเธอเรื่องเยอะแต่ก็ตอบตกลงไป
ทั้งสองพูดคุยนัดแนะเรื่องสถานที่กันเรียบร้อย กู้ฉางฉิงถึงจะวางสายลง
เธอเก็บโทรศัพท์ เริ่มจัดการตัวเอง
ไม่ถึงยี่สิบนาที เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องไปยังข้างล่าง
ไม่ผิดคาด เธอเห็นว่ามั่วหลีนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก
เธอทำเป็นไม่เห็นเขาแล้วตรงไปยังประตูใหญ่
มั่วหลีเห็นแบบนี้ ขมวดคิ้วแน่น ยังคงเดินตามเธอไป
กู้ฉางฉิงเห็นมั่วหลีที่อยู่ข้างหลัง สั่งคนขับรถให้ไปห้างด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
เธอนัดแนะกับกู้หงเซินไว้เรียบร้อยแล้วว่า ที่ห้างอาจจะมีโอกาสสลัดมั่วหลีทิ้งไปได้
ในขณะที่เธอขึ้นรถเพียงไม่นาน กู้หงเซินก็ส่งข้อความมา เรื่องที่ห้างเขาจัดการให้เรียบร้อยแล้ว
กู้ฉางฉิงกวาดสายตา รีบลบข้อความทิ้ง เอนตัวลงบนพนักพิงแล้วปิดตาอย่างอ่อนล้า
แต่ทว่ามั่วหลีที่อยู่หลังเธอกลับโกรธจนไฟลุกโชน
ผู้หญิงคนนี้ บอกกับคุณผู้ชายอย่างดีว่าจะอยู่บ้าน สุดท้ายพอผู้ชานออกไปได้สักพักก็อดรนทนไม่ไหววิ่งแจ่นออกไปข้างนอก
และความคิดพวกนี้กู้ฉางฉิงไม่ได้รับรู้ด้วย เธอหลับตาแค่เพียงแปปเดียวก็ถึงห้างแล้ว
เธอเดินเล่นตามแผน มั่วหลีเดินตามเธอไม่ห่าง
กู้ฉางฉิงเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร
เธอเดินแวะหลายร้าน ซื้อของไม่น้อยเลยทีเดียว สองมือเต็มไปด้วยของต่างๆ จึงเรียกมั่วหลี
“เธอเอาของพวกนี้ไปเก็บที่รถให้หน่อยสิ?”
เธอสั่งเสียงเย็น ก็เพื่อที่จะแยกตัวจากมั่วหลี
แต่ทว่าใบหน้าเธอกลับตกตะลึงและโทสะ
“นี่เธอสั่งฉัน?”
กู้ฉางฉิงรับรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่พอใจเธอ และเข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่พอใจ
ถ้าหากว่าไม่เพราะต้องการแยกตัวจากเขา เธอไม่มีทางคุยกับคนอย่างเขาแน่ๆ
“ที่นี่นอกจากเธอและฉันยังมีคนอื่นอีกไหมล่ะ? คุณมั่ว คุณคือคนที่เฟิงจิ่งเหยาจัดมาเพื่อปกป้องดูแลฉันอยู่แล้ว ก็เปรียบเหมือนลูกน้องของฉันอีกคน ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์สั่งคุณ? ไม่งั้นกลับไปฉันจะให้จิ่งเหยาเปลี่ยนคนซะ”
เธอตอบเสียงเย็น รีบพูดดักให้มั่วหลีกลืนความไม่พอใจของเธอกลับไป กักเก็บความโกรธของตัวเองเอาไว้
พูดได้ว่าคำพูดของกู้ฉางฉิงชี้ชะตาเธออยู่ไม่น้อย
เธอไม่อยากห่างจากคุณชาย และไม่อยากทำให้คุณชายไม่พอใจ
“ก็ได้!”
เธอกัดฟันตอบกู้ฉางฉิง แย่งถุงในมือกู้ฉางฉิงอย่าวแรง หมุนตัวก้าวออกไป
กู้ฉางฉิงของแผ่นหลังของเธอที่เต็มไปด้วยโมโห คิดขึ้นว่าถึงแม้ว่ามั่วหลีจะมีท่าทีที่ทำให้คนชังไม่น้อย แต่นิสัยของเขานั้นเที่ยงตรงและจริงใจเหลือเกิน
ชอบก็คือชอบ เกลียดก็คือเกลียด ไม่เสแสร้งแกล้งทำ
อย่างน้อยก็ไม่เหมือนลู่ซือยวี่
เธอคิดไปก็รีบมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่นัดแนะกับกู้หงเซิน
ไม่นานเธอก็มาถึงโรงพยาบาล
เนื่องจากกู้หงเซินติดต่อไว้ให้ก่อนแล้ว ดังนั้นระหว่างทางไปห้องพักจึงไม่ได้มีปัญหาอะไร
เมื่อถึงประตูห้องพัก เธอผลักประตูเข้าไปอย่างรอไม่ไหว
เห็นสีหน้าเลือดฝาดเบาๆของแม่เอนอยู่ ราวกับกำลังหลับอยู่
“แม่ ฉันมาหาแม่แล้ว”
เธอฝืนทนกับความรู้วูบหวิวในใจ เดินรอบเตียงด้วยรอยยิ้ม ยื่นมือออกจัดผมที่ยุ่งเหยิงของแม่
จากสีหน้าที่ดูแข็งแรงของแม่ เธอดูออกว่าแม่ถูกดูแลอย่างดี ความกังวลในใจถูกสลัดทิ้งทันที แวบเดียวก็นึกเรื่องนึงขึ้นมาได้
ครั้งนี้ที่กู้หงเซินส่งของบำรุงมาให้เธอ ทั้งยังเริ่มยกเรื่องเยี่ยมแม่มาเองอีก เธอไม่มีทางเชื่อได้เลยว่าเขาไม่ต้องการอะไร
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาเธอคมกริบ
เธอรู้สึกว่ากู้หงเซินต้องกำลังวางแผนใหญ่อะไรสักอย่างแน่ๆ
หลังจากนี้ดูแล้วเธอจะต้องระวังให้มากกว่านี้ อย่าตกหลุมพรางของเจ้าคนร้ายกาจคนนั้น
หลังจากเธอไตร่ตรอง ด้านมั่วหลีก็พบว่าเธอหายตัวไปแล้ว
ตอนแรกเขาคิดว่าเธอถูกจับตัวไปทว่าพอเช็คกล้องวงจรปิดของห้างดูแล้วกลับไม่พบความผิดปกติใดๆ
กู้ฉางฉิงขึ้นรถคนนั้นไปด้วยตัวเอง
พอเธอเห็นแบบนั้นจึงยกโทรศัพท์ติดต่อกู้ฉางฉิง อยากจะถามไถ่ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
แต่ใครจะรู้ กู้ฉางฉิงไม่รับโทรศัพท์เขา
เขาจ้องสายที่ไม่มีคนรับ นัยน์ตาลุกโชนด้วยโทสะ
ถ้าก่อนหน้านี้เธอไม่มีปฏิกิริยากลับมา เขาก็คิดได้ว่ากู้ฉางฉิงให้เขาเอาของไปเก็บเพื่อสลัดเขา
ทันใดนั้นความโกรธของเขาแทบจะปะทุ
ส่วนนึงเพราะว่าตัวเองถูกแกล้งเข้าให้แล้ว ส่วนนึงเพราะว่ากู้ฉางฉิบทุ่มแรงกายแรงใจสลัดเขาขนาดนี้เลยหรือ จะต้องไปทำเรื่องไร้ยางอายแน่ๆ
สุดท้ายเขาก็โทรไปหาเฟิงจิ่งเหยา
“ขอประทานอภัยคุณชาย ฉันทำงานพลาดแล้วล่ะ คุณนายเธอสลัดฉันทิ้งไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ฉันพยายามติดต่อคุณนายไปแต่เธอก็ไม่รับโทรศัพท์ฉัน”
เธอย้ำสิ่งที่เธอทำงานผิดพลาดไป พูดใส่ไฟให้กู้ฉางฉิงอย่างเนียนๆ
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินแบบนี้ คิ้วขมวดเป็นปม
“เข้าใจล่ะ”
เขาตอบเสียงเข้ม รีบวางสายแล้วโทรหากู้ฉางฉิงทันที