หลังจากลู่ซือหยี่ใจเย็นลงมา กำลังจะเรียกผู้ช่วยเข้ามา Kimiก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าร้อนรน
“ซือหยี่ ทำยังไงดี? เฟิงซื่อกรุ๊ปมีคลิปเสียงการสนทนาเมื่อวานของพวกเรา”
ลู่ซือหยี่มองเธอ ก็ตำหนิด้วยสีหน้าไม่พอใจ : “ลนลานอะไร แค่คลิปเสียง จะแทนอะไรได้!”
Kimiตกตะลึง ยังอดไม่ได้ที่จะกลัว
“แต่ว่า……”
เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกลู่ซือหยี่พูดตัดบทว่า : “ไม่มีแต่ว่า เรื่องนี้ฉันจัดการได้ คุณอยู่เงียบๆให้ฉันพักหน่อยก็พอ!”
Kimiมองเธออย่างตกตะลึง ท้ายที่สุดก็พยักหน้าแล้วออกจากห้องทำงานไป
ลู่ซือหยี่มองเธอที่ออกไป ก็หัวเราะเยาะก็เรียกผู้ช่วยเข้ามา
ตอนบ่าย รายการการตรวจสอบถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ของลู่ซื่อกรุ๊ป
คลิปเสียงที่เฟิงซื่อกรุ๊ปเผยแพร่ออกไปเป็นการตัดต่อคลิปเสียง
และเมื่อภาพนี้ส่งออกมา แล้วก็จดหมายของทนายความ เป็นการกล่าวหาของเฟิงซื่อกรุ๊ป
พวกชาวเน็ตที่เห็นข่าวที่โต้แย้งกลับนี้ ก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง
โดยเฉพาะแฟนคลับKimiที่เก็บกดอยู่ ยิ่งหยิ่งพยองจิกกัดชาวเน็ตที่กดขี่พวกเขาก่อนหน้านี้
“เห็นแล้วหรือยัง ตัดต่อคลิปเสียง จริงๆเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ กลอุบายอะไรก็ใช้ออกมา!”
“งั้นที่ต้าVพูดก็ไม่ผิด เฟิงซื่อกรุ๊ปนี้สามารถทำอะไรก็ได้เพื่อผลกำไร”
“จากนี้ไป ฉันจะต่อต้านของทุกอย่างของเฟิงซื่อกรุ๊ป! จะมีคนเห็นด้วยไหม?”
“มี”
“รวมฉันด้วย”
……
ในชั่วพริบตา ดูเหมือนว่าชื่อเสียงของเฟิงซื่อกรุ๊ปที่ฟื้นกลับมาเล็กน้อยจะพังทลายไปอีกครั้ง จนกระทั่งหุ้นมีความเคลื่อนไหวขึ้นมา
เฟิงจิ่งเหยานั่งอยู่ในห้องทำงานฟังการรายงานของชวี่ยี่ ในแววตาเยือกเย็น
“ดำเนินการขั้นตอนที่สามเลย อย่าลืมไปลงบันทึกที่สำนักงานตำรวจ”
เขาสั่งอย่างเย็นชา ทำให้คนหนาวสั่นไปทั้งตัว
ชวี่ยี่ที่คุ้นเคยกับมันมานานแล้ว ยังอดไม่ได้ที่จะใจสั่น
กลอุบายของท่านประธานนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว
ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้ลู่ซื่อกรุ๊ปล้มละลาย ทว่าทำให้บาดเจ็บจนถึงรากเหง้า เกรงว่าจะไม่กล้ายุแฟย่พวกเขาไปสักพักหนึ่ง
เขาถอนหายใจในใจ ไม่ได้หยุดการกระทำ ดำเนินการตามแผนขั้นตอนสุดท้ายอย่างเรียบร้อย
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง วิดีโอที่พวกเขาถ่ายไว้เมื่อเย็นนี้ก็ถูกพวกเขาเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ต
ทำให้ปแฟนคลับที่ยังคงหยิ่งพยองเงียบลงทันที
“ฮ่าฮ่า นี่ตบหน้าตนเองไปไม่นาน อีกสักครู่ลู่ซื่อกรุ๊ปจะมาบอกว่าเป็นการตัดต่อวิดีโออีกไหม?”
“ฉันทำวิดีโอ ได้รับหน้าที่มาบอกชาวเน็ตทุกท่าน วิดีโอนี้ รวมถึงคลิปเสียงก่อนหน้านี้ ทั้งหมดไม่ได้ตัดต่อ!”
“มามา แฟนคลับKimi เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าเย่อหยิ่งอวดดีหรอกหรอ? ตอนนี้ไม่กล้าออกมาแล้ว”
“เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่กล้าออกมา ข่าวล่าสุด มีคนที่แผนกไปเกี่ยวข้องกับลู่ซื่อกรุ๊ป บางคนก็หมดหวังแล้ว”
และมันก็เป็นเช่นนี้จริงๆ
ลู่ซือหยี่เห็นผู้ช่วยพาเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่ห้องทำงาน สีหน้าก็ย่ำแย่อย่างมาก
“คุณลู่ ประธานเฟิงเฟิงซื่อกรุ๊ปกล่าวหาว่าคุณเก็บรวบรมความลับทางการค้าอย่างผิดกฎหมาย เชิญตามฉันมาด้วย”
ตำรวจไม่สนใจสีหน้าของเธอ แสดงบัตรประจำตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรง แล้วพาคนออกไป
และKimiก็เดินทางไปด้วยกันกับเธอ
คนทั้งสองเดินออกจากห้องทำงานตึกใหญ่ ก็ถูกนักข่าวที่ได้ทราบข่าวตีวงล้อมทันที
“คุณลู่ คุณมีความคิดอย่างไรกับสงครามทางธุรกิจครั้งนี้?”
“คุณลู่ ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้คุณทำงานที่เฟิงซื้อกรุ๊ป การประกาศสงครามทางธุรกิจครั้งนี้เป็นเพราะความแค้นที่ไล่คุณออกใช่ไหม?”
“Kimi คุณในฐานะนักออกแบบรุ่นพี่เหตุใดจึงต้องการขโมยต้นฉบับการออกแบบของน้องใหม่ด้วย หรือเพราะว่าความสามารถยี่สิบกว่าปีของคุณที่วาดต้นฉบับมาได้เสื่อมถอยไปแล้ว ทำผลงานที่ดีกว่าออกมาไม่ได้แล้วใช่ไหม?”
“Kimi คนที่ติดตามของคุณอยากรู้อย่างมากว่า เรื่องราวครั้งนี้ คือคุณเข้าไปมีส่วนร่วมเองหรือว่าถูกผู้บังคับบัญชาบีบบังคับ?”
ฝูงชนที่ล้อมรอบพวกเขา ถือไมโครโฟนและถามคำถามที่แหลมคมออกมา
ลู่ซือหยี่และKimiได้ฟังคำถามของพวกเขา สีหน้าก็ดูไม่ได้จนถึงที่สุด
โชคดีที่เหล่าตำรวจยอดเยี่ยม ขณะที่พวกเขากำลังถูกบีบบังคับให้ตอบและไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับอย่างไร พวกเขาก็ออกหน้าให้เหล่านักข่าวแยกตัวออกไป พาลู่ซือหยี่และKimiไปสถานีตำรวจ
ลู่ซือหยี่และการจากไปของพวกเขา ลู่ซื้อกรุ๊ปก็โกลาหลขึ้นมา
ก่อนที่แฟนคลับของKimiก็เอะอะโวยวายขึ้นมา
พวกเขารู้สึกว่าถูกKimiแล้วก็ลู่ซื่อกรุ๊ปหลอกลวง เรียกร้องให้ลู่ซื่อกรุ๊ปออกมาอธิบาย
แต่ทางด้านลู่ซื่อกรุ๊ปนี้เพราะลู่ซือหยี่ถูกนำตัวไป แม่ลู่ก็รีบเข้ามาเรียกประชุมฉุกเฉินทันที พลาดที่ครั้งแรกพะเน้าพะนอ ทำให้ครึ่งวันต่อมา ธุรกิจของทั้งกลุ่มได้รับผลกระทบจากแฟนคลับที่โกรธแค้น
เคาน์เตอร์แบรนด์ในห้างถูกทุบ และชั้นล่างจากของบริษัทมีคนชูป้ายประท้วง
เพราะละครตลกเหล่านี้ ทำให้หุ้นของลู่ซื่อกรุ๊ปผันผวนขึ้นมา
ชวี่ยี่ทราบข่าวเหล่านี้ ก็รายงานให้เฟิงจิ่งเหยาทันที
เฟิงจิ่งเหยาได้ยืนคำพูด อารมณ์บนใบหน้าไม่เปลี่ยน หรือจะพูดได้ว่า เรื่องเหล่านี้ล้วนอยู่ในความคาดการณ์ของเขา
“คุณจับตาดูทางด้านสถานีตำรวจ ถ้าตระกูลลู่ต้องการประกันตัว ก็ให้แจ้งคนเบื้องบน บอกว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อเฟิงซื่อกรุ๊ปอย่างมาก ฉันหวังว่าจะจัดการตามกฎหมาย”
ชวี่ยี่ก็เข้าใจความหมายของท่านประธานตนเองชั่วพริบตา
นี่คือวางแผนที่จะให้ลู่ซื่อกรุ๊ปเลือดออกอย่างมาก!
แต่พอเขานึกถึงการกระทำของลู่ซื่อกรุ๊ป ก็ไม่เห็นใจพวกเขา แล้วยังอยากจะมอบคำสมน้ำหน้าให้พวกเขาคำหนึ่ง
เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับท่านประธาน
เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ความในใจของลูกน้องเขา กำชับสั่งเรื่องนี้เสร็จ ก็ลุกขึ้นแล้วออกจากบริษัทไป
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากเรื่องราวประกาศไปย่อหน้าหนึ่งแล้ว เขากิยากจะบอกผลสรุปให้กู้ฉางฉิงฟังอย่างมาก
ก็เพราะความคิดนี้ เขาก็ขับรถกลับไปโดยไม่ต้องคิด
กู้ฉางฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นเฟิงจิ่งเหยากลับมาก่อนเวลาเลิกงาน
“ทำไมคุณกลับมาแล้วล่ะ?”
เฟิงจิ่งเหยาเดินไปข้างๆเธอ หางตากวาดที่ยังกระดาษวาดภาพตรงหน้าเธอ พบว่าด้านบนมีภาพการออกแบบที่เป็นรูปเป็นร่างแล้วสามแผ่น ก็รู้ว่าเธอทำงานตลอด ไม่ได้สนใจเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงบนอินเตอร์เน็ต
“จัดการเรื่องราวแล้ว เลยกลับมาบอกคุณสักหน่อย”
กู้ฉางฉิงฟังถึงคำพูดนี้ก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย จึงตอบสนองเข้ามาว่าที่เขาพูดคือเรื่องอะไร
เธอกล่าวถามด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม: “จัดการปัญหาแล้ว? จัดการยังไง? ทางด้านลู่ซื่อกรุ๊ปยอมรับแล้วหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยามองรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ทันทีก็รู้ว่าทำไมตนเองถึงอยากกลับมายอกเรื่องนี้กับเธอ
เขาไม่อยากไปคิดลึกว่าทำไมตนเองถึงอยากเห็นรอยยิ้มของกู้ฉางฉิง นำเรื่องราวที่ผ่านมาเล่ารอบหนึ่ง ได้ยินกู้ฉางฉิงทอดถอนใจไม่หยุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟิงจิ่งเหยายังได้ยื่นเรื่อง และส่งลู่ซือหยี่ไปที่สถานีตำรวจ ซึ่งนี่เกินความคาดหมายของเธอ
“พวกเราจัดการลู่ซือหยี่เข้าไป แล้วทางด้านตระกูลลู่ก็จะไม่ยอมวางมือยุติเรื่องราวใช่ไหม?”
ถึงแม้ว่าเธอจะโล่งอก แต่นึกถึงตระกูลลู่ ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล
แน่นอนว่าเฟิงจิ่งเหยารู้ว่าเธอกังวลอะไร ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า: “ก็คือพวกเขาอยากจะวางมือเรื่องนี้ ทางด้านของฉันก็จะไม่เห็นด้วย เรื่องเหล่านี้คุณไม่ต้องเป็นกังวลใจ”