เพื่อนของชีเสี่ยวจิ่วฟังคำนี้ ถ้าบอกว่าใจไม่สั่นก็โกหกแล้ว
ไม่มีใครที่มองข้ามเงินไปได้
เธอคิดๆแล้ว ก็ตอบกลับว่า : “ฉันจะลองติดต่อเบื้องบนดูก่อน”
ชีเสี่ยวจิ่วพยักหน้า จากนั้นก็มองเธอที่เดินไปโทรศัพท์ที่ระเบียง
อีกด้าน ลู่ซือหยี่ได้รับการติดต่อจากเพื่อนร่วมชั้นอีกครั้ง ก็หงุดหงิดใจเล็กน้อย
“มีอะไรอีก?”
เพื่อนร่วมชั้นก็ฟังออก พูดถึงสถานการณ์ทางด้านนี้ออกมาอย่างกระชับชัดเจน
“คุณต้องการพบเธอไหม?”
ลู่ซือหยี่ขมวดคิ้ว : “ไม่ใช่บอกว่าเธอถูกตรวจสอบเจอแล้วหรอ? จะสามารถให้ภาพออกแบบของเธออีกครั้งได้อย่างไร?”
เพื่อนร่วมชั้นเดาได้ว่าเธอสงสัย จึงอธิบายว่า : “เดิมทีเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน เพื่อนฉันคนนี้เป็นคนขี้กลัว ตกใจกลัวไปเอง”
ลู่ซือหยี่ได้ฟังคำพูดของเธอ ท้ายที่สุดก็รู้สึกว่าเรื่องราวไม่ใช่เช่นนี้
เมื่อเธอคิดจะปฏิเสธ Kimiที่ฟังอยู่ด้วยกันกับเธอ ก็ถามว่า : “ทางด้านเฟิงซื่อกรุ๊ปนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไร?”
ลู่ซือหยี่พยักหน้า แล้วเล่าให้ฟังอีกรอบ
“ฉันรู้สึกว่ามีการหลอกลวงกันภายใน”
เธอพูดความกังวลของเธอ ทว่าKimiไม่เห็นด้วย
“เป็นเรื่องดีที่จะระวัง แต่ฉันคิดว่าภายในไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้าพวกเขาสงสัยผู้ช่วยคนนั้นจริงๆ คนก็ถูกจับไปนานแล้ว จะให้การออกแบบที่สำคัญกับเธอได้อย่างไร”
Kimi พูดจบ แววตาก็เป็นประกาย : “จะว่าไปตอนนี้ยังมีการกล่าวกันทางอินเทอร์เน็ตว่าการออกแบบของฉันในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ถ้าเวลานี้สามารถเปิดตัวผลงานบ้างส่วนได้ พูดได้ว่าเป็นการทำให้ชื่อเสียงคงอยู่ ถึงเวลาหากเฟิงซื่อกรุ๊ปยังต้องการจะปกป้องกู้ฉางซิน ก็ก่อให้เกิดความไม่พอใจของมวลชน และชื่อเสียงของเธอก็จะพังพินาศลงอย่างสิ้นเชิง ในอนาคตก็ไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้แล้ว”
ลู่ซือหยี่ฟังการวิเคราะห์ของเธอ ก็วางแผนในใจ
จะว่าไป ที่Kimiพูดก็ถูก
ตามนิสัยของเฟิงจิ่งเหยา คนที่ทรยศหักหลัง เขาไม่เคยใจอ่อนให้มาแต่ไหนแต่ไร อย่างไรก็ตามผู้ช่วยคนนั้นรอดอยู่ได้ เฟิงจิ่งเหยาต้องจับผิดคนแล้วแน่นอน
นึกถึงเช่นนี้ เธอก็ยิ้มมุมปาก
เช่นนี้ ความคิดเห็นของKimiเป็นการเพิ่มเชื้อไฟให้กับเฟิงจิ่งเหยา
ฉับพลัน เธอก็มีแผนในใจ พูดในโทรศัพท์เสียงเคร่งขรึมว่า : “บอกผู้ช่วยคนนั้น พรุ่งนี้เอาภาพออกแบบไปที่Bihuwan”
พูดจบ เธอก็วางสายไป
เพื่อนร่วมชั้นมองโทรศัพท์ที่วางสายไป ด้วยแววตาดีใจ
“เยื้องบนเห็นด้วยที่จะพบคุณ พรุ่งนี้เอาการออกแบบไปที่Bihuwan”
เธอกลับไปที่ห้องรับแขก แล้วบอกข่าวนี้
ชีเสี่ยวจิ่วได้ยิน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะโล่งอก
“ตอบรับก็ดีแล้ว งั้นฉันกลับก่อน พรุ่งนี้จะมาหาคุณอีกที”
เพื่อนร่วมชั้นได้ฟังคำพูดนี้ ก็รู้ว่าเธอยังไม่ทิ้งตนเอง สีหน้าก็ยิ้มแย้มมากขึ้น แล้วไปส่งเธอที่หน้าประตูด้วยตนเอง
หลังจากชีเสี่ยวจิ่วลงไป ก็ไม่ได้เรียกรถออกไปทันที
แต่เดินไปตามทางเดิน ก็เห็นรถเก๋งสีดำทางด้านนี้
พร้อมกับที่เธอเดินเข้าไปใกล้ กระจกรถก็ลดลงมาเผยให้เห็นหน้าชวี่ยี่
“ผู้ช่วยพิเศษชวี่ ทำเรื่องที่ท่านประธานมอบหมายให้เสร็จแล้ว พรุ่งนี้พวกเขานัดที่Bihuwan Cafeตอนเที่ยง”
เธอพูดรายงานเบาๆ ชวี่ยี่พยักหน้า
“รู้แล้ว คืนนี้คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้อย่าทำเสียเรื่องล่ะ”
พูดจบ เขาก็บอกให้คนขับรถขับออกไป
ชีเสี่ยวจิ่วมองดูเขาที่จากไปก็กัดริมฝีปากล่างแน่น จากนั้นก็หันกลับออกไป
และชวี่ยี่ที่ออกมาแล้วก็ติดต่อเฟิงจิ่งเหยา
“ท่านประธาน เรื่องจัดการสำเร็จแล้ว พวกเขานัดพบกันที่Bihuwan Cafe”
ได้ฟังหัวข้อการสนทนาเฟิงจิ่งเหยาก็ตอบรับเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “คุณพาคนไปเตรียมพร้อมไว้ก่อน เพื่อรับประกันว่าจะไม่ผิดพลาด”
ชวี่ยี่รับคำสั่งแล้วก็วางสายโทรศัพท์
เฟิงจิ่งเหยาหยิบมือถือที่วางสายแล้วกลับไปที่ห้องอีกครั้ง
ก็พบว่ากู้ฉางฉิงที่เดิมทีน่าจะหลับไปแล้ว ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาเมื่อไร
“เสียงรบกวนคุณแล้ว”
บนใบหน้าของเขาอ่อนโยนและเอ็นดูโดยที่ตัวเขาเองไม่ได้สังเกตเห็น
กู้ฉางฉิงส่ายหน้า: “เปล่า อันที่จริงเมื่อกี้ฉันแค่งีบหลับ ในใจนึกถึงเรื่องราว เป็นยังไงบ้าง เรื่องสำเร็จไหม? ทางด้านลู่ซื่อติดกับแล้วหรือยัง?”
เธอกล่าวถามอย่างเอาใจใส่
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้า: “สำเร็จแล้ว พักผ่อนให้เพียงพอ ฟื้นฟูจิตใจให้ดี วันมะรืนก็จะได้ดูละครที่ดีแล้ว”
กู้ฉางฉิงมองรอยยิ้มที่เย็นชาบนใบหน้าของเขา ใจก็รู้ว่าครั้งนี้ลู่ซื่อกรุ๊ปจะต้องล้มลงครั้งใหญ่ด้วยมือของเฟิงจิ่งเหยาอย่างแน่นอน ก็เลยพักผ่อนอย่างวางใจ
……
วันต่อมา ชีเสี่ยวจิ่วมาถึงที่Bihuwan Cafe ตามเวลาที่นัดกันไว้
เธอมองประตูใหญ่ตรงหน้า กำเอกสารในมือแน่น สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินเข้าไป
หลังจากเธอแจ้งที่นั่งวีไอพีแล้ว บริกรก็พาเธอเข้าไปในที่นั่งวีไอพี
ในที่นั่งวีไอพี ไม่ได้มีแค่เพื่อนของเธอ ยังมีคนอีกสองคนที่เธอคุ้นเคย
คนหนึ่งคืออดีตผู้จัดการแผนกลู่ซือหยี่ อีกคนหนึ่งก็คือKimiที่เป็นคู่กรณีในเรื่องครั้งนี้
ชีเสี่ยวจิ่วเห็นลู่ซือหยี่ ในสายตาก็ปรากฎความแปลกใจ
เพราะก่อนหน้านี้เธอก็เคยถูกลู่ซือหยี่ติดสินบนแล้ว คิดแล้วไม่เข้าใจว่าเรื่องครั้งนี้ ในเมื่อเธอดำเนินการอยู่เบื้องหลัง แล้วทำไมไม่มาหาเธอโดยตรง แต่กลับทำเป็นขั้นเป็นตอน
แต่ถึงแม้ว่าเธอจะเคลือบแคลง แต่ก็ส่งสายตาไปไม่ได้กล่าวถาม
“คุณลู่ รุ่นพี่Kimi”
เธอกล่าวทักทายอย่างระมัดระวังตัว
ลู่ซือหยี่และKimiแค่พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ถือเป็นการตอบรับ
สุดท้ายก็ยังเป็นเพื่อนของเธอที่ยอกให้เธอนั่งลง ทุกคนจึงเจรจาธุรกิจขึ้นมา
“คุณบอกว่าในมือของคุณมีการออกแบบที่ยอดเยี่ยม เอามาให้ฉันดูหน่อย”
Kimiขอดูผลงานการออกแบบ ชีเสี่ยวจิ่วหยิบกระดาษต้นฉบับส่งให้ไปอย่างไม่ลังเล
ช่วงเวลาหนึ่ง คนทั้งหมดก็ถูกภาพดารออกแบบดึงดูดควาทสนใจ
พูดได้ว่า เพื่อล่อให้เขาออกมา เฟิงจิ่งเหยาลงทุนเล็กน้อย ใช้ต้นฉบับการออกแบบที่เป็นสินค้ายอดนิยมที่พวกเขาตั้งใจจะทำยอดขาย
แม้แต่Kimiที่แทรกซึมอยู่ในแวดวงมากว่าสิบปีก็ยังต้องทึ่งกับการออกแบบเหล่านี้
“ซือหยี่ ปลงานเหล่านี้จะถูกยกย่องเป็นผลงานชั้นสูงอย่างแน่นอน พวกเราคว้าไว้ได้จะสามารถนำกำไรอันมหาศาลมาให้บริษัทได้อย่างแน่นอน!”
และอาชีพการออกแบบที่ไม่มีอะไรแน่นอนมาโดยตลอดก็จะได้เกิดใหม่ขึ้นมา!
ประโยคหลังเธอไม่ได้พูดออกมา แต่ลู่ซือหยี่ยังสามารถมองความมุ่งมาดปรารถนาอันแรงกล้าของเธอจากในสายตาเธอได้
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ต้นฉบับการออกแบบเหล่านี้ พวกเราต้องการ”
เธอพูดพลางมองไปยังชีเสี่ยวจิ่ว ในเวลาเดียวกันในมือก็หยิบเช็คธนาคารใบหนึ่ง
“การพบคุณแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ ในนี้มีสองล้านบาท ครั้งต่อไปมีต้นฉบับดีๆแบยนี้อีก เอามาให้ฉันโดยตรง เข้าใจไหม?”
เสี่ยวซีหร่านฟังคำพูดของเธอ ใจก็สั่นเล็กน้อย
“เข้าใจค่ะ”
เขาระงับให้ตนเองสงบ ผ่อนคลายมือที่ถือกระเป๋ามาโดยตลอด เก็บเช็คธนาคาร
ลู่ซือหยี่ไม่ได้พบความผิดปกติบนใบหน้าของเธอ
เพราะKimiเห็นว่าการค้าขายร่วมกันสำเร็จแล้ว แทบรอไม่ไหวที่จะกลับไปเผยแพร่ผลงานใหม่เหล่านี้ออกไป
เช่นเดียวกัน ลู่ซือหยี่ก็ไม่ได้ขัดขวาง
ท้ายที่สุดเธอยังคงต้องใช้ภาพวาดต้นฉบับเหล่านี้เพื่อบีบบังคับเฟิงซื่อกรุ๊ปในขั้นตอนต่อไป
แต่ไม่รู้ว่าหลังจากที่พวกเขาไปได้ไม่นาน ชวี่ยี่ก็พาคนเข้าไปในห้องพิเศษ
ชีเสี่ยวจิ่วเห็นชวี่ยี่ หยิบเครื่องบันทึกเสียงที่ใส่ไว้ในกระเป๋าออกมา และทางด้านชวี่ยี่ก็ได้ให้ลูกน้องไปที่ห้องวงจรปิดของที่นั่งวีไอพี
ใช่ ตั้งแต่ลู่ซือหยี่และพวกเขาเริ่มเข้ามาในที่นั่งพิเศษนี้ ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเธอถูกวงจรปิดสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
