มั่วหลีใช้กำลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับบอดี้การ์ดเหล่านี้ แต่บอดี้การ์ดเหล่านี้แค่ป้องกันไม่ได้โจมตี ดึงรั้งเธอไว้ ทำให้เธอจนปัญญาที่จะปลีกตัวไปช่วยกู้ฉางฉิงได้
เช่นนี้ เธอได้แต่มองดูกู้ฉางฉิงถูกคนเหล่านี้พาตัวไป
และพร้อมกับกู้ฉางฉิงถูกจับตัวไป บอดี้การ์ดที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีก็ปล่อยมั่วหลี
มั่วหลีมองบอดี้การ์ดเหล่านั้นที่จากไป ตนเองก็จนปัญญาที่จะไล่ตาม ใบหน้าก็เย็นชาและสับสน
ตอนนี้เธอแค่หวังว่าคุณผู้ชายจะให้โอกาสเธอในการทำงานอีกครั้ง
เธอหลับตาลง หยิบโทรศัพท์ออกมาสั่งให้ลูกน้องตนเองตรวจสอบว่าคนที่พากู้ฉางฉิงไปเป็นใคร
ไม่ถึงสิบนาที ลูกน้องก็โทรมารายงาน
“หัวหน้า ตรวจสอบแล้ว พวกเขาออกไปทางตระกูลลู่ เรามห้คนตามไปแล้ว
มั่วหลีทำเสียงตอบรัย หลังจากวางสาย ก็โทรไปหาเฟิงจิ่งเหยา
“มีเรื่องอะไร?”
ไม่นาน น้ำเสียงเย็นชาของเฟิงจิ่งเหยาก็ดังขึ้น
มั่วหลีได้ยิน ก็ใจสั่นเล็กน้อย แต่ยังคงพูดเรื่องราวออกไป
“คุณผู้ชาย คุณนายรองถูกจับตัวไป”
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำพูดนี้ เดิมทีเขาที่ไม่สนใจใยดีก็เย็นชาขึ้นมาทันที
“เกิดเรื่องขึ้นได้ยังไง? เป็นไอ้พวกนั้นหรอ”
มั่วหลีส่ายหัวปฏิเสธ : “ไม่ใช่พวกเขา คนของฉันไปตรวจสอบแล้ว น่าจะเป็นทางตระกูลลู่นั่นมากกว่า เส้นทางที่พวกเขาไปเป็นทางด้านตระกูลลู่”
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำนี้ ก็เคร่งขรึมลง
“ฉันรู้แล้ว ให้คนจับตาดูต่อไป อีกสักพักฉันจะไปถึง”
พูดจบ เขาก็วางสาย
เพียงแต่ยังไม่ได้ขยับ ยังจ้องมองที่โทรศัพท์ ดูเหมือนว่ารอให้ใครโทรมา
ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เขามองหน้าจอเป็นเบอร์แปลก กระพริบๆตา แล้วกดปุ่มรับสาย
“เฟิงจิ่งเหยา ตอนนี้กู้ฉางซินอยู่ในมือฉันแล้ว ถ้าคุณไม่อยากให้เธอเกิดอุบัติเหตุ ก็ให้คนไปปล่อยซือหยี่เดี๋ยวนี้!”
ได้ยินเสียงเคร่งขรึมของแม่ลู่ในสาย
เฟิงจิ่งเหยาหรี่ตาขึ้นมาอย่างอันตราย สิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือถูกคนมาข่มขู่
เพียงแต่นึกถึงกู้ฉางซินที่อยู่ในมือเธอ ท้ายที่สุดเขาก็ตอบตกลง
“ฉันปล่อยลู่ซือหยี่ก็ได้ แต่คุณต้องรับประกันว่าคนของฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ!”
แม่ลู่ทำเสียงเยาะเย้ย พูดอย่างหยิ่งยโสว่า : “เฟิงจิ่งเหยา คุณควรจะเข้าใจนะ ว่าตอนนี้คุณไม่มีคุณสมบัติที่จะเจรจาต่อรองกับฉัน!”
เธอพูดจบ ก็วางสายไปเลย
เฟิงจิ่งเหยามองโทรศัพท์ที่ถูกวางสายไป ก็มีความทุกข์ในแววตา
เขาโทรหาชวี่ยี่ทันที ให้เริ่มไปจัดการ
และในเวลาเดียวกันนี้ ที่ตระกูลลู่
แม่ลู่วางสายไปแล้ว ก็ไปที่ห้องรับแขก
ก็เห็นกู้ฉางฉิงที่ถูกมัดโยนไว้บนพื้น
“คุณกู้ ฉันประเมินคุณต่ำไปจริงๆ”
เธอมองลงไปที่กู้ฉางฉิง
กู้ฉางฉิงเห็นเธอ ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมตนเองถึงถูกลักพาตัวมา
เกรงว่าจะเป็นเรื่องของลู่ซือหยี่
และในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้
แม่ลู่เดินมาตรงหน้ากู้ฉางฉิงใช้อำนาจบาตรใหญ่ ก้มลงจับคางของเธอ แววตาที่เยาะเย้ยจนทำให้อับอาย : “ใบหน้าเหมือนจิ้งจอกจริงๆ มิน่าล่ะลูกสาวของฉันถึงได้พ่ายแพ้คุณ”
กู้ฉางฉิงถูกเธอบีบจนเจ็บ จึงดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากมือเธอ
“คุณนายลู่ คุณจับตัวฉันมา ไม่กลัวจะผิดใจกับตระกูลเฟิงหรอ?”
เธออดกลั้นความประหม่าไว้ในใจ แล้วพยายามเจรจาต่อรองกับแม่ลู่
ใครจะรู้ว่าเดิมทีแม่ลู่ไม่หวั่นไหวเลย
“ผิดใจ? ดูเหมือนว่าคุณกู้จะไม่รู้สถานการณ์ปัจจุบัน ตระกูลลู่ของเรากับตระกูลเฟิงมีปัญหากันเพราะคุณ”
เธอพูดถึงตรงนี้ ก็มีความโกรธในแววตา
กู้ฉางฉิงยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ เสียงฝ่ามือก็ดังกังวาลขึ้นในห้องนี้
ก็มองเห็นแก้มขาวๆของเธอปูดบวมขึ้นด้วยตาเปล่า ชั่วพริบตาความเจ็บปวดก็แพร่กระจาย
“ถ้าคุณไม่ใช่นังจิ้งจอกที่เป็นตัวกลางก่อความวุ่นวาย ตระกูลของพวกเรากับตระกูลเฟิงจะเดินมาถึงสถานภาพนี้ได้ยังไง ซือหยี่ก็คงไม่ต้องบ้าคลั่งเพราะความรัก ทำเรื่องที่ไม่สามารถกอบกู้คืนมาได้แบบนี้!”
แม่ลู่จ้องมองกู้ฉางฉิงอย่างกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน สายตานั้นปรารถนาที่จะถลกหนังตัดเอ็นเธอ
ยิ่งนึกถึงลูกสาวของตนเองด้วยแล้ว เพราะผู้หญิงคนนี้ ต้องตั้งครรภ์โดยไม่ได้แต่งงาน ไม่ทราบตัวพ่อของเด็ก ความโกรธภายในใจก็ร้อนแรงขึ้นมา
กู้ฉางฉิงฟังคำพูดของเธอจบ ก็รู้สึกเพียงว่าทัศนคติทั้งสามของตนเองถูกโค่นล้ม
ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนที่ทำลายครอบครัวของคนอื่นจะมั่นใจได้ขนาดนี้
เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา “ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมลู่ซือหยี่ถึงมีความคิดและการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุแบบนี้ ไม่สำนึกเสียใจ ตลอดจนภูมิใจที่ได้เป็นเมียน้อย ที่แท้ก็เพราะมีคุณนายเฟิงที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีคอยให้ท้ายอยู่แบบนี้เอง ฉันอยากรู้จริงๆว่า ลู่ซือหยี่เป็นลูกสาวแท้ๆของคุณหรือเปล่า? ทำไมคุณถึงต้องทำร้ายเธอแบบนี้?”
แม่ลู่ถูกกู้ฉางฉิงพูดแบบนี้ก็ฉุนจนหน้าเขียวหน้าขาว โกรธเดือดดาล
“แกมันปากดีจริงๆ”
เธอจ้องมองกู้ฉางฉิงอย่างเคร่งขรึม บนใบหน้าเต็มไปด้วยความอันตราย
กู้ฉางฉิงก็เสียใจว่าทำไมเมื่อกี้ตนเองถูกพูดจาอวดดีเหล่านั้นออกไป
เธอเห็นแม่ลู่เช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวขึ้นมา
ก็ไม่รู้ว่าทางด้านเฟิงจิ่งเหยาได้รับข่าวที่เธอถูกจับตัวไปแล้วหรือยัง
ลางสังหรณ์บอกเธอว่า วันนี้ผู้หญิงคนนี้ไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆแน่นอน
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น
แม่ลู่เพียงแค่ต้องการกู้คืนความผิดทั้งหมดที่ลูกสาวของเธอได้รับความเดือดร้อนจากกู้ฉางฉิง
เธอสั่งให้สาวใช้หยิบแส้หนังมา มองกู้ฉางฉิงแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น
“ฉันอยากจะทำลายใบหน้านี้ของคุณ คุณยังจะมีทุนอะไรที่ไปหลอกให้ผู้ชายลุ่มหลงอีก แล้วเฟิงจิ่งเหยายังจะต้องการคุณอีกไหม?”
เธอพูดจบ ยกแส้ขึ้นแล้วฟาดไปยังบนใบหน้าของกู้ฉางฉิง
กู้ฉางฉิงตื่นตกใจ หลบหลีกด้วยจิตสำนึก
ถึงแม้ว่าเธอจะหลบหน้าได้ แต่แส้นั้นก็ฟาดลงไปบนไหล่
“เจ็บ——”
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เธออดไม่ได้ที่จะร้องออกมา น้ำตาไหลออกมาจากดวงตา สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือดขึ้นมา
แต่ไม่รู้ว่าท่าทีของเธอนี้ ยิ่งกระตุ้นใจของแม่ลู่ที่จะทรมานเธอ
“นี่ก็เจ็บแล้วหรอ ด้านหลังเจ็บกว่านี้! วันนี้ฉันจะสั่งสอนแกแทนซือหยี่!
ดวงตาเธอแฝงไปด้วยความเยือกเย็น กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
กู้ฉางฉิงฟังถึงคำพูดนี่ ในใจก็สั่น
……
เวลาเดียวกัน กู้ซื้อกรุ๊ปที่กำลังโกลาหล
กู้หงเซินกำลังเรียกประชุมฉุกเฉิน ขณะกำลังพูด ผู้ช่วยก็เคาะประตูเข้ามา
“มีเรื่องอะไร?”
เขาถามอย่างหงุดหงิด
ผู้ช่วยรีบเดินเข้าไป ก้มไปกระซิบข้างหูเขา
“คนคนนั้นถูกคนของตระกูลลู่จับตัวไปจากหน้าบ้านตระกูลเฟิง พวกเราต้องส่งคนไปช่วยไหมครับ?”
แน่นอนว่าคนคนนั้นก็คือกู้ฉางฉิง
กู้หงเซินฟังถึงคำพูดนี้ ใบหน้าก็เย็นชาไปชั่วขณะ
พูดตามตรง ตอนนี้กู้ฉางฉิงก็แสดงเป็นกู้ฉางซิน เกิดเรื่องแบบนี้ เขาก็ควรจะออกตัวช่วยเหลือทันที
แต่เขานึกถึงความอวดดีในโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ของผู้หญิงคนนี้ ความคิดนี้ก็ถูกเขาล้มเลิกไป
เวลานี้ให้หญิงชั่วคนนี้ได้รับบทเรียนสักเล็กน้อย จะได้ไม่ลืมฐานะของตนเอง
“ไม่ต้อง ทางด้านตระกูลเฟิงต้องมีการเคลื่อนไหวแล้วแน่นอน พวกคุณจับตาดูต่อไปก็พอ”
เขาสั่งด้วยเสียงเคร่งขรึม ผู้ช่วยพยักหน้า
ขณะที่เขากำลังวาฃแผนออกไปจัดการ กู้หงเซินก็คล้ายกับนึกอะไรได้ เรียกให้เขาหยุด “เออใช่ ถ้าคนมาหาฉัน ก็บอกว่าฉันออกไปทำงานต่างจังหวัดนะ”
ผู้ช่วยพยักหน้า แสดงเจตนาว่าเข้าใจแล้วก็ออกไป
เขาออกไปแล้ว กู้หงเซินก็ประชุมต่อไป