วันต่อมา กู้ฉางฉิงนอนจนตะวันโด่งจึงจะตื่นขึ้นมา ทั้งตัวราวกับถูกรถลากไว้ เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน
จากนั้นเธอยังไม่ทันได้สติกลับมา การแสดงออกบนใบหน้าก็แข็งทื่อ
เพราะความทรงจำในเมื่อคืนทะลักเข้ามา ทำให้เธออยากจะขุดหลุมฝังตนเอง
เป็นอย่างที่คิดการดื่มเหล้าทำให้เกิดเรื่องยุ่งเหยิง ดูเหมือนว่าในอนาคตจะต้องไม่ดื่มเหล้าต่อหน้าเฟิงจิ่งเหยาแล้ว มิเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าตนเองยังจะทำเรื่องอะไรลงไปอีก
เธอพักผ่อนอยู่บนที่นอนทาทามิสักพัก รอให้อาการเจ็บปวดบนร่างกายบรรเทาลงเล็กน้อย จึงจัดการตนเองลุกจากเตียงแล้วลงไปชั้นล่าง
มั่วหลีเห็นกู้ฉางฉิงตื่นสาย โดยเฉพาะร่องรอยบนร่างกายของเธอ ดวงตาก็เต็มไปด้วยความริษยา อดไม่ได้ที่จะพูดจาถากถาง
“ชีวิตลูกสะใภ้มันดีจริงๆ ไม่เหมือนคุณผู้ชายของพวกเรา ต้องตื่นแต่เช้าไปบริษัท ตอนกลางคืนเลิกงานกลับมายังไม่ได้อยู่เงียบๆสบายๆอีก”
กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดนี้ ก็หยุดฝีเท้าเล็กน้อย
เธอชำเลืองมองมั่วหลี หรี่ตาเล็กน้อย หัวเราะเยาะพูดว่า : “คุณมั่ว ความคิดของคุณฉันทราบแล้ว คืนนี้ฉันจะบอกจิ่งเหยาให้”
พูดจบ ก็ไม่ได้สนใจมั่วหลีอีก หันกลับไปที่ห้องอาหาร
แต่มั่วหลีเป็นเพราะคำพูดของเธอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย กังวลใจว่าผู้หญิงคนนี้จะบอกคำพูดนี้กับคุณผู้ชายจริงๆ
เธอเดินตามหลังกู้ฉางฉิงไปสองสามก้าว พูดอะไรไม่ออก ได้แต่พูดยั่วโมโหว่า : “ผู้หญิงอย่างคุณนี้ นอกจากขี้ฟ้องแล้ว ยังทำอะไรได้อีกไหม?”
กู้ฉางฉิงหัวเราะเยาะ : “คุณมั่ว ฉันขี้ฟ้อง มันก็เป็นความสามารถของฉัน หากมีความสามารถ คุณก็ทำได้”
มั่วหลีคิดไม่ถึงว่ากู้ฉางฉิงจะตอกกลับเธอขนาดนี้ จนหาคำมาโต้แย้งไม่ได้เลย
กู้ฉางฉิงมองหน้าเธอที่แดงขึ้นมา ก็หัวเราะเบาๆ ไม่สนใจ แล้วเริ่มทานอาหาร
สิบนาทีต่อมา เธอทานอาหารเสร็จ ก็วางแผนที่จะไปบริษัท รายงานเรื่องการตัดสินใจรับการสัมภาษณ์ของตนเองต่อเบื้องบนสักเล็กน้อย
ในบริษัท หลี่ม่านที่รู้ว่ากู้ฉางฉิงตอบรับการสัมภาษณ์ อมยิ้มแล้วพูดรับปากว่า : “เช่นนี้ ทางด้านนี้คุณต้องการความร่วมมืออะไรกับบริษัทขอแค่บอกมา ฉันจะให้คนร่วมมือกับคุณอย่างเต็มที่เลย”
อย่างไรก็ตาม กู้ฉางฉิงรับการสัมภาษณ์ ก็จะเป็นผลดีต่อบริษัทด้วย ยิ่งทำให้บริษัทมีชื่อเสียงมากขึ้น
เป็นธรรมดาที่กู้ฉางฉิงก็รู้ขั้นนี้ จึงได้ตอบรับไป
จี้อี้รู้ว่ากู้ฉางฉิงตอบรับการสัมภาษณ์ ก็โกรธจนทำพู่กันวาดรูปเบี้ยว ภาพแบบร่างการออกแบบดีๆก็เสียไป
ในใจยิ่งเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและความโกรธ
“กู้ฉางซินคนนี้ทำบุญด้วยอะไรมา เรื่องอะไรดีๆถึงถูกเธอเอาไปครอบครองหมด!”
กู้ฉางฉิวไม่รู้ความโกรธในใจของเธอ หลังจากรายงานกับหลี่ม่าน และติดต่อผู้รับผิดชอบหลักของแฟชั่น
ทั้งสองคนกำหนดเวลาในการสัมภาษณ์ กำหนดไว้พรุ่งนี้ตอนบ่าย
ตอนกลางคืน กู้ฉางฉิงก็รายงานเรื่องนี้ให้เฟิงจิ่งเหยาฟัง
“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะให้ชวี่ยี่ออกตอนบ่าย เพื่อไปเป็นเพื่อนคุณ”
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอบกลับไป
กู้ฉางฉิงส่ายหัว : “ไม่ต้อง ฉันไปเองได้ คุณทำงานของคุณเถอะ”
เฟิงจิ่งเหยายังอยากจะพูดอะไร เพียงแต่ยังไม่ได้พูดออกมา ก็ถูกกู้ฉางฉิงแย่งไปก่อน : “ทุกๆวันคุณมีเรื่องมากมายขนาดนั้น ไม่ต้องห่วงฉันหรอก อีกอย่าง คุณไม่ได้บอกว่าคนเหล่านั้นไปแล้วหรอ? คิดๆดูแล้วไม่น่าจะมีอันตรายใดๆ แล้วยังมีคุณมั่วตามไปอีกด้วย”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยิน ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ยืนกราน
เพียงแต่รอให้ทานอาหารเสร็จ เขาก็ให้เรียกมั่วหลีไปที่ห้อง
“คุณผู้ชาย คุณตามหาฉันหรอ?”
มั่วหลีเดินเข้ามาในห้องอย่างดีใจ
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอ สายตาเคร่งขรึมพูดว่า : “พรุ่งนี้คุณนายรองจะต้องไปสัมภาษณ์ ฉันไม่ยอมให้เกิดอุบัติเหตุใดๆอีก มิเช่นนั้นคุณเองก็ต้องไสหัวออกนอกประเทศไป!”
มั่วหลีได้ฟังคำนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเจื่อนๆไป
เธอกัดฟันแน่น มือที่ห้อยอยู่ขาสองข้างก็จับขากางเกงแน่น
“ค่ะ!”
เธอใช้พลังทั้งสิบสองจุด จึงทำให้อารมณ์ของเธอไม่ระเบิดขึ้นมา แล้วกัดฟันตอบกลับไป
เฟิงจิ่งเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินความผิดปกติในน้ำเสียงของเธอ หลังจากมอบหมายงานเสร็จ ก็โบกมือให้เธอออกไป
มั่วหลีหันเดินออกไป ช่วงเวลาที่กำลังหันตัวกลับ การแสดงออกบนใบหน้าก็เศร้าหมองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
……
วันต่อมา เฟิงจิ่งเหยาไปบริษัทแต่เช้าตรู่
เพราะตอนบ่ายกู้ฉางฉิงมีสัมภาษณ์ ดังนั้นตอนเช้าก็เตรียมตัวอยู่ที่บ้านโดยตลอด
พอถึงเวลานัด เธอจึงพามั่วหลีไปยังสำนักงานนิตยสารของปรมาจารย์ด้านแฟชั่น
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คนทั้งสองก็มายังตึกสำนักงานหลังหนึ่ง
เทียบกับความยิ่งใหญ่ของตึกสำนักงานของเฟิงซื่อกรุ๊ปแล้ว ตึกสำนักงานหลังนี้ใหญ่โตไม่น้อย
“คุณกู้ ทางนี้”
หลังจากคนทั้งสองลงจากรถ ผู้ช่วยก็เข้ามาทักทาย พาคนทั้งสองเขาบริษัท
เมื่อเงาของพวกเขากายไปในประตูใหญ่ของสำนักงานนิตยสาร รถยนต์คันสีดำก็ค่อยๆขับออกมาจากหน้าประตู
เป็นผู้ชายคนนั้นที่คอยจับตาดูที่ตระกูลเฟิงเมื่อสองสามวันก่อน
“ดูท่าวันนี้จะเป็นโอกาสดีที่จะลงมือ”
เขาใช้กล้องส่องทางไกลมองกู้ฉางฉิงสถานการณ์ของพวกเขา พูดพึมพำแล้วยิ้มมุมปาก
และทุกสิ่งทุกอย่างนี้กู้ฉางฉิงล้วนไม่รู้
หลังจากเธอตามผู้ช่วยเข้าไปในสำนักงานนิตยสาร ก็ได้พบกับบรรณาธิการสัมภาษณ์”
หลังจากทักทายกันแล้ว คนทั้งสองก็เข้าสู่หัวข้อหลักของวันนี้
แต่ละคำถาม แต่ละคำตอบ บวกกับประสบการณ์ที่ฉันเคยมีมาแล้วครั้งหนึ่ง กู้ฉางฉิงจึงมีความชำนาญที่จะรับมือ
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ กีสัมภาษณ์ก็ยังทำอยู่จนเย็น
“ต้องขอโทษด้วย ที่ทำให้คุณกู้ต้องเสียเวลามากมายขนาดนี้”
บรรณาธิการสัมภาษณ์เสร็จ ก็ยิ้มๆกับกู้ฉางฉิงอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นฉันกลับก่อนนะ”
กู้ฉางฉิงอมยิ้มกล่าวตอบกลับอย่างไม่ถือสา
บรรณาธิการพยักหน้า ส่งเธอออกจากสำนักงานนิตยสาร: “คุณกู้เดินทางปลอดภัยนะ รอหลังจากปรับปรุงและกำหนดงานเขียนฉบับสมบูรณ์แล้ว ฉันจะแจ้งให้คุณกู้ทราบว่านิตยสารจะตีพิมพ์ในวันไหน ขณะเดียวกันฉันก็จะส่งหนังสือตัวอย่างไปให้คุณ”
“รบกวนแล้วค่ะ”
กู้ฉางฉิงไม่ได้ปฏิเสธ หลังจากกล่าวลาอีกครั้ง ก็พามั่วหลีออกไป
หลังจากคนทั้งสองออกไป มั่วหลีก็ไปขับรถจากที่จอดรถ กู้ฉางฉิงยืนรออยู่หน้าประตูคนเดียว
ชายที่เฝ้ารออยู่ด้านนอกมาโดยตลอดเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว
เขาขับรถมาจอดตรงหน้ากู้ฉางฉิง เปิดประตูรถลงมาทันที เดินมุ่งตรงไปยังกู้ฉางฉิง
กู้ฉางฉิงไม่ได้สังเกตเห็นถึงอันตรายที่เข้ามาใกล้ตัวเธอ
เธอก้มหน้าตอบกลับข้อความของเฟิงจิ่งเหยา
“สัมภาษณ์เสร็จแล้ว กำลังเตรียมจะกลับไป”
เพียงหลังจากส่งข้อความไป ไม่มีการตอบรับใดๆ ทำให้เธอหงอยเหงาอย่างมาก
พอดีกำลังวางแผนจะเก็บมือถือ ทันใดร่างกายของเธอก็ถูกชนเล็กน้อย มือถือหล่นลงบนพื้น
“ขอโทษครับ”
ผู้ชายเก็บมือถือขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ขัดเคือง ใช้น้ำเสียงที่ไม่สละสลวยกล่าวขอโทษ
กู้ฉางฉิงเห็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาไม่เลว ก็ไม่ได้สนใจ รับมือถือมา “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเล่นมือถือไม่ทันได้ระวัง ไม่โทษคุณหรอกค่ะ”
พูดพลาง เธอก็เอียงตัวออก วางแผนให้ผู้ชายเดินผ่านไป
ผู้ชายเห็นเช่นนี้ ในสายตาก็รากฎแสงอันเยือกเย็น
เขากวาดสายตาไปโดยรอบ ไม่มีใครสนใจทางด้านนี้ กำลังวางแผนที่จะลงมือให้คนหมดสติ ด้านหลังก็มีเสียงรถคันหนึ่งเบรก ทำให้เขาหยุดลงมือทันที
ได้ยินผู้หญิงข้างๆส่งเสียงเรียกด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจ: “จิ่งเหยา คุณมาได้ยังไง”
เฟิงจิ่งเหยา?
ผู้ชายหรี่ตาขึ้น กวาดสายตามองไปยังด้านหลังอย่างไม่เหลือร่องรอย ก็เห็นเฟิงจิ่งเหยานั่งอยู่ในรถ มองกู้ฉางฉิงด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน
“เลิกงานพอดี ก็เลยถือโอกาสมารับคุณ”